การจากลาที่ไร้เสียง

1490 คำ
“คุณหนูมีงานเช้าเหรอคะ ให้ป้าเตรียมอาหารให้เลยไหมคะ?” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเอวาไปหาทานข้างนอก ว่าแต่คุณแม่ยังไม่ลงมาอีกเหรอคะ?” “ค่ะ เมื่อวานท่านคงเหนื่อย” “งั้นเดี๋ยวป้าละเมียดช่วยทำข้าวต้มปลาไว้ให้คุณแม่ทีนะคะ เอวาจะขึ้นไปดูสักหน่อย” พูดจบเอวาก็เดินกลับขึ้นไปบนบ้าน เมื่อปกติแล้วคุณตราดานั้นตื่นเช้าเสมอ แต่ดูท่าวันนี้จะเหนื่อย เธออยากที่จะแน่ใจว่ามารดาไม่ได้ป่วยก่อนจะออกไปทำงาน เพราะเธอนัดคุณหมอให้เข้ามาดูอาการของคุณตราดาในช่วงบ่ายเรียบร้อยแล้ว ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คุณแม่คะ ตื่นรึยังคะคุณแม่” เธอเดินขึ้นมาเคาะประตูห้องนอนของคุณตราดา แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ ทำเอาเอวาเริ่มกังวลรีบเปิดประตูเข้าไป “คุณแม่คะ คุณแม่...” เธอเข้าไปนั่งลงข้างเตียงแล้วจับแขนของคุณตราดาเพื่อปลุก แต่พอสัมผัสแขนของคนที่นอนหลับอยู่ เอวาถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว ร่างบางแข็งทื่อเมื่อความเย็นยะเยือกไหลผ่านมือของเธอขึ้นมา “คุณแม่...ฮึก...คุณแม่คะ ตื่นได้แล้วค่ะคุณแม่ ฮึก...” เสียงเรียกที่เริ่มสั่นพยายามกลั้นก้อนสะอื้นที่มันจุกอกขึ้นมาเอาไว้แล้วเขย่าเรียก แต่กลับไร้การตอบกลับเมื่อตอนนี้เหลือเพียงร่างไร้ลมหายใจที่นอนอยู่ “คุณแม่ ฮื่อๆๆๆๆๆ คุณแม่คะ ตื่นขึ้นมาสิคะคุณแม่ ฮื่อๆๆๆ คุณแม่ ฮื่อๆๆๆๆ คุณแม่ ฮื่อๆๆ” เอวาถึงกับสั่นเทาพยายามร้องเรียกคุณตราดา จนคนรับใช้และแม่บ้านต่างวิ่งกรูกันขึ้นมาตามเสียงที่ได้ยิน “คุณหนูคะ เกิดอะไรขึ้น...” ป้าละเมียดที่ยังถือตะหลิวอยู่ในมือถามขึ้นพร้อมกับหันไปมองเอวาที่กอดร่างไร้วิญญาณของคุณตราดาร้องไห้เหมือนจะขาดใจตาย ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ จากนั้นทั้งห้องก็ดังไปด้วยเสียงร้องไห้ เมื่อเจ้านายได้ลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว จากนั้นงานชาปนกิจศพของคุณตราดาก็ถูกจัดขึ้นที่วัดโดยจอมทัพเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดเมื่อเอวาแทบไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวเอาแต่นั่งร้องไห้จนสองตาบวมเป่งดูน่าสงสาร “ได้ยินว่ามีลูกชาย แล้วทำไมยังไม่มาอีกล่ะหรือที่เคยได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง” คนในงานที่มาไว้อาลัยต่างถามหาลูกชายคนเดียวของคุณตราดา “เห็นว่าแทบจะตัดขาดกันไปแล้ว...แต่ก็นะ แม่ตายทั้งคนจะไม่มาเลยก็ใจดำเกินไป” “นั่นสิ สงสารคุณตราดาจริงๆ” เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นไม่หยุด ยิ่งทำให้เอวาเสียใจกับสิ่งที่เธอทำไม่สำเร็จ แค่เพียงอย่างเดียวที่มารดาต้องการเธอกลับทำให้ไม่ได้ เธอเริ่มร้องไห้ตัวโยนอีกครั้งจนจอมทัพต้องรีบเข้ามากอดปลอบ “เอวา...พอเถอะนะเดี๋ยวคุณป้าจะไปไม่สงบ หยุดร้องไห้เถอะ” จอมทัพที่ไม่อยากให้เอวาเป็นอะไรตามคุณตราดาไปอีกคนพยายามพูดให้เอวาทำใจกับการจากไปของคุณตราดา ถึงแม้จะรู้ว่ามันยากแต่คนตายไปแล้วจะให้ปลุกให้ฟื้นคืนชีพคงเป็นไปไม่ได้ “แกว่ายังไงนะ??...นี่มัน...เรื่องบ้าอะไรกัน...” ทางด้านอดัมที่พึ่งได้รับรายงานจากลูกน้องถึงการจากไปของคุณตราดาถึงกับแทบหมดแรง ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องในวันเดียวกันแบบนี้ “แล้วจะเอายังไงกับนายหัวดีครับ...เราต้องบอก...” “เดี๋ยวฉันจัดการเอง ตอนนี้นายหัวเจ็บหนัก...อาจไม่ดีถ้าต้อง...” “บอกมา...อ๊าก! มีเรื่องอะไร” ยังพูดไม่ทันจบ ร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลก็เดินเปลือยท่อนบนออกมาจากห้องพักฟื้น เมื่อเขาไม่ชอบเลยจริงๆที่ต้องมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ “นายหัว! จะลุกมาทำไมครับ เดี๋ยวแผลก็ฉีกอีก” อดัมถึงกับตกใจ เพราะก่อนหน้านั้นแผลก็เปิดไปแล้วรอบนึงกับความดื้อรั้นของเพลิงตะวันที่เอาแต่จะกลับเหมือง “หุบปากแล้วบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” แต่เพลิงตะวันไม่สนใจ ถามเรื่องที่ลูกน้องพยายามปกปิดเขาอยู่ “เอ่อ นายหัว เอ่อ คุณท่าน...” อดัมที่ไม่รู้จะบอกยังไงได้แต่อ้ำอึ้ง “ถ้าเรื่องนั้นก็ไม่ต้องพูด ไปบอกให้คนเอารถออก ฉันจะกลับเหมือง” เพลิงตะวันสั่งขึ้นพร้อมเดินกุมแผลที่เต็มไปด้วยอาการเจ็บ เพราะต้องผ่าตัดเอากระสุนออกและให้เลือดเขาถึงพ้นขีดอันตรายมาได้ “คุณท่านเสียแล้วครับ...” “................” คนที่กำลังจะกาวเดินถึงกับหยุดนิ่งไปทันที เมื่อประโยคที่พึ่งได้ยินเหมือนกับฟ้าฟาดลงมากลางตัวของเขาอย่างจัง เขาค่อยๆหันไปมองอดัม พร้อมสายตาแข็งกร้าว “แกพูดว่ายังไงนะ” “คุณท่านครับ...คุณท่าเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ครับ” อดัมบอกขึ้นพร้อมกับก้มหน้าหลบ เพราะถึงแม้เขาจะรู้ว่าเพลิงตะวันเฉยเมยต่อผู้เป็นแม่มาโดยตลอดแต่ความจริงแล้วมันเกิดจากความเสียใจไม่ใช่ความเกลียดชัง ส่วนเพลิงตะวัน จากแผลถูกยิงที่ว่าเจ็บมากแล้วกลับเทียบไม่ได้เลยกับความเป็นจริงที่ว่ามารดาของเขาได้จากเขาไปแล้ว ซึ่งการลาจากครั้งนี้ไม่ใช่แค่ไปที่ไหนสักที่แต่กลับเป็นการลาจากตลอดกาล พลันสองตาคมก็แดงก่ำ เขาเริ่มก้าวเดินต่อไปโดยไร้ซึ่งอาการเจ็บปวดที่แผล เมื่อในหัวใจตอนนี้มันเจ็บปวดยิ่งกว่า “นั่นใครน่ะ...ทำไมถึง...” ทุกคนในงานต่างมองมาที่แขกที่พึ่งมาถึงอย่างแปลกใจระคนตกใจ เมื่อร่างกายแขกที่พึ่งมาถึงงานดูทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด “ถอยไปฉันเดินเองได้...” เสียงอันแหบแห้งสั่งขึ้น เมื่อพวกลูกน้องของเขาพยายามเข้ามาพยุงร่างสูงใหญ่ที่บาดเจ็บสาหัสทั้งทางกายและทางใจในตอนนี้ แต่เพลิงตะวันกลับไม่ยอมเมื่อเขาต้องการยืนหยัดเดินด้วยตัวเอง “สวัสดีครับ คุณมาเคารพ...” จอมทัพที่เดินออกมาต้อนรับแขกถึงพูดไม่ออกเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดของเขาเลยสักนิด แถมเดินเลยเขาไปเหมือนเขานั้นไร้ตัวตน เพลิงตะวันเดินตรงเข้ามาหยุดยืนต่อหน้าโลงศพของคุณตราดาที่ประดับตกแต่งไปด้วยดอกไม้สีชมพูที่เขาจำได้ว่าเป็นสีโปรดของมารดา “คุณ...ฮึก ทำไมพึ่งมา ฮื่อๆๆๆๆ ทำไม ฮื่อๆๆๆๆ ทำไม! ทำไม! ทำไม!!!!” เอวาที่พึ่งเดินกลับออกมาจากห้องน้ำเจอเข้ากับร่างสูงของเพลิงตะวัน เธอมองเขาแค่แว๊บแรกก็จำได้ในทันทีเมื่อเขานั้นหน้าตาไม่ต่างจากรูปที่คุณตราดาวางประดับเอาไว้ในห้องเลยสักนิด และจากนั้นทุกคนในงานก็ต่างตกใจกับการปรากฏตัวของเพลิงตะวัน จอมทัพรีบเดินเข้ามาจับเอวาเอาไว้เพราะเห็นว่าเธอกำลังเดินตรงเข้าไปหาเพลิงตะวัน “เอวา ใจเย็นๆก่อนนะ คนอื่นกำลังมองอยู่” “เอวาไม่สน!! ฮื่อๆๆๆ ทำไมเขาถึงมาเอาป่านนี้ ฮื่อๆๆๆ ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ รู้ไหมคุณแม่เฝ้ารอคุณมานานแค่ไหน ฮื่อๆๆๆๆ” เอวาเอาแต่ต่อว่าด้วยน้ำตา เธอเสียใจเหลือเกินจนจอมทัพต้องกอดเธอเอาไว้แน่น ส่วนเพลิงตะวัน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ สองตาแดงก่ำแต่ไร้ซึ่งน้ำตาเมื่อมันหยดลงไปในหัวใจอันแข็งกระด้างของเขาจนหมดสิ้นแล้ว ‘ทำไม...ไหนบอกว่าจะอยู่รอจนกว่าผมจะให้อภัยไง...ทำไมถึงจากไปทั้งๆที่ผมยังไม่ให้อภัยแบบนี้ ทำไม!’ เพลิงตะวันต่อว่ามารดาในใจคนเดียวเงียบๆ สองมือกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามอดทน เขามองจ้องรูปภาพที่ยิ้มกว้างของคนที่จากไปด้วยหัวใจบอบช้ำ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เห็นมัน “นี่เหรอลูกชายของคุณตราดา ดูสิ มางานศพแม่ทั้งที น้ำตาก็ไม่มีสักหยด หึ!” “ใช่ นี่ถ้าไม่ตายคงไม่มา” “นั่นสิ ลูกอะไรใจดำขนาดนี้” “เป็นแบบนี้ไม่มายังดีกว่า” “เสียใจแทนคนตาย” เสียงคนรอบข้างพูดขึ้นอย่างไม่คิดปิดบังเมื่อใครๆต่างก็รู้ว่าคุณตราดาเป็นคนดีแค่ไหน แต่กลับต้องมาทนทุกข์เพียงเพราะลูกชายไม่เคยมาดูดำดูดีเลยสักครั้งตั้งแต่ไปอยู่กับบิดาที่หย่าขาดกันไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม