11
บ่ายโมงครึ่ง
ณศรินทร์ขับรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ ที่ไม่ได้เป็นรถส่วนตัว มีไว้สำหรับไปจ่ายตลาด ไปซื้อของตามที่ปนัดดาหรือคนในบ้านสั่ง หล่อนนำรถมาจอดในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางเมือง วันนี้ณศรินทร์ตั้งใจซื้อเสื้อผ้าให้สองชุด เพราะชุดที่ใส่อยู่เริ่มเก่า และของใช้ส่วนตัวอีกสามสี่รายการ ที่จะไปซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นล่าง
วันนี้เป็นวันเงินเดือนออก ณศรินทร์ได้รับเงินเดือนๆ ละเก้าพันบาท ได้รับตั้งแต่เรียนจบคือเมื่อสองปีก่อน เงินส่วนหนึ่งหล่อนเอาไว้ใช้ส่วนตัว และฝากประจำหกเดือนไว้ ซึ่งบัญชีนี้หล่อนฝากไว้ตั้งแต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยชั้นปีสาม หล่อนจึงไปธนาคารเพื่อนำเงินเข้าบัญชีฝากประจำ
40,500 บาท
คือตัวเลขในบัญชีนั้น แม้เป็นเงินที่ไม่มากเท่าไหร่นัก แต่เป็นเงินที่ณศรินทร์ตั้งใจเก็บออม วันหนึ่งหากมีเงินมากพอ จะได้รับตัวยายแอ๋วมาอยู่ด้วยกัน ในบ้านหลังเล็กๆ ที่หน้าบ้านสามารถค้าขายได้ หล่อนตั้งใจขายกับข้าวหรือไม่ก็ขนมหวาน หรือเบเกอรี่ ขายของหารายได้ และดูแลยายแอ๋วไปได้พร้อมกัน รายได้ไม่ต้องมากมาย แค่พออยู่ได้ หล่อนก็พอใจ
แต่การพายายแอ๋วไปอยู่ด้วย ต้องมีเงินสำรอง ไหนจะค่าเช่าบ้านล่วงหน้า เงินลงทุน ไหนจะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยายต้องใช้ จำนวนเงินที่กะไว้ก็น่าประมาณห้าถึงหกหมื่น เป้าหมายในการเก็บเงินคือ แปดหมื่นบาท ซึ่งเหลืออีกครึ่งทาง ระหว่างนี้ก็ต้องประหยัด อดออมและอดทน
หลังจากทำธุระที่ธนาคารเสร็จ หล่อนลงมาชั้นสองที่วันนี้มีตลาดนัดในห้าง มีสินค้ามาขายหลากหลาย อาหาร เครื่องดื่ม เสื้อผ้าและอื่นๆ ราคาเสื้อผ้าตัวละหนึ่งร้อยถึงสามร้อยที่ติดไว้หลายร้าน ณศรินทร์พุ่งตัวไปดูร้านเหล่านั้นทันที ได้เสื้อมาสองตัว กางเกงหนึ่งตัว ชุดเดรสอีกหนึ่งตัวที่รวมราคาแล้วเจ็ดร้อยบาท
ความตั้งใจอีกหนึ่งเรื่องคือ ซื้อยาคุมฉุกเฉิน เป็นเรื่องที่ลืมไม่ได้เด็ดขาด เพราะเมื่อคืนนี้กรชวิลไม่ได้ใส่เครื่องป้องกัน หล่อนไม่ต้องการให้มีเรื่องผิดพลาด หากเขาลืมซื้อ หล่อนก็ต้องจัดการเรื่องนี้เอง หญิงสาวเดินออกจากร้านขายเสื้อผ้า หมายไปยังร้านขายยาใกล้กับซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อยาที่ต้องการก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปซื้อของสด และของใช้
“เอย” เจ้าของชื่อเล่น หันไปมองต้นเสียง ณศรินทร์คลี่ยิ้ม ให้พงษ์พัฒนา
“พี่เอ็ม”
“ดีใจจังที่เจอเอย” เขาพูดจากใจ “เอยมาซื้อของเหรอ”
“ใช่ค่ะ ซื้อของใช้ส่วนตัวด้วย ซื้อของเข้าบ้านคุณป้าด้วยค่ะ” หล่อนตอบ “พี่เอ็มล่ะคะ มาเดินซื้อของหรือมาธุระคะ”
“พี่มาทำธุระให้คุณแม่น่ะ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้เอง” ปากตอบ นัยน์ตามองณศรินทร์ “เอยพอจะมีเวลาว่างไหม คือพี่หิวแล้วน่ะ อยากหาเพื่อนกินข้าวด้วย พี่เลี้ยงเอง”
“ได้ค่ะ” ณศรินทร์ไม่ปฏิเสธ
“เอยอยากกินอะไรล่ะ บอกมาเลย”
“ตามใจพี่เอ็มค่ะ เอยกินได้ทั้งนั้น”
“ไปร้านอาหารม่านมุกดาดีไหม เขามาเปิดสาขาที่นี่ ร้านนี้ขึ้นชื่อมากเลยนะ ตอนพี่อยู่กรุงเทพ ไปกินบ่อยๆ”
“ค่ะ ตามใจพี่เอ็มค่ะ พี่เอ็มเป็นคนเลี้ยงนี่นา”
“งั้นไปครับ พี่ถือของให้นะ”
ณศรินทร์ยังไม่ทันเอ่ยคำใด เขาก็ชิงถือถุงใส่เสื้อผ้าไปถือไว้ ณศรินทร์ยิ้มให้หนุ่มมีน้ำใจ ที่ไม่คิดเกินเลยมากไปกว่าพี่ชายที่แสนดี ความที่พงษ์พัฒนารู้จักร้าน เขาจึงพาหล่อนไปยังร้านอาหารนั้น ที่อยู่ชั้นห้าของห้าง
ชั้นห้าจะเป็นโซนอาหาร ที่มีร้านอาหารมากกว่ายี่สิบร้าน อาหารคาว หวานและของว่างครบครัน ร้านม่านมุกดา เป็นร้านอาหารไทยอยู่ติดกับร้านอาหารเกาหลีกับร้านอาหารเวียดนาม
“เอ๊ะ นั่นพี่เอยนี่คะ นัดกับพี่เอ็มมาเดินเที่ยวห้างหรือนี่ มิน่าล่ะ ออยชวนมาด้วยไม่ยอมมา”
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ กรชวิลกับกรชีวันชวนอรัญามาหาของกินอร่อยๆ อรัญญาเอ่ยชวนณศรินทร์ ทว่าพี่สาวปฏิเสธ บอกกับว่า จะมาซื้อของใช้ในบ้าน อรัญญาไม่ได้เซ้าซี้พี่สาวต่อ หล่อนแค่ชวนไปอย่างนั้น
อรัญญาที่นั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นดังขึ้น เมื่อเห็นพี่สาวต่างมารดาเดินมากับพงษ์พัฒนา กรชีวันไม่ได้สนใจ ไม่แม้หันไปมอง ต่างกับกรชวิลที่นั่งใกล้อรัญญา ตวัดสายตามองคนที่อรัญญาเอ่ยถึง ใบหน้าแม้บอกว่านิ่งเฉย ทว่านัยน์ตาเพียงชั่วขณะหนึ่ง เปล่งประกายความไม่พอใจ
“จะสนใจทำไม เอยโตแล้ว จะไปไหนกับใครก็ไม่แปลกนี่” กรชีวินคิดเช่นนั้น
“ถ้านัดและมากับหนุ่มโสดก็ดีสิคะ พี่ยอร์ชคงลืมไปว่า พี่เอ็มมีเมียแล้ว มาเดินคู่กับแบบนี้ มันเหมือนคู่รักกันมากกว่าเพื่อนนะคะ ดูไม่ดีเลยค่ะ” อรัญญาพูดขึ้นทันที “ออยไม่อยากให้พี่เอยทำตัวเหมือนแม่ของพี่เอย ที่เป็นเมียน้อยคนอื่น ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนะคะถ้าเป็นอย่างนั้น อีกอย่างตอนนี้พี่เอยก็อยู่บ้านคุณป้าด้วย เป็นเรื่องจริงขึ้นมา ใครรู้จะครหา นินทาและต่อว่าคุณป้าได้ ที่ไม่สั่งสอนพี่เอย”
พูดเหมือนหวังดี ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยการใส่ไคล้ ปั่นหัวให้คนฟังคิดหรือเข้าใจณศรินทร์ผิด
“เรื่องแบบนี้ ต่อให้พูด ให้บอกหรือสั่งสอนมากแค่ไหน ถ้าคนนั้นไม่รู้ผิดชอบชั่วดี คำพูดที่เราพูดไปก็คงไม่เข้าหู มันอยู่ที่จิตสำนึกล้วนๆ ถ้าเอยอยากเป็นเมียน้อยพี่เอ็ม เราจะห้ามได้ไง ห้ามไม่ได้หรอก” กรชีวินมีความคิดเช่นนี้
“ก็จริงตามที่ยอร์ชพูด ถ้าเอยอยากให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนั้น เป็นเมียน้อยเอ็ม เราก็ห้ามไม่ได้” ปากพูดคล้ายไม่ใส่ใจ ทว่าในใจกรชวิลไม่เป็นเช่นนั้น คุกรุ่นด้วยความไม่พอใจ อยากลุกเดินไปกระชากตัวณศรินทร์ออกห่างพงษ์พัฒนาเสียตอนนี้ ตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายว่า อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของเขา จะยุ่งได้ก็ต่อเมื่อ เขาไม่ต้องการ กรชวิลทำตามความคิดไม่ได้ ทำได้เพียงนิ่งเฉย ไม่สนใจ