ตอนที่ 8 การตัดสินใจ
“คืนนี้ฉันจะไปนอนที่คอนโดฯ เธอจะไปนอนกับฉันรึเปล่า”
“บิ๊ก เอาอันนี้ไปถ่ายเอกสารให้พี่หน่อย แล้วมาจัดเป็นชุดให้พี่ด้วย”
“ได้ครับ”
“บิ๊ก เอกสารได้แล้วรึยัง”
“พร้อมแล้วครับ”
“บิ๊กวิ่งขึ้นไปดูซิว่าพี่เพ็ญจัดห้องประชุมพร้อมรึยัง”
“ครับ”
สิ้นสุดคำสั่งผมก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกขึ้นไปชั้นเก้าเพื่อดูว่าตอนนี้ห้องประชุมพร้อมรึยัง แล้วขาดเหลืออะไรจะได้จัดการเตรียมไปทีเดียวไม่ต้องวิ่งลงมาอีก
วันนี้ผมต้องทำงานที่ออฟฟิศ แต่ความเหนื่อยก็ไม่ได้ต่างจากไปลงไซต์ หรืออาจจะเหนื่อยกว่าด้วยซ้ำ เพราะวันนี้เป็นวันที่มีการประชุมใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนผมจะได้ไปลงไซต์ใหม่ในวันศุกร์นี้
ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ได้คุยกับคุณพนาไป นี่ก็วันอังคารแล้ว ผ่านมาแล้วสามวันที่ผมกับคุณพนาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ในครั้งล่าสุดที่คุยกัน การงอแงของผม มันทำให้ผมรู้ว่าคุณพนาเองก็ชอบผมอยู่เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าชอบของคุณพนาคือมากแค่ไหน แต่แค่รู้ว่าชอบผมก็ดีใจแล้ว
การที่เราได้คุยกันอย่างจริงจังในวันนั้นมันทำให้ผมได้รู้สิ่งที่อยู่ในใจของ คุณพนาบ้าง สารภาพตรง ๆ ว่าตอนนั่งคุยกันในรถผมคิดตามคุณพนายังไม่ค่อยทันหรอก มันเหมือนครั้งที่แล้วที่เราตึงใส่กัน ในเหตุการณ์จริงผมแค่รับรู้ว่าตัวเองดีใจ หรือกำลังเสียใจ แต่ผมยังคิดประมวลผลอะไรได้ไม่ค่อยดี
หลังจากวันนั้นผมเลยได้กลับมาค่อย ๆ ใช้สติแล้วทบทวนสิ่งที่คุณพนาพูด ผมตีความทุกอย่างออกมาด้วยสมองอันน้อยนิดของผมได้ว่าคุณพนาก็น่าจะชอบผม แค่กลัวว่าผมจะไม่จริงจังกับคุณพนา มันเป็นความคิดที่พอผมประมวลผลได้ผมยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองหลงคุณพนามากกว่าเดิม
คุณพนากลัวโดนผมทิ้ง
นั่นโคตรจะน่ารักเลย
พอคิดได้ผมก็แทบจะมีคำตอบให้คุณพนาในทันที ถึงผมจะอายุยังน้อย แต่ผมก็จริงจังกับความรักเสมอ ผมจริงจังกับมันมาตลอดชีวิต ทุกครั้งที่ผมรักใครผมก็รักจริง ๆ ไม่เคยคิดนอกใจ ผมพยายามเสมอในการเป็นแฟนที่ดี เพียงแต่ไม่มีใครต้องการ
ผมอยากจะกลับไปหาคุณพนาที่คอนโดฯ หรือบุกไปที่บ้านคุณพนาเพื่อให้คำตอบคุณพนาในตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่ด้วยความยุ่งจากงานที่ผมได้รับในสัปดาห์ต่อมา มันเลยทำให้ผมต้องอดทนรอ รอวันที่เราจะเจอกันอีก เหมือนที่คุณพนาบอก แต่ถึงจะรอยังไงผมก็แอบขีดเส้นตายในใจไว้แล้วละ ยังไงถ้าภายในอาทิตย์นี้ไม่เจอกัน ผมจะยอมสละวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดของผม ถ่อไปหาคุณพนาถึงที่บ้านเลย ส่วนจะเข้าไปยังไงไม่ให้โดนวาโยไล่ออกมาอันนั้นค่อยคิดทีหลัง
ผมกับพี่ ๆ ในทีมช่วยกันจัดห้องประชุมจนเสร็จ วันนี้เป็นการประชุมใหญ่ ที่รวมทุกทีมที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีคนจากบริษัทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ รายย่อย รวมไปถึงผู้ตรวจงาน เพราะวันนี้จะต้องสรุปงานทั้งหมดก่อนจะเริ่มงานจริง
การประชุมจะเริ่มในเวลาสิบโมง ตอนนี้เวลาเก้าโมงกว่าก็เริ่มมีคนมากันแล้ว หน้าที่ผมในการประชุมตอนเช้ามีแค่จัดเตรียมห้องประชุม และช่วยพี่ ๆ เขาต้อนรับคนที่มาประชุม แต่ผมไม่ได้เข้าประชุมในช่วงเช้าด้วย ซึ่งผมจะได้เข้าประชุมอีกทีในตอนบ่ายที่ประชุมแค่กับทีมและผู้รับเหมาเท่านั้น
“แก คุณเขามาแล้ว”
“จริงเหรอ อยู่ไหน ๆ”
“ข้างล่าง แวะคุยกับคุณกฤตอยู่”
ระหว่างที่ผมรอต้อนรับคนที่มาประชุม ผมก็ได้ยินรุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยเลขาฯ สองคนคุยกัน พี่สองคนนี้จะชอบเมาท์กันเกี่ยวกับผู้หนุ่ม ๆ งานดีที่มาจากบริษัทอื่นบ่อยๆ ที่ผมรู้เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก คราวที่แล้วตอนประชุมสรุปงานไซต์เก่าก็เมาท์กันอยู่แบบนี้แหละ
ระหว่างที่ผมยืนรอคำสั่งจากพี่เลี้ยงของผม ผมก็ฟังที่ทั้งสองคนเมาท์กันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงลิฟต์เปิด แล้วทั้งสองคนก็ยิ่งดี๊ด๊ากันมากกว่าเดิม สงสัยหนุ่มที่ทั้งสองคนพูดถึงจะขึ้นมาแล้ว
“คุณเขามาแล้ว” พี่ผู้ช่วยเลขาฯ สะกิดกันแต่ไม่ได้เดินเข้าไปรับเพราะเป็นหน้าที่พี่เลี้ยงผม ซึ่งผมเองก็ต้องเดินตามไปต้อนรับด้วย
“คุณพนาสวัสดีครับ” พี่นนท์ พี่เลี้ยงของผมยกมือไหว้ทักทายผู้ที่มาใหม่ ผมเองก็ทำเหมือนกับพี่เลี้ยงผม ต่างกันตรงที่พี่เลี้ยงของผมยังมีสติดี แต่ผมเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว
“อื้ม สบายดีนะนนท์”
“ครับ คุณพนาเชิญทางนี้เลยครับ” ร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามาทักทาย พี่เลี้ยงผมอย่างเป็นมิตร ก่อนที่พี่เลี้ยงผมจะพาคุณเขาและผู้ติดตามทั้งหลายเข้าไปด้านใน เสี้ยววินาทีที่กำลังเดิน ร่างสูงหันมามองแล้วยิ้มมุมปากน้อย ๆ วินาทีนั้นเหมือนวิญญาณผมหลุดออกจากร่างแล้วจริง ๆ
คุณพนาเป็นผู้รับเหมาในโครงการนี้งั้นเหรอ
ถึงจะตกใจแค่ไหนผมก็พยายามทำเป็นนิ่งไว้ ผมมองตามคุณพนาไปจนกระทั่งคุณพนาเข้าไปในห้องประชุม จึงได้มีเวลาคุยกับพี่เลี้ยงผม
“พี่นนท์ คนเมื่อกี้ใครเหรอ”
“คุณพนา เจ้าของบริษัทอารัญ ผู้รับเหมาที่เราต้องทำงานด้วยไง” คำตอบของพี่นนท์ทำเอาสมองอึ้งไปอีกครั้ง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าบริษัทที่ต้องทำงานด้วยคือบริษัทของคุณพนา คุณพนาก็เคยบอกแหละว่ามีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่ผมก็คิดไปเองว่าน่าจะบริษัทเล็ก ๆ ไม่คิดว่าคุณพ่อสุดฮอตของผมจะเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เรียกได้ว่ามาแรงที่สุดในตอนนี้
การคุยงานกันในช่วงเช้าเป็นไปอย่างราบรื่น พักเที่ยงก็มีการกินข้าว/รับประทานอาหารระหว่างเหล่าผู้บริหารทั้งหลาย จากนั้นก็มีการพักประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มประชุมทีมย่อยในตอนบ่าย
ผมเองหลังจากทำงานในตอนเช้าเสร็จก็ได้เวลาไปพักเหมือนคนอื่น ผมไปกินข้าวในโรงอาหารของบริษัท แล้วขึ้นมาบนชั้นหกซึ่งเป็นที่ทำงานของตนเอง สิ่งแรกที่ทำหลังจากขึ้นมาคือการไปบริเวณที่กดน้ำร้อนเพราะผมกะจะไปชงกาแฟกิน แต่พอเดินไปถึงผมก็พบว่ามีใครบางคนกำลังยืนชงกาแฟอยู่ก่อนแล้ว
“ทำไมมาชงเองล่ะครับ” ผมเดินไปหยุดอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงใหญ่แล้วถามขึ้น ผมหันไปมองใบหน้าที่ผมแสนคิดถึงใกล้ ๆ ดูแล้วมีแค่ผมที่ดูตกใจกับการเจอกันในที่ทำงานของเรา ผิดกับคุณพนาที่ดูเหมือนจะรู้อยู่แล้ว
นี่สินะที่บอกว่าเราจะได้เจอกันอีกนาน
“ฉันชอบชงเองมันถูกปากกว่า”
“อ่อครับ ผมไม่เห็นรู้มาก่อนว่าคุณทำงานกับบริษัทผม” ผมถามด้วยท่าทีปกติ แม้ในใจตอนนี้ผมกำลังอยากจะเข้าไปกอดคุณพนา ดึงคุณพนามาจูบ แล้วบอกคิดถึงคุณพนาใจจะขาด แต่เพราะที่นี่เป็นที่ทำงาน และคุณพนาเองก็ดูเป็นจุดสนใจ ผมเลยพยายามทำตัวปกติให้ได้มากที่สุด
“ฉันเองก็ยังไม่มั่นใจว่าโปรเจกต์ที่เธอทำจะเป็นโปรเจกต์เดียวกับที่ฉันทำกับโมเดิร์นเฮาส์ ได้รู้ว่าทำงานกับฉันเธอรู้สึกยังไง”
“ก็ดีครับ อย่างน้อยเราก็รู้จักกันแล้ว”
“แค่นั้นเหรอ”
“ครับ” ผมตั้งใจจะหยอดคุณพนาแบบหวาน ๆ แต่เมื่อกี้เห็นว่ามีรุ่นพี่คนอื่น ๆ เดินผ่านแล้วมีท่าทีสนใจคุณพนาผมเลยพูดแบบนิ่ง ๆ แทน แต่ดูเหมือนท่าทางที่ดูนิ่ง ๆ ของผมจะไม่ถูกใจคุณพ่อสุดฮอตของผมเท่าไรนัก
“เธอกินข้าวกลางวันมาเหรอ”
“กินแล้วครับ”
“กินหมดรึเปล่า”
“คุณพนาอยากทานอะไรเพิ่มรึเปล่าครับ เดี๋ยวผมไปหยิบให้” ผมพยายามไม่ตอบคุณพนาเยอะ แล้วพูดคุยแต่เฉพาะกับเรื่องงานเพราะรู้สึกว่าตอนนี้รุ่นพี่ทั้งหลายจะเริ่มเดินไปมามากกว่าปกติ แต่นั่นก็ยิ่งทำให้คุณพนาดูไม่ชอบใจ
“เธอเลือกได้แล้วสินะ”
“ครับ?”
“เรื่องของเราที่ฉันให้เธอไปตัดสินใจ เธอเลือกได้แล้วใช่ไหม เธอถึงเป็นแบบนี้” คุณพนาถามออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกๆ มันทำให้ผมเลิกสนใจคนที่เดินผ่านไปมาแล้วหันมาสนใจคุณพนา
ตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาของคุณพ่อสุดฮอตของผมกำลังฉายแววความเป็นกังวล สีหน้า ท่าทาง บวกกับประโยคคำถามแปลก ๆ ทำให้ผมเริ่มเข้าใจ
คุณพนากำลังคิดว่าที่ผมตึงใส่เพราะเลือกแล้วที่จะหยุดเรื่องของเรางั้นเหรอ ให้ตายเถอะ คุณพนารู้จักคนในบริษัทนี้น้อยไป พวกรุ่นพี่พวกนั้นช่างสอดรู้สอดเห็นจะตายผมเลยต้องทำเป็นนิ่งแล้วพูดแต่เรื่องงาน แต่ก็ดูเหมือนการทำเป็นนิ่งของผมจะทำให้คุณพนาเข้าใจผิดเต็ม ๆ
อันที่จริงคุณพนาที่ผมรู้จักก็ไม่น่าจะมานอยด์กับแค่เรื่องที่ผมทำเป็นนิ่งใส่ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพนาก็แอบกังวลใจเรื่องคำตอบผมมาก ๆ เหมือนกัน ถ้าผมจะสรุปว่าที่คุณพนาดูกังวลแบบนี้เพราะกลัวผมปฏิเสธมันจะดูเข้าข้างตัวเองเกินไปไหมนะ
“ครับ ผมเลือกได้แล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเย็นกว่าเดิมทั้ง ๆ ที่ในใจตอนนี้กำลังเต้นแบบลิงโลดสุด ๆ
“อื้ม โอเค ฉันเข้าใจ มันคงยากที่เด็กอย่างเธอจะต้องมาคิดจริงจังกับเรื่องความรักในตอนนี้” ปากบอกเข้าใจ แต่ใบหน้าของคุณพนาตอนนี้มันดูเศร้าแปลก ๆ ยิ่งคุณพนาตอบมาแบบนั้นผมยิ่งมั่นใจขึ้นว่าคุณพนาต้องแอบรอและแอบคาดหวังกับคำตอบของผมเหมือนกัน
“ครับ ขอบคุณที่เข้าใจ” พอเห็นคุณพนาเป็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ ขอแกล้งหน่อยเถอะ โทษฐานที่ปล่อยให้ผมนอยด์ไปฝ่ายเดียวตั้งหลายครั้ง
“งั้นต่อไปเราก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันใช่ไหม”
“ใช่ครับ เป็นแค่นั้น” ผมตอบนิ่ง ๆ แล้วเดินออกมา ทันทีที่ผมเดินออกมา รุ่นพี่ก็มารุมถามผมว่าทำไมถึงไปยืนคุยกับคุณพนาได้ ผมต้องแถว่าเป็นรุ่นพี่ที่สนิทของลูกชายคุณพนาเสียวุ่นวายไปหมด เนี่ยถ้าคุณพนารู้จักนิสัยคนพวกนี้ คุณพนาจะ ไม่นอยด์เลยที่ผมต้องตีหน้านิ่งตลอดเวลาที่อยู่กับเขา
การประชุมในตอนบ่ายเริ่มต้นขึ้น ทีมของผมประชุมกับทีมผู้รับเหมาของคุณพนาในห้องประชุมเล็ก บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างปกติ ดูแล้วคุณพนาน่าจะเคยร่วมงานกับคนในบริษัทผมบ้างแล้วเพราะคุณพนาดูรู้จักและคุ้นเคย กับหลายๆ คนในทีมผมมาก ๆ
ระหว่างที่ประชุมกันไป ผมก็สังเกตเห็นว่าคุณพนาพยายามจะไม่มองหน้าผม ทั้ง ๆ ที่เรานั่งตรงข้ามกันด้วยซ้ำ แล้วก็เห็นอีกว่าใบหน้าหล่อเหลาที่ทำพวกพี่ผู้ช่วยเลขาฯ กรี๊ด ตอนนี้มันดูตึง ๆ แปลก ๆ เห็นแบบนั้นผมก็รู้สึกอยากจะช่วยคุณพนาผ่อนคลายความเครียดขึ้นมา
ผมค่อย ๆ ถอดรองเท้าออก แล้วแกล้งทำของตก ก่อนจะก้มลงไปหยิบ ระหว่างที่หยิบก็ใช้สายตาสอดส่องการนั่งของทุกคนให้เรียบร้อยแล้วกลับขึ้นมาใหม่ ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายให้คุณพ่อสุดฮอตของผม
ใบหน้าผมทำเหมือนตั้งใจฟังประชุม แต่ตอนนี้เท้าผมค่อย ๆ ยื่นไปแตะขาคุณพนา ทันทีที่ผมแตะ คุณพนาก็รีบก้มลงมอง ก่อนจะพบว่ามันคือเท้าของผมเอง
คุณพนาดูแปลกใจที่ผมยื่นเท้าไปแตะโดนขา คงสับสนเพราะเมื่อกี้ที่เจอกันผมแสดงออกว่าอยากจะหยุดเรื่องของเรา แต่ตอนนี้เท้าเรียวของผมกำลังถูขา คุณพนาอยู่ เห็นสุดที่รักของผมทำหน้าตาสงสัยแบบนั้น ผมเลยรีบช่วยไขความกระจ่างด้วยการขยับเท้าขึ้นไปบนเป้าของคุณพนา
ผมวางเท้าบนเป้าของคุณพนาก่อนจะเริ่มขยับเท้าถูเป้าของคุณพนาเบา ๆ แม้จะมีกางเกงขวางกั้นแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่อยู่ใต้กางเกงเต็มที่
จากตอนแรกที่ดูงง ตอนนี้คุณพ่อของผมก็ทำหน้าดุแทน แต่ผมไม่ได้สนใจสักนิด ผมมองกำหนดการที่ฉายอยู่บนจอโปรเจกเตอร์แล้วก้มลงมาขีด ๆ เอกสารตรงหน้าของตนเอง ทำเหมือนกำลังคำนวณเวลาฝึกงานของตนเองอยู่ ซึ่งผมก็กำลังทำแบบนั้นจริง ๆ
ท่าทางที่ดูปกติของผมยิ่งทำให้คุณพนายิ่งกัดฟันกรอด แต่ถึงอย่างนั้นคุณพนาก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ถ้าผมไม่จ้องลูกกระเดือกที่กลืนน้ำลายอึกใหญ่นั่น ผมก็คงดูไม่ออกว่าคุณพนากำลังอดทนอยู่
ยิ่งเห็นคุณพนาดูเหมือนอดทน เด็กซนอย่างผมก็ยิ่งสนุกขึ้น ผมเริ่มบดเท้าลงบนเป้าคุณพนามากขึ้น ก่อนจะเริ่มเพิ่มลูกเล่นด้วยการใช้นิ้วเท้าคีบแก่นกายของคุณพนา แล้วลากขึ้นลงตามความยาว
“อึก” พอผมเริ่มทำแบบนั้นคุณพนาก็จับเท้าผมไว้ แต่ยังไม่ทันจะห้ามผมเสร็จ คุณพนาก็ต้องชี้แจงจากในส่วนอื่นต่อ นั่นทำให้คุณพนาต้องละมือออกแล้วพยายามข่มอารมณ์พูดในส่วนของตนเองต่อ
ตอนนี้ผมรู้สึกสนุกมาก ๆ ที่ได้แกล้งคุณพนา แต่ผมก็ยังปรานีคุณพนาตรงที่หยุดเท้าไว้ตอนคุณเขาพูด รอคุณพนาพูดเสร็จถึงได้ซนต่อ
หลังจากที่คุณพนาพูดเสร็จ คราวนี้ผมก็ซนต่อด้วยการใช้นิ้วค่อย ๆ รูดซิปของคุณพนาลงช้าๆ ไม่ให้มีเสียงดัง ที่ผมทำมันได้อย่างง่ายดายเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ตัวคุณพนาเองก็ดูจะไม่ห้ามผมแล้ว
ผมถูฝ่าเท้าลงบนกางเกงในของคุณพนาแล้วส่งสายตาบอกให้คุณพนางัดไอ้ที่มันใหญ่โตอยู่ข้างในกางเกงออกมาหน่อยแต่คุณพนาไม่ยอมทำ ผมเลยถอดรองเท้าออกอีกข้างแล้วใช้เท้าทั้งสองข้างมาช่วยรูดรั้งของคุณพนาผ่านกางเกงในแทน
ผมทำทุกอย่างอย่างช้า ๆ พยายามไม่เคลื่อนไหวมากเพราะกลัวคนอื่นรู้ แต่ยิ่งช้าก็ยิ่งเหมือนเท้าของผมจะสัมผัสของคุณพนาได้อย่างเน้น ๆ
ตอนนี้บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปอย่างปกติ ท่ามกลางการพูดคุยใครจะรู้ว่าตอนนี้คุณพนา เจ้าของบริษัทอารัญกำลังโดนเด็กฝึกงานของโมเดิร์นเฮาส์อย่างผมใช้เท้าให้อยู่
พอถูไปถูมาก็ใช่ว่าจะมีแต่ของคุณพนาที่แข็ง ผมเองถึงจะไม่ได้โดนสัมผัส แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นและเสียวซ่านตามไปด้วย ผมเลยเลือกจะระบายอารมณ์ตนเองด้วยการยกมือขึ้นมาตั้งเหมือนจะนั่งเท้าคาง แล้วกัดนิ้วตนเองเบา ๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด
ขณะที่ตาของทุกคนกำลังสนใจจอโปรเจกเตอร์ ผมก็ค่อย ๆ แลบลิ้นเลียนิ้วตนเองเบา ๆ และแน่นอนว่าทั้งหมดอยู่ในสายตาของคุณพนา
ผมใช้เท้าให้คุณพนาไปเรื่อย ๆ จนการประชุมจบ แน่นอนว่าผมไม่ได้ทำถึงขั้นที่คุณพนาจะปลดปล่อยออกมา เอาแค่พอให้เสียว ๆ เล่น พอประชุมเสร็จผมก็รีบตามพี่นนท์ออกจากห้องไม่ได้หันไปมองสักนิดว่าตอนนี้คุณพ่อสุดฮอตของผมเป็นยังไงบ้าง
อ่า คุณพนาเวลาโดนแกล้งนี่ก็น่าสงสารปนน่าเอ็นดูเหมือนกันนะ
หลังประชุมเสร็จผมก็ต้องไปสรุปงานกับทีมอีกนิดหน่อยก็ถึงเวลาเลิกงาน ด้วยความที่วันนี้ทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ มันเลยทำให้ผมใช้เวลาเดินทางกลับหอแค่น้อยนิด
ผมเรียกมอเตอร์ไซค์กลับหอแล้วกำลังเดินเข้าหอด้วยใบหน้าที่มีความสุขสุด ๆ แต่ทันทีที่ผมแตะคีย์การ์ดเข้าหอเสร็จ ผมก็ถูกใครบางคนเดินมาประชิดตัว แล้วเดินเข้ามาด้านในหอกับผม
“นี่!!” ผมเตรียมจะโวยวายเพราะนึกว่าคนที่เข้ามากับผมเป็นโจร แต่พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นคุณพนา
“คุณมาทำอะไรหอผม”
“มาลงโทษเด็กดื้อที่ปั่นหัวฉันแล้วยังซนในที่ประชุมไง” พูดจบคุณพนาก็รวบเอวผมมาชิดตัวแล้วดึงกุญแจในมือผมไปดูว่าผมอยู่ห้องที่เท่าไร จากนั้นก็รีบลากผมเข้าห้องไปทันที
ปัง
“คุณบุกมาปล้ำผมเหรอ” ผมเข้าห้องเสร็จผมก็เริ่มกวนคุณพนาทันที ปากโวยวายว่าคุณพนาบุกมาปล้ำ แต่ร่างกายผมกำลังทำการอ่อยให้คุณพนาทำผมขึ้นมาจริง ๆ ด้วยการกอดคอคุณพนา แล้วค่อย ๆ ถอยหลังเข้าหาที่นอน
ตุบ
ผมเอนตัวหงายหลังลงบนที่นอนแล้วดึงคุณพนาลงมาด้วย คุณพนากำลังจะดุผมต่อแต่ก็โดนผมปิดปากด้วยปากของผมทันที
“อื้อ” ทันทีที่ปากประกบกัน ร่างกายของเราทั้งสองคนก็กอดรัดกันเอง แบบอัตโนมัติ มือหนาปัดป่ายไปทั่วร่างกายผม เช่นเดียวกับผมที่กำลังลูบไล้ไปทั่วร่างของคุณพนาเช่นกัน
“อื้ม” เราสองคนแลกจูบกันอยู่เนิ่นนานราวกับโหยหากันมาก ๆ พอผละออกก็จูบลงใหม่ซ้ำ ๆ อยู่เป็นสิบนาทีกว่าจะยอมถอนออกจริงจัง
“เธอยังเป็นเด็กคลั่งจูบเหมือนเดิมเลยนะ”
“แล้วที่คุณจูบผมไม่ปล่อยเมื่อกี้คุณคลั่งอะไร คลั่งผมเหรอ” ผมแกล้งถาม คำพูดของผมทำเอาคุณพนายีหัวผมด้วยความมันเขี้ยว
“พอให้เธอเป็นฝ่ายเลือก เธอชักดื้อใหญ่แล้วนะ” คุณพนาจัดท่าให้ผม ลุกขึ้นมานั่งคุยกับคุณพนาดี ๆ แต่ผมไม่ยอม ผมขยับมานั่งคร่อมบนตักคุณพนา กอดแขนโอบรอบคอคุณพนาไม่ห่าง คุณพนาทำให้ผมนั่งแบบคนปกติไม่ได้ อยู่ใกล้ ๆ คุณพนาทีไรผมรู้สึกอยากปีนขึ้นตักคุณพนาตลอดเลย
“ผมดื้อกับคุณเพราะอยากอ้อนคุณ” ผมตัวอ่อนอยู่ในอ้อมอกของคุณพนา ถึงปากคุณพนาจะทำเป็นบ่น แต่พอผมให้ทำอะไรก็ยอมไปหมด
“ตกลงเธอตัดสินใจยังไง” คุณพนาจับมือซน ๆ ของผมที่กำลังแกะกระดุมแล้วพยายามจะสอดเข้าไปในเสื้อของคุณพนาไว้แล้วเริ่มถามในสิ่งที่ค้างคาใจของคุณพนา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เราเพิ่งจะจูบกัน และเรายังกอดกันอยู่แต่คุณพนาก็ยังดู ไม่มั่นใจ คุณพนาน่าจะคิดมากเรื่องนี้จริง ๆ
“ก่อนผมจะบอกว่าตัดสินใจยังไง ผมขอถามอะไรคุณอีกอย่างได้ไหม”
“อื้ม”
“ผมอยากได้ยินชัด ๆ ว่าคุณชอบผมรึเปล่า ไม่ถึงกับชอบก็ได้ เอาเป็นว่าสนใจ คุณสนใจผมรึเปล่า” ผมแก้คำเพราะกลัวจะผูกมัดคุณพนามากเกินไป ผมรู้ดีว่าเรื่องของเราสองคนมันเกิดขึ้นไวมาก ถึงตอนนี้ผมจะชอบคุณพนาอย่างเต็มหัวใจ แต่ถ้าคุณพนาจะยังไม่รู้สึกกับผมมากขนาดนั้นผมก็เข้าใจได้
“บิ๊ก” มือหนาประคองใบหน้าผมที่กำลังมุดอยู่ตรงคอของเขาให้เงยหน้าขึ้นมาคุยกันตรง ๆ ดวงตาคมถ่ายทอดความรู้สึกมาให้ผม แค่สบตาผมก็รู้สึกเหมือนตัวจนละลายลงตรงนี้
“ครับ”
“ฉันชอบเธอ”
“อื้อ” พูดจบผมก็ขยับขึ้นประกบปากคุณพนาอีกครั้ง ผมแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะได้ยินคำนี้ชัด ๆ จากปากคุณพนา มันไม่ใช่คำว่าสนใจ แบบที่ผมให้ตัวเลือกคุณพนาไป แต่เมื่อกี้คุณพนาบอกว่าชอบผม
ชอบ
คุณพนาชอบผม
“ผมก็ชอบคุณ ผมชอบคุณที่สุด ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
“ชอบตั้งแต่ตอนเอากับลูกฉันน่ะนะ” คุณพนาแซวขำ ๆ แต่ผมทำหน้ามุ่ยแล้วรีบปิดปากคุณพนาไว้
“คุณอย่าแซวเรื่องนี้ ผมทำหน้าไม่ถูก”
“โอเค มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าจดจำสำหรับฉันเหมือนกัน” คุณพนาจูบลงบนหน้าผากผมหนึ่งที ก่อนเราจะเริ่มเข้าโหมดจริงจังกันมากขึ้น
“ตกลงเธอตัดสินใจว่ายังไง”
“คุณให้ผมกลับไปคิดใช่ไหมครับว่าพร้อมจะจริงจังกับคุณรึเปล่า”
“อื้ม”
“สิ่งที่ผมอยากบอกคุณก็คือ ผมจริงจังกับความรักมาตลอด ผมไม่เคยทิ้ง ใครก่อน ไม่เคยนอกใจใคร ผมไม่ต้องกังวลเรื่องความจริงจังกับผมสักนิด ส่วนเรื่องผมยังเด็ก ผมยังรักสนุก คุณก็ควรรู้ไว้ว่าผมไม่ได้จะเด็กตลอดไป ตอนนี้ผมกำลังฝึกงาน เดี๋ยวผมก็ต้องทำงาน ผมกำลังโตตามคุณอยู่ ผมมั่นใจว่าผมอยู่กับคุณได้”
“เธอคิดดีแล้วนะ”
“ครับ ผมคิดมาอย่างดีที่สุดแล้ว ผมอยากลองคบกับคุณ ผมชอบคุณจริง ๆ นะครับคุณพนา” ผมดึงมือใหญ่ ๆ มาแนบแก้มแล้วมองคุณพนา
“เราจะคบกัน แบบคนที่คบหาดูใจ เพื่อต่อไปจะได้มีอนาคตร่วมกัน ไม่ใช่ แค่นอนด้วยกันนะ” คุณพนาย้ำ
“ครับ ไม่ใช่แค่นอนด้วยกัน”
“ขอบคุณ” พอผมย้ำให้คุณพนามั่นใจ คุณพนาก็เป็นฝ่ายจับมือผมขึ้นมาหอมบ้าง
ถึงผมจะชอบเอามือคุณพนามาแนบแก้มบ่อย ๆ แต่พอเป็นฝ่ายคุณพนา ที่จูบมือผมบ้างผมก็รู้สึกเหมือนไปไม่เป็น รู้สึกหน้ามันร้อน ๆ แปลก ๆ
พอจูบมือเสร็จคุณพนาก็อุ้มผมลงนั่งดี ๆ ก่อนร่างสูงจะลุกขึ้นยืน แล้วเริ่มจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ผมมองคุณพนาอย่างไม่เข้าใจ เราเพิ่งตกลงว่าจะคบกัน แต่คุณพนาก็ทำเหมือนกำลังจะกลับออกจากห้องผม
“จำได้รึเปล่า เธอเคยบอกว่าวันไหนฉันจะไปนอนคอนโดฯ ให้บอกเธอ เธอจะไปนอนเป็นเพื่อน”
“จำได้ครับ” ผมพยักหน้า นั่นทำให้คุณพนายิ้ม มือใหญ่ ๆ ยื่นมาประคองใบหน้าผม นิ้วโป้งของคุณพนาบี้ลงบนปากผม ขณะที่ดวงตาคมก็จ้องมองริมฝีปากผมไม่วางตา
“คืนนี้ฉันจะไปนอนที่คอนโดฯ เธอจะไปนอนกับฉันรึเปล่า”
------------------------------------------------------------------
ตอนหน้า มุแงงงงง ไม่พูดดีกว่า
เอาเป็นว่าเม้นเยอะเดี๋ยวต่อตอนหน้าเร็ว 55555555555555