และหลังจากวันนั้น เพลิงตะวันก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ยอมกินยอมนอน เขานั่งอยู่ไม่ไกลจากโลงศพของคุณตราดาจนคนที่มาร่วมงานต่างเมินเฉยต่อเขา รวมทั้งเอวาเมื่อทั้งเสียใจทั้งโกรธ จนกระทั่งงานศพเสร็จสิ้นลงและเพลิงตะวันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมจนอดัมที่คอยดูแลไม่ห่างนั้นหนักใจเป็นอย่างมากเพราะเพลิงตะวันเองก็บาดเจ็บสาหัสอยู่
“นายหัวครับ งานที่นี่เสร็จแล้ว ผมว่านายหัวไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่าไหมครับ”
อดัมถามขึ้น เมื่อนี่ก็วันที่สามแล้วที่เจ้านายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนี้ เอาอะไรมาให้กินก็ไม่แตะต้องเลยจนเขากลัวว่าเพลิงตะวันจะเป็นอะไรไปอีกคน
“อืม กลับกันเถอะ”
และนี่ก็เป็นคำแรกที่ออกจากปากของเพลิงตะวันหลังจากเงียบมาหลายวัน
“นายหัว!!!”
และพอเขาจะลุกขึ้น ร่างใหญ่ก็ฟุบหมดสติไปทันที จนพวกลูกน้องของเขารีบกรูกันเข้ามาพยุงเจ้านายเอาไว้ ก่อนจะพาขึ้นรถเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาล
“เป็นอะไรรึเปล่าเอวา?”
จอมทัพที่เดินเข้ามาหาเอวาที่กำลังยืนมองตามขบวนรถของเพลิงตะวันถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ...”
เอวาบอกขึ้นก่อนจะมองดูควันสีขาวที่ลอยเต็มท้องฟ้าอย่างเศร้าเสียใจ ตอนนี้เธอตัวคนเดียวอีกแล้วสินะ โชคชะตาของเธอช่างน่าสงสารเกินไปจริงๆ
“พี่ว่าเอวากลับไปพักที่บ้านก่อนดีกว่า เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง”
“ไม่ค่ะ เอวาจะรอจนกว่าจะเก็บอัฐิของคุณแม่”
จอมทัพที่ได้แต่มองเอวาอย่างเป็นห่วงเมื่อเอวาแทบไม่กินไม่นอนจนร่างกายซูบผอม จากนั้นกว่า 2 ชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เหลือเพียงแค่เอวาและจอมทัพเท่านั้นที่อยู่จนจบงาน
“ให้พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนไหม?”
จอมทัพถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ เอวาอยากอยู่กับคุณแม่ต่ออีกหน่อย พี่จอมทัพไปพักเถอะนะคะ เหนื่อยมามากแล้ว...เอวาขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับงานคุณแม่”
“อืม งั้นถ้าเอวารู้สึกดีขึ้นแล้วก็โทรหาพี่นะ พรุ่งนี้พี่ต้องไปงานที่อังกฤษด้วย ยกเลิกก็ไม่ได้จะได้อยู่เป็นเพื่อนเรา”
“เอวาไม่เป็นไรจริงๆค่ะ เอาไว้กลับมาค่อยมาหาเอวานะคะ”
พูดจบเอวาก็เดินลงจากรถพร้อมด้วยที่เก็บอัฐิของคุณตราดาเพื่อจะนำไปลอยอังคารต่อไป ส่วนจอมทัพก็ได้แต่มองตามร่างบางไปเมื่อเขานั้นอยากอยู่ปลอบใจเธอเหลือเกิน แต่คงต้องตัดใจเมื่องานของเขาเองก็สำคัญมากเช่นกัน
และพอเดินเข้ามาในบ้านที่ตอนนี้เงียบสงัด ทำเอาหัวใจอันอ้างว้างของเอวากลับมาอีกครั้ง เธอกอดที่เก็บอัฐิของคุณตราดาเอาไว้แน่นพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม
เธอคิดถึงคุณตราดาเหลือเกินเพราะปกติแล้วเวลาเธอกลับบ้านจะมีคุณตราดาเดินมารับพร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นเสมอ
“เอวาคิดถึงคุณแม่เหลือเกิน ฮึก...เอวาจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคุณแม่ ฮื่อๆๆๆๆ คุณแม่ ฮื่อๆๆๆๆ”
เอวาร้องไห้ออกมาอย่างหมดแรง จนกระทั่งเธอเริ่มตั้งสติได้จึงเดินเข้าไปในห้องนอนของคุณตราดา ที่ยังคงสวยงามและเป็นระเบียบก่อนจะเอาที่เก็บอัฐิของคุณตราดาวางเอาไว้ในนั้น เพื่อให้มารดาของเธอได้พัก
ทางด้านเพลิงตะวันที่ถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด และถ้ามาช้ากว่านี้เขาอาจเสียชีวิตเลยก็ได้
“ถ้านายหัวฟื้นคงไม่ยอมรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแน่ เอาไงดีพี่”
หนึ่งในลูกน้องถามขึ้น ทำเอาอดัมถึงกับคิดหนัก เพราะเพลิงตะวันเองก็ดื้อเหลือเกิน ดูอย่างครั้งนี้ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพียงเพราะติดเชื้อในกระแสเลือดไม่ใช่คู่อริฆ่าตาย เขาล่ะหมดหนทางจริงๆกับเจ้านายหนุ่ม
เช้าวันต่อมา ทนายของคุณตราดาก็มาหาเอวาที่บ้าน เมื่อคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่เขาต้องจัดการเรื่องพินัยกรรมและทรัพย์สินของคุณตราดา
“คุณอา...”
“อามาเรื่องพินัยกรรม เราสะดวกแล้วใช่ไหม?”
เอวามองทนายสมชายอย่างรู้สึกกระอักกระอ่วน เธอไม่คิดอยากได้อะไรจากมารดาของเธอเลยสักนิดเพราะรู้ดีว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ
“เอวาขอสละสิทธิ์ทุกอย่างค่ะถึงจะไม่รู้ว่าคุณแม่ทิ้งอะไรเอาไว้ให้เอวาบ้าง ยังไงคุณแม่ก็มีลูกชายอยู่ ขอให้ทุกอย่างเป็นของงเขาเถอะค่ะ”
เอวาบอกขึ้นตามที่เธอคิด เมื่อเธอมีงานหาเงินเองได้แล้ว
“อาคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามกฎหมาย...อารู้มาว่าลูกชายของคุณตราดาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เอาไว้อาคุยกับหนูเสร็จจะไปหาเขาที่นั่นด้วย”
และเอวาก็ต้องยอมนั่งลงฟังในสิ่งที่ทนายสมชายจะพูด ซึ่งพอทนายสมชายเปิดอ่านพินัยกรรมให้เธอได้รับรู้เอวาถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอไม่รู้เลยว่าคุณตราดาจะรักและเมตตาเธอได้มากมายขนาดนี้
“แล้วนี่ก็เป็นจดหมายที่คุณตราดาเขียนเอาไว้ให้ หนูช่วยเซ็นรับทราบพินัยกรรมให้อาตรงนี้ด้วยนะ”
เอวารีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะเซ็นเอกสารตามที่ทนายสมชายบอก จากนั้นทนายสมชายก็กลับออกไป ปล่อยให้เอวาได้แต่นั่งมองจดหมายฉบับสุดท้ายที่คุณตราดาทิ้งเอาไว้ให้
‘เอวาลูกรัก ถ้าลูกได้อ่านจดหมายนี้แสดงว่าแม่คงไม่ได้อยู่กับหนูแล้ว แม่ขอโทษที่อยู่กับหนูได้แค่นี้ แต่แม่ก็หวังว่าลูกจะมีความสุขและไม่เสียใจกับการจากไปของแม่มากจนเกินไป แม่รักหนูนะลูก แม่คิดมาตลอดว่าหนูคือลูกสาวของแม่ สิ่งที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้คงพอที่จะทำให้ชีวิตหนูมีความสุขและไม่ลำบาก แม่ขอให้หนูมีความสุขและได้แต่งงานกับคนที่หนูรักมีครอบครัวอบอุ่นนะลูกสาวแม่ และสุดท้ายที่แม่อยากขอ แม่อยากให้หนูช่วยดูแลพี่เพลิงแทนแม่...แม่ที่ไร้ความสามารถ ลูกช่วยอยู่ข้างๆพี่เขาแทนแม่คนนี้ได้ไหม แต่ถ้าลูกไม่สะดวกใจที่จะทำมันแม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่รักหนูนะ...ลูกสาวคนสวยของแม่’
เอวาอ่านจดหมายที่คุณตราดาทิ้งเอาไว้ทั้งน้ำตา เธอไม่คิดว่าคุณตราดาจะสั่งเสียเอาไว้ก่อนที่จะจากไปแบบนี้ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งอยากให้คุณตราดาอยู่กับเธอไปนานๆกว่านี้ แต่คงไม่มีแล้วสิ่งที่เธอหวัง
ส่วนทางด้านเพลิงตะวันที่พึ่งฟื้นก็พยายามจะออกจากโรงพยาบาล จนคุณหมอต้องจ่ายยาระงับประสาทเพื่อให้เขาได้พักผ่อนและพอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขากลับกลายเป็นนอนเงียบเอาแต่มองออกนอกกระจกห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล จนกระทั่งอดัมเดินเข้ามาพร้อมกับทนายสมชาย
“นายหัวครับ ทนายขอเข้าพบ...เอ่อ เชิญนั่งครับ”
อดัมดึงเก้าอี้มาให้ทนายสมชายได้นั่งข้างเตียงของเพลิงตะวัน ที่แทบไม่สนใจที่จะหันมามองเพราะในความคิดของเขาตอนนี้คือคิดถึงการจากไปของมารดา
“สวัสดีครับ ผมทนายสมชาย เป็นทนายของคุณตราดา ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะจะคุยเรื่องพินัยกรรมที่แม่ของคุณทิ้งเอาไว้ สะดวกฟังใช่ไหมครับ?”
“......................”
เพลิงตะวันหันมามองคนที่บอกว่าเป็นทนายของมารดาก่อนจะหันกลับไปมองยังกระจกหน้าต่างแบบเดิม จากนั้นทนายสมชายก็เริ่มอ่านพินัยกรรมให้กับเพลิงตะวันได้รับรู้ ซึ่งในพินัยกรรมนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลยสักนิดเพราะคุณตราดาได้แบ่งทรัพย์สมบัติของเธอออกคนละครึ่ง โดยครึ่งหนึ่งให้เอวาส่วนอีกครึ่งหนึ่งยกให้เพลิงตะวัน
“ผมไม่ต้องการ”
“ผมแค่ทำตามกฎหมาย ถ้าคุณไม่ต้องการก็ให้ทนายของคุณมาจัดการทำเรื่องบริจาคหรือจะยกให้กับน้องสาวของคุณไปเลยก็ได้ เอาตามที่คุณต้องการ ส่วนนี่เป็นจดหมายจากแม่ของคุณและเอกสารพินัยกรรม ถ้าคุณตัดสินใจยังไงช่วยเซ็นแล้วส่งให้ผมตามที่อยู่หน้าซองได้เลยผมขอตัวนะครับ”
พอจัดการเรื่องพินัยกรรมเสร็จทนายสมชายก็ลุกเดินกลับออกไป เมื่อนี่เป็นครั้งแรกและคงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เจอลูกชายคนเดียวของคุณตราดา
ส่วนเพลิงตะวันเมื่อทนายสมชายเดินกลับออกไปแล้วเขาก็ค่อยๆหันมามองสิ่งที่ทนายทิ้งเอาไว้ให้ เขามองจดหมายที่คุณตราดาทิ้งเอาไว้ให้พลางคิดว่าเขาควรเฉยเมยกับมันหรือเขาควรเปิดอ่าน
“นายหัวครับให้ผมโทรเรียกทนายขึ้นมาที่นี่ไหมครับ?”
อดัมเดินเข้ามาถาม เมื่อก่อนไปทนายสมชายเดินไปบอกให้เขาเรียกทนายขึ้นมาจัดการเรื่องทรัพย์สิน เพราะดูท่าเจ้านายของเขาจะไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
“ไม่ต้อง...”
และเพลิงตะวันก็ไม่สนใจต่อไป ตอนนี้เขาบอกไม่ถูกเลยจริงๆว่าเขาควรรู้สึกยังไงกับการจากไปของคุณตราดา เขาเคยคิดว่าเขาคงไม่มีความรู้สึกอะไร หรือเขาอาจดีใจที่สุดท้ายมารดาก็ตามบิดาของเขาไป แต่ความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อเขาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตอยู่ตลอดเวลา หัวใจอันแข็งกระด้างเจ็บปวดไม่ต่างจากตอนที่เขาเสียบิดาไปเลยสักนิด
“ให้คนเอาเครื่องมา พรุ่งนี้ฉันจะกลับ”
“แต่ว่า...เอ่อ ครับ...”
อดัมที่กำลังจะคัดค้านกลับเจอสายตาไม่พอใจของเจ้านายหนุ่มเลยต้องตอบรับแทน ก่อนจะเดินกลับออกไป และเพลิงตะวันก็ค่อยๆหยิบจดหมายของมารดาขึ้นมาเปิดอ่าน
‘เพลิงตะวัน ชื่อที่มาจากความรักและความตั้งใจของพ่อและแม่ ถ้าลูกของแม่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แม่คงไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ก่อนอื่นแม่อยากบอกลูกว่าแม่ขอโทษ...แม่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง แม่ไม่ขอให้ลูกให้อภัยแต่แม่อยากขอให้ลูกโกรธแม่ให้น้อยลงก็พอ แม่รักลูกนะ และถ้าย้อนกลับไปได้แม่คงไม่เลือกที่จะแยกทางกับพ่อของลูกเพราะแม่ไม่อยากให้ลูกโกรธและเกลียดแม่อย่างที่เป็นอยู่ แต่แม่คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกชายของแม่ต้องโตมาโดยไม่มีแม่คอยดูแลแบบนั้น และแม่อยากขอบคุณที่ลูกชายของแม่เติบโตมาอย่างดี ถ้าเป็นไปได้แม่อยากเจอหน้าลูกชายของแม่ก่อนที่แม่จะลาจากโลกนี้ไป แต่ก็ไม่รู้ว่าพระเจ้าจะใจดีกับแม่บ้างรึเปล่า แม่คิดถึงลูก คิดถึงมาก ลูกรักของแม่
สุดท้ายแม่อยากจะขอร้องลูกเรื่องนึง ถึงแม่ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนี้ก็ตาม เอวา น้องสาวของลูกแม่อยากฝากฝังให้ลูกช่วยดูแลน้องได้ไหม เธอเป็นเด็กน่าสงสารและเป็นเด็กน่ารัก ถือซะว่าเป็นการขอร้องจากแม่ไม่ดีคนนี้ หวังว่าลูกชายของแม่จะมีความสุข ขอแค่ลูกมีความสุขแม่ก็ตายตาหลับแล้วล่ะ...แม่รักลูก’
พออ่านจบ จดหมายฉบับนั้นก็ถูกกำเอาไว้แน่นจนมันยับยู่ยี่เหมือนกับความรู้สึกของเพลิงตะวันในตอนนี้ สองตาคมแดงก่ำ
‘ทำไม...ทำไมต้องมาเขียนเรื่องความรักบ้าๆพวกนี้ทิ้งไว้แบบนี้ด้วย!! ทำไม!!!’
แทนที่เขาจะรู้สึกดีใจหรือซาบซึ้งใจ แต่เพลิงตะวันกลับรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก
‘น้องสาวอย่างนั้นเหรอ หึ!! ไร้สาระสิ้นดี!!!’