เหมาต้าเย่ตั้งแต่มาถึงตำหนักรับรองก็ทำลายข้าวของจนเละไม่เหลือชิ้นดี นางข้าหลวงที่ได้รับเกียรติให้มารับใช้เขาก็พากันกลัวไปหลบภัยอารมณ์ของเจ้านายคนใหม่อยู่ใต้โต๊ะเครื่องแป้ง
ก็ว่าที่พระชายาอ๋องพอเข้ามาถึงในห้องก็ยกเก้าอี้ปาใส่ผนังไปสองตัวไหนจะมีแจกันที่นางเขวี้ยงลงพื้นอีก เจ้าอารมณ์นัก! แล้วพวกนางจะอยู่รอดไหมเนี่ย
เหมยลี่ตัวสั่นหันหน้าไปมองฉางเอ๋อร์เล็กน้อย
"ข้ากลัว"
ฉางเอ๋อร์พยักหน้ารับแล้วหันกลับไปมองเจ้านายคนใหม่ที่ตอนนี้กำลังเขวี้ยงหมอนและผ้าห่มใส่กำแพงอย่างบ้าคลั่ง
“พวกเจ้า! ฉางเอ๋อร์และเหมยลี่?” เหมาต้าเย่ถามไม่ลืมที่จะดัดเสียงให้เล็กเหมือนหญิง
“พะ เพคะ! ฉางเอ๋อร์เพคะ” ฉางเอ๋อร์รีบออกมาจากใต้โต๊ะนั่งคุกเข่าต่อหน้าเจ้านาย ไม่ต่างจากเหมยลี่ที่ก็รีบคลานออกมาคุกเข่าข้างฉางเอ๋อร์เช่นกัน
“เหมยลี่เพคะ” เหมาต้าเย่กลอกตาเล็กน้อยแต่จะโทษทั้งสองคนก็ไม่ได้จะโทษก็ต้องโทษเจ้าฮ่องเต้ของแคว้นนี้! แล้วมาเห็นตอนไหนว่าเขาดี หึ หรือว่ารู้ว่าเขาเป็นสายสืบจากแคว้นอื่น?
ก็ไม่น่าใช่… เหมาต้าเย่ถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะมองไปรอบห้องสภาพมันเพิ่งผ่านสงครามอารมณ์ของเขาหมาดๆ
คงต้องเก็บกวาด
“ช่วยข้าเก็บกวาดได้หรือไม่เจ้าคะ” เหมาต้าเย่พยายามสงบจิตสงบใจข่มอารมณ์ตนไว้เพราะอย่างไรใส่อารมณ์ไปกับสิ่งของก็คงไม่ดีแล้วไหนอาจจะพลาดโดนสองสาวนี่อีก
“เพคะ! ได้เพคะหม่อมฉันจะช่วยแน่นอน” เหมยลี่ยิ้มรับ เหมือนว่า ว่าที่พระชายาจะใจเย็นลงแล้วคงจะไม่อะไรแล้วกระมัง
“เอ่อ พวกพี่ๆ ไม่ต้องพูดคำราชาศัพท์กับข้าก็ได้นะเจ้าคะ ข้ายังไม่ได้แต่ง..” เหมาต้าเย่ว่าต่อเพราะรู้สึกขัดหูหน่อยๆ ปกติเคยใช้กับคนอื่นแต่นี่มาโดนเรียกเองก็รู้สึกแปลกๆ อยู่
“มิได้เพคะ อย่างไรอีกไม่นานท่านหญิงก็ต้องแต่งเข้าวังอ๋องอยู่ดีถือว่าพวกหม่อมฉันได้ฝึกกันให้ชินเพคะ รวมถึงตัวท่านหญิงด้วยเพคะ” ฉางเอ๋อร์ว่าบ้าง พร้อมก้มหน้าผากติดพื้น ใครจะกล้าครั้งนี้พระราชทานสมรสแตกต่างจากทุกทีเพราะในนั้นมันบอกอยู่แล้วว่าแต่งตั้งเป็นพระชายาเอก ซึ่งก็คือตอนนี้ท่านหญิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกนางนั้นคือพระชายาเอกของท่านอ๋องสามแล้ว หาใช่คู่หมั้น
“เฮ้อ งั้นหรือเจ้าคะข้าเข้าใจแล้ว” เหมาต้าเย่แสร้งเสียดายก่อนจะเดินไปยกเก้าอี้กลับมาไว้ที่เดิม ส่วนเหมยลี่และฉางเอ๋อร์ก็ไปเก็บกวาดแจกันที่แตกทิ้ง
เมื่อเสร็จแล้วก็จวนค่ำมืด เหมยลี่เตรียมน้ำไว้ให้เจ้านายได้อาบส่วนฉางเอ๋อร์รีบไปเตรียมสำรับสำหรับเจ้านายน้อยคนใหม่ และในส่วนของเหมาต้าเย่นั้นยังคงเซ็งกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นาน
แล้วข้าจะทำอย่างไรดีเนี่ย…
“ใช่! สิ่งนั้นไงเล่าต้าเย่เจ้ามันโง่จริงๆ” เหมาต้าเย่รีบค้นหากระดาษและพู่กันจากในห้องมานั่งเขียนจดหมายถึงรุ่นน้องทั้งสอง
‘เปลี่ยนแผน! ข้าได้แต่งตั้งเป็นพระชายาอ๋องสามงานของเราอาจจะง่ายขึ้น’
เขียนเสร็จก็รีบม้วนกระดาษให้เล็กแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง ริมฝีปากห่อเล็กลงเพื่อเปล่งเสียงแหลม
วีดวิ้ว!
ไม่นานนัก นกเหยี่ยวตัวใหญ่ก็บินโฉบมาแต่ไกลมาหยุดยืนอยู่ตรงขอบหน้าต่าง
“ปิงปิง เด็กดีรีบเอาไปให้อาหวังนะ” เหมาต้าเย่กล่าวพลางลูบหัวนกเหยี่ยวเบาๆ เจ้าปิงปิงเป็นเหยี่ยวที่เขาเลี้ยงเองมาตั้งแต่มันยังเล็กเลยสนิทกันมากเป็นพิเศษ มือบางรีบผูกกระดาษไว้กับขาของเหยี่ยวตัวโต
“อะ เสร็จแล้วรีบไปเสีย” เหยี่ยวตัวโตหันตัวออกไปด้านนอกก่อนจะกางปีกเตรียมบิน
“ท่านหญิงโจวเพคะ จะรับสำรับเลยหรือไม่เพคะ” เหมาต้าเย่รีบปิดหน้าต่างกันผิดพิรุษกับสองบ่าวหน้าห้อง เขาเดินกึ่งวิ่งกลับมานั่งที่เตียงนอนทำตัวให้ปกติที่สุด
“ท่านหญิงโจว?” เสียงด้านนอกยังมีต่อ เพราะคนในห้องไม่ยอมขานตอบ
“เอาเข้ามาได้เลย”
“เพคะ” พอสิ้นเสียง เหมยลี่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับบ่าวสาวอีกหลายคนข้างหลังพากันถือถาดถ้วยจานเข้ามาจัดวางบนโต๊ะให้ ทั้งยังมีการเอาเข็มเงินจุ่มตรวจพิษด้วยตามปกติของพวกชนวังหลวง เหมาต้าเย่มองการกระทำทุกอย่างของทุกคนพลางคิดว่าเป็นอย่างนี้มันก็ดีอยู่เผื่อๆ งานอาจจะง่ายขึ้นด้วยซ้ำ เป็นหวางเฟยน่าจะมีสิทธิ์หลายๆ อย่างมากกว่านางใน ทำไมเขาถึงเพิ่งคิดได้กันนะ
“เรียบร้อยแล้วเพคะ ท่านหญิงทานได้เลย” ฉางเอ๋อร์เอ่ยพลางผายมือไปทางโต๊ะอาหาร
“อืม ขอบคุณท่านพี่ทั้งหลายมากเจ้าคะ” เหมาต้าเย่ว่า นางข้าหลวงไม่คุ้นหน้ายิ้มรับแล้วค้อมศีรษะให้ก่อนจะเดินถอยหลังออกจากห้องไป เหมาต้าเย่ลุกขึ้นเดินมานั่งที่เก้าอี้ จับตะเกียบเตรียมทานอาหารแต่มันรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างด้านหลัง
เหมยลี่ ฉางเอ๋อร์ยังคงยืนคุมอยู่ด้านหลังนิ่ง
ข้าไม่กล้ากิน…
“เอ่อ พี่เหมยพี่ฉางกินด้วยกันไหมเจ้าคะ”
“มิบังอาจเพคะ” เหมยลี่กล่าว
“แต่พวกท่านยืนคุมอยู่เยี่ยงนี้ข้าไม่กล้ากิน..” เหมาต้าเย่กล่าวตามตรงกับสองบ่าวจอมกระตือรือร้น พวกนางหน้าหงอยลงทันที
“หม่อมฉันมิได้ตั้งใจเพคะ”
“เอ่อ ข้าๆ เอ่อจะยืนอยู่เยี่ยงนี้ก็ได้ข้าจะพยายามชินเองเจ้าค่ะ!” พอกันที เขายอมแล้ว
อย่างไรเขาก็เป็นชายเห็นหญิงสาวเศร้าหมองอย่างนี้มิได้หรอก
เหมยลี่ยิ้ม “เพคะ”
ดีที่ตอนนอนพวกนางไม่ได้มาคุมด้วยมิเช่นนั้นเขาคงจะบ้าตายแน่ๆ
เหมาต้าเย่ยืนนิ่งกางแขนให้สองสาวแต่งตัวให้ วันนี้เขาต้องพบเจ้าอ๋องลูกเต่านั่นเลยต้องแต่งตัวหรูหราตามความต้องการของฉางเอ๋อร์และเหมยลี่ที่เป็นคนเตรียมชุด ชุดสีม่วงอ่อนตัดกับสีขาวปักลวดลายดอกมะลิ พู่หยกสีสวยผูกติดเอวไว้ ส่วนทรงผมเหมยลี่แนะนำให้ปล่อยยาวมัดไว้เพียงครึ่งเป็นพอเขาไม่ขัดอยู่แล้วเรื่องนั้น แต่ที่เขาเซ็งคงจะเป็นเรื่องเครื่องหัวที่จะเยอะแยะอะไรปานนี้!? ขนาดแค่หวางเฟยนะถ้าเป็นฮองเฮาจะขนาดไหนเนี่ย!?
ไหนจะต้องแต่งหน้าเสียแน่นจนข้าจะยิ้มไม่ได้อยู่แล้วเนี่ย!
“งดงามเพคะ งดงามมากๆ” งดงามกับผีน่ะสิ หน้าหนาอย่างโบกปูนเยี่ยงนี้บุรุษอย่างข้า…
“ขอบคุณพี่ฉางพี่เหมยลี่เจ้าค่ะ” เหมาต้าเย่ตอบเนือยๆ แม้ไม่เต็มใจแต่เพื่อแผนการใหม่ที่เพิ่งวางเมื่อคืนวานแล้วเขาทำได้แน่นอน
“หืม หวางเฟยเพิ่งแต่งตัวเสร็จหรือ” !!!
เจ้าอ๋องลูกเต่า!
“ถวายพระพรเพคะท่านอ๋อง” ฉางเอ๋อร์และเหมยลี่รีบย่อตัวให้ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกให้ทั้งสองนายได้อยู่กันลำพัง
เหอะๆ ข้าไม่อยากอยู่กับเจ้านี่สองต่อสองเลย!
“ถวายพระพรเพคะท่านอ๋อง” เหมาต้าเย่ว่าบ้าง เครื่องหัวมันหนักมากจนเขาเริ่มรู้สึกปวดคอนิดๆ
ท่านอ๋องสามพยักหน้ารับ “เรื่องงานแต่งจัดที่วังของข้า เจ้าอยากแต่งวันไหน”
“เอ่อ แล้วแต่ท่านอ๋องจะกรุณาเพคะ” เหมาต้าเย่ย่อตัวให้แก่ท่านอ๋อง
จะวันไหนก็แล้วแต่เจ้าเถอะ! ข้าพร้อมมาก
“งั้นวันนี้เลย!” บ้ารึ!?