เมื่อรถม้าจอดเทียบหน้าประตูวังหลวงเหมาต้าเย่ก้าวลงจากรถม้าด้วยท่าทางสง่างามถ้าไม่ดูเสื้อผ้าคงจะต้องคิดว่าเป็นหนึ่งในนางสนมของฮ่องเต้เป็นแน่…
“ขอต้อนรับแม่นางน้อย ข้าหวังกูกูจะเป็นผู้นำพวกเจ้าเข้าสู่วังหลวง” หวังกูกู หรือหวังเซียวลี่เอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะเดินนำบรรดาแม่นางน้อยที่มาเข้ารับการทดสอบเพื่อเข้าเป็นนางในของวัง
เหมาต้าเย่เดินตามรั้งท้ายของขบวนจนมาหยุดหน้าตำหนักหนึ่ง ตัวกูกูหมุนกลับมากล่าวต่อ
“การเป็นนางในถือเป็นงานที่มีเกียรติพวกเจ้าต้องผ่านการทดสอบทั้งหมดก่อนถึงจะได้เป็นนางในอย่างที่ปราณา”
“เอาล่ะ เรียงแถวกระดานบอกชื่อและสกุลของพวกเจ้ามาทีละคน”
เพียงไม่นานหญิงสาวเกือบร้อยกว่าชีวิตก็จัดแถวกันเรียบร้อยรอการมาของท่านกูกู เสียงแม่นางน้อยทั้งหลายค่อยๆ ขานชื่อสกุลตนออกมาเรื่อยๆ จนไหลมาใกล้เขา
เหมาต้าเย่ลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากถึงแม้จะเตรียมตัวมาดีมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นกังวลเรื่องเสียงของตนอยู่ หากว่าเอ่ยออกไปแล้วดันโป๊ะขึ้นมาคงจะแย่
“ชื่อสกุล..” หวังกูกูกล่าวกดดันอยู่เบื้องหน้า เหมาต้าเย่เริ่มคิด
แย่แน่ แย่แน่ๆ!
“ขะ ข้าน้อยสกุลโจว โจวผินซีเจ้าค่ะกูกู”
เหมาต้าเย่กำหมัดข้างลำตัวแน่น ก้มหน้าจนคางจะชิดคอ ดวงตาปิดสนิทกลัวความจะแตก
“อืม เจ้ามิต้องกลัวข้าถึงเพียงนี้ก็ได้ ผ่าน!”
ผ่านหรือ เหมาต้าเย่เงยหน้าขึ้นมาสบตาท่านกูกูก่อนจะยิ้มหวานออกมาอย่างดีใจ กูกูเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มตอบเล็กน้อยแล้วเดินไปต่ออีกคน
แสดงว่าเสียงของเขาผ่านใช่หรือไม่
อ่า..สวรรค์ท่านช่างเมตตาข้าเสียจริง
การรายงานตัวผ่านไป…
มาต่อที่การทดสอบฝีมือเย็บปักถักร้อย
เหมาต้าเย่มั่นใจเต็มอกว่าต้องผ่านเพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเขาฝึกมันมาก่อนจะมาเข้าคัดเลือกน่ะสิ
“อืม ใช้ได้ดีเลยนะแม่นางโจวฝีมือยอดเยี่ยมนัก” หวังกูกูเอ่ยพลางลูบผ้าปักลวดลายดอกบัวที่ เหมาต้าเย่ปักไปส่งให้ภายในไม่กี่เค่อ
ท่านกูกูยิ้มเช่นนี้ ต้องผ่านอย่างแน่นอน!
“ผ่าน!”
หลังจากการทดสอบผ่านไป การทดสอบใหม่ก็เข้ามาอีกแต่อย่างเหมาต้าเย่มีหรือจะไม่ผ่าน
การทดสอบจัดดอกไม้ “ผ่าน!”
การทดสอบมารยาท “ผ่าน!”
การทดสอบความรู้ “ผ่าน!”
จนในที่สุดจวนจะหมดวันหญิงสาวจากร้อยลดเหลือเพียงสี่สิบหนึ่งในนั้นแน่นอนว่าต้องมี..
“โจวผินซี รับคำสั่ง”
“เจ้าค่ะ” เหมาต้าเย่ก้าวไปเบื้องหน้าหวังกูกู ก่อนจะย่อตัวลงรอรับแต่งตั้ง
ฝีมือข้าขนาดนี้ต้องได้ตำแหน่งดีๆ หน่อยแหละน่า
ขันทีชราเปิดแผ่นกระดาษกางออก “โจวผินซี ฉลาดหลักแหลม มารยาทดีงาม ฝีมือยอดเยี่ยม แต่งตั้งเป็นพระชายาเอกในเหยียนอ๋อง”
“ขอบพระทัยฝ่าบะ…!”
ว่าอย่างไรนะ!? อีกทีสิ
หูข้าเพี้ยนไปแล้วหรือ
“เป็นอันใดรึ แม่นางโจว” หวังกูกูเห็นเด็กน้อยชะงักนิ่งไปจึงเอ่ยปากถาม เหมาต้าเย่เงยหน้ามองอย่างไม่เชื่อหูตนเอง
“มะ เหมือนจะมีการเข้าใจผิดนะเจ้าคะ ข้าน้อยมาถวายตัวเป็นนางในมิได้..”
“ฮ่องเต้เห็นเจ้าโดดเด่นกว่าผู้อื่น กับที่ว่าเหยียนอ๋องยังมิมีชายา ฮ่องเต้จึงมอบราชสมรสแก่เจ้ากับท่านอ๋อง มิดีหรือโจวผินซี” หวังกูกูกล่าว มองโจวผินซีที่นิ่งไปอีกครั้งอย่างสงสัยปกติใครต่อใครได้ราชทานสมรสกับอ๋องถือว่าดีนี่ แล้วไฉนเด็กน้อยนางนี้ถึงได้ทำหน้าอย่างกับเห็นผีกัน
“ขะ ข้ามะ!” ร่างบางกำลังจะคัดค้าน
นี่มันผิดแผนแล้ว!
“มีเรื่องอันใดกันหรือ หวังกูกู” !!!
“ท่านอ๋องสาม! ถวายพระพรเพคะ”
อะ อ๋องสาม!? หรือจะเป็นเหยียนอ๋องคนนั้น มาทำไม..
“โจวผินซีคือเจ้าสินะ หันหน้ามาให้เปิ่นหวาง” จบเห่แน่!
เจ้าอ๋องสามนี่สินะที่มาทำลายแผนการของข้า!
เหมาต้าเย่ค่อยๆ หันตัวไปด้านหลัง ก้มหน้าลงต่ำมองพื้นเหมือนไม่มั่นใจแต่จริงๆ แล้วเพียงแค่กำลังสถบด่าทอเจ้าอ๋องสามนี่อยู่ในใจ
“ถวายพระพรท่านอ๋องสามเพคะ”
หมิงซ่งเหยียนมองว่าที่ชายาตนอย่างสำรวจ ที่จริงแล้วที่ได้ราชทานสมรสก็เพราะเขาเป็นคนไปขอกับฮ่องเต้เอง เห็นอีกคนงดงามและยังฝีมือยอดเยี่ยมทุกอย่างเลยนี่สิภรรยาที่ดีในอุดมคติเขา!
“หึ ฉางเอ๋อร์และเหมยลี่จะนำเจ้าไปที่ตำหนักรับรอง พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะไปคุยกับเจ้าเรื่องงานส่วนวันนี้พักผ่อนเสีย”
ข้าอยากจะตะบันหน้าเจ้าอ๋องลูกเต่านี่เสียจริง ทำมาเป็นสั่ง เหอะ!
“ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง”