“เอ่อ ผมคิดว่านายหัวคงไม่พร้อมจะเจอ...”
“แต่ฉันพร้อมถ้าไม่เจอวันนี้ชาตินี้ฉันคงไม่ได้เจอเขาอีก!”
“แต่คุณ...โอ๊ย นายหัวได้ฆ่าผมแน่”
เช้าวันต่อมาหลังจากที่นอนคิดเรื่องของเพลิงตะวันและจดหมายที่คุณตราดาทิ้งเอาไว้ให้มาทั้งคืน เอวาเลยตัดสินใจมาหาเพลิงตะวันที่โรงพยาบาลหลังจากโทรไปถามจากทนายสมชายมา แต่พอมาถึงอดัม กลับไม่ยอมให้เธอได้เข้าไปเพราะกลัวเจ้านายจะทำเรื่องให้ร่างกายทรุดลงไปอีก แต่สุดท้ายก็ห้ามเอวาไม่ได้
ผลั๊วะ!
เอวาเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยวีไอพีที่เพลิงตะวันพักอยู่เข้ามาอย่างไม่คิดให้คนด้านในอนุญาต เมื่อเขาคงไม่ยอมถ้าเธอทำแบบนั้นก่อน
“สวัสดี จำฉันได้ใช่ไหม?”
เอวาเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าเพลิงตะวันหันมามองเธอด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวด
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้จักฉัน?? เฮอะ!! นี่มันบ้าไปแล้ว...หรือคุณจำฉันไม่ได้จริงๆ?...”
เอวาถึงกับไม่อยากเชื่อ เมื่อสายตาที่เขามองเธอมันบ่งบอกว่าเขาไม่รู้จักเธอจริงๆ และท่าทางแปลกใจที่เขาแสดงออกมานั่นอีกทำเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น
“นี่นายให้ใครเข้ามาห๊ะ?? ไล่ออกไปเดี๋ยวนี้!”
เพลิงตะวันมองเลยไปยังอดัมที่ยืนอยู่ด้านหลังของเอวาแล้วตวาดดังลั่นจนอดัมทำหน้าเลิกลัก ไม่คิดว่าเจ้านายของเขาจะไม่รู้จักเธอจริงๆ
“เอ่อ เธอเป็น...”
“ฉันเป็นลูก...ลูกเลี้ยงของแม่คุณ! ทีนี้จำได้รึยัง!!”
“................”
‘เด็กเอวานั่นเหรอ...นี่ไม่ใช่เด็กแล้วนี่...’
เพลิงตะวันถึงกับคิดขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะคิดว่าเอวาน่าจะอายุแค่สิบกว่าปี แต่ที่เห็นกลับเป็นสาวสะพรั่งแถมดูท่าจะวีนเก่งเสียด้วย
“มาทำไม เราไม่จำเป็นต้องเจอกันนี่”
และนี่ก็เป็นประโยคแรกที่เขาทักทายน้องสาวต่างสายเลือดพร้อมกับหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำเอาเอวาที่โกรธเขาอยู่ยิ่งโกรธเข้าไปอีก
“คุณมันก็แค่คนนิสัยเสีย! คุณมันใจดำ!”
เอวาต่อว่าออกมาเสียงดัง ทำเอาเพลิงตะวันต้องหันกลับมามองอย่างไม่พอใจ
“คุณรู้ไหมว่าคุณแม่ต้องทนทรมานแค่ไหนกับการรอคอยลูกชายคนเดียวอย่างคุณให้มาหาท่านบ้าง!! ฉันพยายามติดต่อไปแต่กลับไม่มีการตอบรับเลยสักครั้ง!! คุณมันใจจืดใจดำ! คุณมันแย่ที่สุด!! ถ้าเกิดว่าคุณยอมรับโทรศัพท์ฉันบ้าง ฮึก! แค่ครั้งเดียวก็ยังดี...ป่านนี้คุณแม่คงไม่ต้องมาตายอย่างโดดเดี่ยวแบบนี้หรอก!! ฮื่อๆๆๆ คุณมันแย่! แย่ที่สุดเลย!!!”
ต่อว่าเสร็จเอวาก็รีบเดินกลับออกไป เมื่อตอนนี้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ปล่อยให้เพลิงตะวันได้แต่กำมือแน่นกับสิ่งที่เอวาพูดออกมา
“เธอมันจะไปรู้อะไร! เวรเอ้ย!!!!”
เพลิงตะวันตะคอกตามหลังเอวาไป เขาเองก็เสียใจไม่ต่างจากเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาเสียใจแค่ไหนกับการจากไปของมารดาของเขา ถึงจะโกรธมากมายขนาดไหนแต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าอยากให้ท่านมาจากไปแบบนี้
“อดัม!!! อยู่รึเปล่าห๊ะ!”
เพลิงตะวันตะโกนเรียกอดัมดังลั่น ก่อนอดัมจะรีบวิ่งเข้ามา
“เตรียมเครื่องพร้อมรึยังห๊ะ!!! ฉันจะกลับตอนนี้!!”
เพลิงตะวันบอกขึ้นพร้อมตวัดผ้าห่มทิ้งแล้วลุกขึ้นหาเสื้อผ้าที่จะใส่ออกจากโรงพยาบาล
“นายหัวครับ คือว่าเราเอาเครื่องออกไม่ได้ครับ สภาพอากาศข้างนอกตอนนี้แย่มากๆ คงจะอีกสองสามวันถึงจะเอาเครื่องขึ้นบินได้...ถ้าจะกลับให้เร็วที่สุด คงต้องนั่งรถยนต์ไป แต่อาการของนายหัวตอนนี้ เอ่อ คุณหมอคงไม่อนุญาต...”
“หมอเป็นพ่อฉันรึไงห๊ะ!?”
เพลิงตะวันไม่สนใจเมื่อตอนนี้เขาหัวเสียสุดๆกับคำพูดของเอวา
“อืม ถึงไม่ได้เป็นพ่อแต่ฉันก็เป็นเพื่อนของพ่อนาย นอนลงก่อนที่ฉันจะจ่ายยานอนหลับให้”
เสียงของ คุณหมอกรเกียรติ ซึ่งเป็นหมอเจ้าของไข้และเป็นคนผ่าตัดให้กับเพลิงตะวันดังขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องคนป่วย ทำเอาเพลิงตะวันต้องตวัดตาไปมองอย่างไม่พอใจ
“หึ นายคงจำฉันไม่ได้สินะ แต่ฉันน่ะจำได้แม่นเลยล่ะไอ้สายตาแบบนั้น ทั้งประเทศนอกจากพ่อนายแล้วก็มีนายนี่แหละที่มีสายตาแบบนั้น...”
“..................”
พอได้ยินที่คุณหมอพูด เพลิงตะวันถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง เพราะคำพูดประโยคนี้มีเพียงบิดาของเขาที่เคยพูดมันออกมา
“นายไปจากที่นี่ตั้งแต่ยังเล็ก คงจำอะไรได้ไม่มาก ฉันน่ะเป็นเพื่อนสนิทของไอ้อัค ทำคลอดนายเองกับมือเลยล่ะรู้ไหม”
เพลิงตะวันค่อยๆสงบลง สีหน้าอันดุดันค่อยๆคลายลง เมื่อจำได้ว่าบิดาเคยพูดถึงเพื่อนสนิทที่เป็นหมอหลายครั้ง ซึ่งคงเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นแน่
“คงจำไม่ได้จริงๆล่ะสิไอ้หลานชาย แล้วนี่จะไปไหน ฉันไม่อนุญาตให้นายออกจากโรงพยาบาลหรอกนะ รู้ไหมการดึงนายกลับมาจากยมโลกน่ะยากแค่ไหน กลับไปนอนเลยไป ต้องตรวจแผลแล้ว”
เพลิงตะวันค่อยๆเดินกลับไปนั่งลงที่เตียงคนไข้อย่างว่าง่าย เมื่อนานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้เจอคนที่จะสามารถทำให้เขาเคารพได้
“ปกติผมเห็นแต่พยาบาลเข้ามาตรวจ...”
“ก็ฉันงานยุ่งน่ะสิ คนเจ็บคนตายวันละหลายร้อยรายเลย เฮ้ออออ ฉันไม่น่ามาเป็นหมอ น่าจะไปทำเหมืองกับพ่อนายคงรวยเละไปแล้วล่ะ มาขอดูแผลหน่อย”
พูดจบคุณหมอกรเกียรติก็เดินไปนั่งข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะเปิดเสื้อของเพลิงตะวันขึ้นแล้วดึงผ้าปิดแผลออก ส่วนเพลิงตะวันได้แต่นั่งเงียบ เขาพยายามนึกถึงอดีตเผื่อจะจำคุณหมอคนนี้ได้
“วันที่นายคลอดออกมาน่ะ รู้ไหมพ่อนายดีใจมากเลยนะ หมอนั่นน่ะเล่นสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาเลี้ยงทั้งหมอทั้งคนไข้ แถมซื้ออุปกรณ์ผ่าตัดดีๆมาบริจาคให้โรงพยาบาลอีก ฮ่าฮ่าฮ่า หมอนั่นน่ะบ้าขั้นสุดเลยล่ะ”
พอได้ฟังเรื่องราวของบิดาเพลิงตะวันก็ได้แต่เงียบเพราะหลังจากที่บิดาเสียชีวิตไปเขาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบิดาเขาอีกเลย นี่ถือเป็นครั้งแรก ทำเอาเพลิงตะวันถึงกับเผลอยิ้มออกมา
“แล้วคุณ...อา...เอ่อ คุณอารู้จักคุณพ่อได้ยังไง...ครับ...”
“เจอกันตอนเรียนมหาลัยน่ะ เห็นอย่างนั้นหมอนั่นสอบเข้าหมอได้เลยนะ แต่เรียนอยู่สองปีก็เปลี่ยนสายเรียน บอกว่าเบื่อ ฮ่าฮ่าฮ่า”
คุณหมอหัวเราะขึ้นอย่างอารมณ์ดีที่ได้เล่าเรื่องราวเก่าๆซึ่งเป็นอดีตที่มีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา
“คุณพ่อก็เคยเล่าเรื่องเพื่อนสนิทให้ฟัง บอกว่าเป็นคุณหมอที่เก่งมากๆ ไม่คิดเลยว่าผมจะได้เจอคุณอาที่นี่...”
“หึหึ โชคชะตามักเล่นตลกเสมอว่าไหม...เสียใจด้วยนะเรื่องแม่นายน่ะ”
และคุณหมอก็เอ่ยในสิ่งที่อยากพูดออกมา เพราะอันที่จริงเขาได้เจอเพลิงตะวันตั้งแต่วันที่เขาไปร่วมงานศพของคุณตราดาแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปทักทายเพราะในสถานการณ์ตอนนั้นเพลิงตะวันดูจะไม่โอเคเอาเสียเลย
ส่วนเพลิงตะวัน พอได้ยินประโยคนั้นเหมือนกับมีก้อนอะไรขึ้นมาจุกที่ลำคอของเขา เขาเงียบไปพักใหญ่ๆจนกระทั่งทำแผลเสร็จ
“เสร็จแล้ว อาหวังว่าเราจะได้คุยกันอีกนะ อ้อ อีกอย่าง ช่วงนี้คงบินไม่ได้เพราะฝนตก รักษาตัวให้หายก่อนเถอะ อย่างน้อยก็เพื่อตัวเอง”
พูดจบคุณหมอก็เดินกลับออกไป ปล่อยให้เพลิงตะวันได้แต่นั่งเงียบ เมื่อความดื้อรั้นของเขาถูกหยุดเอาไว้เพียงเพราะแค่ได้พบเพื่อนรักของบิดา ทำให้หัวใจอันแห้งแล้งได้ชุ่มฉ่ำขึ้นมา ถึงจะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตามที