12

1143 คำ
12 “ใช่ค่ะ เราก็ดูกันต่อไปล่ะกัน ออยภาวนาขออย่าให้พี่เอยคิดสั้น ทำตัวไม่ดี” ทั้งสามละความสนใจจากณศรินทร์ กินอาหารญี่ปุ่นตรงหน้าต่อ กรชวิลไม่ได้ทำให้ทั้งสองสงสัย เขาทำตัวตามปกติ ทว่าหัวใจเริ่มไม่ปกติ คันยุบยิบอย่างบอกไม่ถูก อรัญญาขอตัวเข้าห้องน้ำ ระหว่างทางเสียงมือถือหล่อนดังขึ้น เจ้าของเครื่องหยิบมันออกมาจากกระเป๋าสะพาย ถอนหายใจ กรอกตาขึ้นบนเมื่อเห็นชื่อต้นทาง ‘น้าพร’ “มีอะไรน้าพร” อรัญญาถามออกไปอย่างนั้น การโทรมาของดวงพรมีเรื่องเดียวเท่านั้น คือเงิน “ได้ จะโอนไปให้” ต้นสายยิ้ม นั่งรอเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทจากอรัญญาด้วยรอยยิ้ม ดวงพรยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อข้อความทางไลน์จากธนาคารส่งมาบอกว่า มีเงินเข้าบัญชีหนึ่งแสนบาท “ขอบใจมากนะหลานรัก” ดวงพรยิ้มขณะมองยอดเงินในบัญชี นางไม่ได้รักอรัญญาตามประสาน้าหลาน นางรักเงินที่ได้จากอรัญญามาเรื่อยๆ หลายปีแล้วต่างหาก ขอเท่าไหร่ไม่เคยขัด ให้ตามนั้นเสมอ ซึ่งดวงพรฉลาดไม่ขอเงินก้อนใหญ่ ขอเดือนละครั้งสองครั้งเช่นนี้ดีกว่า แต่สำหรับคนเสียเงิน แม้ไม่อยากให้ก็ต้องจำใจ จำยอมจ่าย เพื่อปิดปากไม่ให้ดวงพรแพร่งพรายความลับให้ใครต่อใครรู้ เพราะหากเรื่องนี้รั่วไหลถึงหูคนอื่น หล่อนอาจเสียผลประโยชน์หลายอย่างในชีวิตไป ความลับต้องเป็นความลับตลอดไป... 19.30 น. งานวัดที่ว่านี้ อยู่ห่างไร่ชวนชมสิบห้ากิโลเมตร เป็นงานที่จัดขึ้นทุกปี ความที่เป็นวัดขึ้นชื่อ และมีอาณาเขตมาก จัดงานแต่ละปีค่อนข้างใหญ่ ร้านค้าร้านขายรวมแล้วนับร้อย เครื่องเล่นก็มีหลายชนิด เหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ลิเกโรงใหญ่ที่มีคนเฒ่าคนแก่ วัยกลางคนมานั่งจับจองพื้นที่ ดูการแสดง หลังจากเดินซื้อของใช้และของกิน สี่สาวประกอบด้วย ณศรินทร์ เภา นิดและพร้อม ปูเสื่อนั่งดูลิเกาเกือบหน้าเวที โดยมีพงษ์พัฒนาที่ขอณศรินทร์มาเที่ยวงานวัดด้วย นั่งอยู่ติดกับหญิงสาวที่ตนแอบรัก “พระเอกลิเกหล๊อหล่อเนอะคุณเอย” เภาหันมาพูดกับณศรินทร์ “หล่อสู้พี่ได้ไหม” พงษ์พัฒนาชะโงกหน้าถามเภา “คุณเอ็มก็ต้องหล่อกว่าอยู่แล้วค่ะ” เภาพูดความจริง “พูดถูกใจ เดี๋ยวไปซื้อของกินให้กินนะ” “เย้ๆ ดีค่ะ เอาเยอะๆ เลยนะคะ นานๆ จะมีคนเลี้ยง” เภาไม่ขัดศรัทธา “เอยอยากกินอะไรไหม พี่จะซื้อมาให้” เขาถามสาวข้างกาย “เดี๋ยวเอยเดินไปเป็นเพื่อนนะคะ” สองหนุ่มสาวยิ้มให้กัน ก่อนลุกขึ้นเดินไปยังร้านขายอาหารใกล้กับเวทีลิเก ที่มีเลือกให้กินหลายอย่าง ข้าวโพดคลุกเนย ป๊อปคอร์น ขนมข้าวแต๋น ลูกชิ้นย่าง ไส้กรอกย่างและอีกหลายอย่าง เครื่องดื่มหลายร้าน “กินไรดี” พงษ์พัฒนาพูดเชิงถาม “ข้าวแต๋นกับป๊อบคอร์นดีกว่าค่ะ กินเพลินๆ” หล่อนตอบ พงษ์พัฒนาจึงเดินไปยังร้านที่ณศรินทร์บอก ร้านแรกที่ไปคือ ร้านข้าวแต๋น “เขามีให้ชิมด้วย ชิมหน่อยดีกว่า” พงษ์พัฒนาหยิบขนมกินเล่นชิ้นเล็กในจานขึ้นมาหนึ่งชิ้น “เอยลองชิมดูนะ” ณศรินทร์อ้าปากรับของชิมที่เขาป้อน “ชิ้นนี้ข้าวแต๋นน้ำแตงโม พี่กินครั้งนึงอร่อยนะ เลยให้เอยชิมดู เป็นไงอร่อยไหม” “อร่อยค่ะ” “งั้นเอาแบบนี้สักสี่ถุงนะ จะได้ให้สามสาวคนละถุง ไม่ต้องแย่งกัน” “ค่ะ” ในมือพงษ์พิษณุตอนนี้มีถุงอาหารทั้งสองมือ ก่อนทั้งคู่พากันเดินกลับไปหาสามสาวที่นั่งดูลิเกอยู่ โดยไม่รู้ตัวว่า มีสายตาคู่หนึ่งมองมายังสองหนุ่มสาวตาเขม็ง มองแบบไม่คลาดสายตา แม้ทรุดตัวลงนั่งบนเสื่อ กรชวิลก็ยังคงจ้องมองประกายตาแข็งกร้าว บอกตัวเองไม่ถูกว่า รู้สึกเช่นไรกับนางบำเรอนอกหัวใจกันแน่ สามทุ่มลิเกแสดงจบ เหล่าแม่ยกและคนดูลุกขึ้นเก็บเสื่อ เก็บอุปกรณ์ที่นำมานั่งดูลิเกคณะที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่พ่อค้าแม่ค้าเริ่มเก็บของ ทั้งห้าเดินมายังรถยนต์ของไร่ ที่ณศรินทร์ขับพาสาวๆ มาเที่ยวงานวัด “ขอบคุณสำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่เลี้ยงเราสี่คนนะคะ” ณศรินทร์ยกมือไหว้พงษ์พัฒนา เภา นิดและพร้อมทำตาม “แหม ทำอย่างกับพี่เป็นคนอื่นคนไกล ถึงต้องไหว้ขอบคุณ น้อยใจนะเนี่ย” “ที่ยกมือไหว้เพราะพี่เอ็มมีน้ำใจกับพวกเราไงคะ เคารพนับถือมากๆ ด้วย อย่าน้อยใจไปเลยครั้ง ครั้งหน้าเอยจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวพี่เอ็มล่ะกันค่ะ” ณศรินทร์เอ่ยเสียงหวาน รอยยิ้มที่ให้เขา หวานไม่แพ้กัน คนเห็นรอยยิ้มพลอยยิ้มตามไปด้วย “พวกเรากลับก่อนนะคะ พี่เอ็มขับรถดีๆ นะคะ” “ครับ เช่นกันครับ” เขาเปิดประตูให้ณศรินทร์เข้าไปนั่งในรถ ก้มตัวเล็กน้อย มองหน้าสวยหวานตรงกระจกด้านคนขับที่ณศรินทร์กดเปิดกระจก “ไว้พรุ่งนี้พี่โทรหานะ ฝันถึงพี่ด้วยนะ เพราะคืนนี้พี่ต้องฝันถึงเอยแน่ๆ” ณศรินทร์ไม่ได้เอ่ยคำใด หล่อนส่งยิ้มให้พงษ์พัฒนา ก่อนขับรถออกไปจากจุดที่จอด มุ่งตรงกลับไร่ชวนชม เขายืนมองดูรถยนต์ที่เคลื่อนตัวออกไปด้วยรอยยิ้ม เดินไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกล สิบห้านาทีต่อมาณศรินทร์พาสามสาวกลับมาถึงไร่ พวกหล่อนแยกย้ายกันกลับที่พัก ณศรินทร์ก็เช่นกัน หล่อนก้าวลงจากรถเป็นคนสุดท้าย เนื่องจากต้องนำรถไปจอดในโรงจอดรถ “อุ้ย!” เสียงอุทานตกใจดังเบาๆ เมื่ออยู่ๆ ร่างสูงใหญ่ของกรชวิลปรากฏตัวเงียบๆ “พี่ยักษ์” ชายร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตรไม่กล่าวคำใด เขาฉุดข้อมือเล็ก ออกแรงลากจูงหล่อนไปยังรถยนต์ของตนที่จอดถัดไปสองคัน เหมือนณศรินทร์รู้ว่าต้องทำอย่างไร และอารมณ์เขาอยู่ในระดับไหน ณศรินทร์ไม่พูด ไม่ถาม หญิงสาวเปิดประตูรถ สอดตัวเข้าไปนั่งด้านใน วินาทีต่อมา กรชวิลทะยานรถออกไปจากไร่ ซึ่งหล่อนเดาไม่ได้เลยว่า เขาไปที่ใด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม