ก้าวแรกในโลกใหม่ (2)

1160 คำ
“คุณชายจักไปที่ใด หากไม่รังเกียจเดินทางไปกับข้าหรือไม่” จิวชงหยวนมองตามอย่างแปลกใจไม่คิดว่าจะเจอคนมากน้ำใจในที่แห่งนี้ได้            “ข้าจะเข้าไปในตัวเมือง ข้าต้องขอรบกวนท่านลุงแล้ว”            จิวชงหยวนตอบรับพร้อมส่งยิ้มให้ชายวัยกลางคนตรงหน้าที่มองเขาอย่างอึ้งๆ ก่อนจะขยับที่นั่งให้เพื่อนร่วมเดินทางอาศัยไปด้วย            “คุณชายมาจากที่ใดกันทำไมมาเดินทางคนเดียวเยี่ยงนี้ ยุทธภพนั้นอันตรายมาก”            ชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เพราะคนตรงหน้านั้นดูเป็นลูกคนมีเงินและมีชาติตระกูล ผิวพรรณขาวผ่องดูมีรัศมี ใบหน้ากลับดูงดงามจนไม่น่าเชื่อว่าคนตรงหน้าเป็นชายหากไม่ได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่ตอบกลับมา และที่สำคัญไม่มีอาวุธติดกายสักชิ้นเดียวจนทำให้เขาอดที่จะรับมาด้วยไม่ได้            “ข้ามาจากบนเขาอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ฟ้าดินเป็นบ้านของข้า” คำตอบที่ได้รับทำให้ชายวัยกลางคนมองตามอย่างไม่เชื่อสายตา            “เช่นนั้นรึ อ๊ะ ข้านี่เสียมารยาทแล้วข้าหยางเซินเป็นพ่อค้าที่เมืองหางโจว พอดีข้าไปส่งของกลับมา” จิวชงหยวนยิ้มรับพร้อมแนะนำตัวเองสั้นๆ            “ข้าจิวชงหยวน” หยางเซินอ้าปากค้าง หันกลับมามองหนุ่มน้อยที่บอกชื่อแซ่ที่กำลังโด่งดังในยามนี้            “นี่เจ้าอยากเป็นหมอเทวดาเสียจนตั้งชื่อซ้ำกับหมอเทวดาหรือไง” คำกล่าวของหยางเซินทำให้จิวชงหยวนหันมามองอย่างไม่เข้าใจ            “ท่านลุงเซินหมายถึงอะไร ข้ามิเข้าใจ”            คำถามของเด็กหนุ่มข้างกายทำให้หยางเซินมองตามอย่างแปลกใจ สองมือกระตุกเชือกให้ม้าเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อนก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย            “เจ้าไปอยู่ที่ใดมาถึงไม่รู้ว่าตอนนี้หมอเทวดานามว่าจิวชงหยวนโด่งดังไปทั่วยุทธภพ ผู้คนต่างค้นหาตัวกันใหญ่ไม่ว่าพรรคธรรมะ พรรคอธรรม แม้กระทั่งฮ่องเต้โจวซู่หมิงเองก็ยังอยากได้ตัว แต่ว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่าแท้จริงแล้วจิวชงหยวนตัวจริงเป็นผู้ใดกันแน่”            คำบอกเล่าของหยางเซิน ทำให้จิวชงหยวนรู้สึกตาข้างขวากระตุกหลายครั้งเหมือนเป็นลางร้าย หากเดาไม่ผิดอาจารย์ต้องมาก่อเรื่องไว้แน่ๆ ทว่าคำพูดของอาจารย์กลับดังก้องอยู่ในหัว            ‘ข้าปูทางเรื่องของเจ้ามาหลายปีแล้ว ไปถึงเจ้าก็จะรู้เอง’ คงหมายถึงเรื่องนี้สินะ            “หมอเทวดาผู้นั้นทำสิ่งใดได้บ้างหรือ ถึงมีแต่ผู้คนต้องการตัว” จิวชงหยวนเอ่ยถามเพื่อเพิ่มความแน่ใจของตัวเอง            “ข่าวที่ข้ารู้มาว่าหมอเทวดาผู้นั้นรักษาโรคร้ายได้อย่างหายขาด รักษาพิษได้ทุกชนิด และรักษาบาดแผลฉกรรจ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ว่าแต่เจ้าเถอะใช้ชื่อแซ่เหมือนหมอเทวดาผู้นั้นระวังจะโดนกลั่นแกล้งลองดีนะ เพราะตอนนี้ตัวปลอมเกลื่อนกลาดไปหมด บ้างก็อ้างตนเป็นศิษย์เอกที่ได้รับถ่ายทอดมาโดยตรง”            “ขอบคุณสำหรับข่าวนี้ข้าจักระวังตัว ว่าแต่ท่านลุงข่าวนี้มีมานานเท่าไรแล้วหรือขอรับ”            “นานนับสิบปีแล้วล่ะ แต่เพิ่งจะวุ่นวายมีตัวจริงตัวปลอมก็สามปีมานี่เอง”            คำตอบที่ได้รับทำให้จิวชงหยวนรู้สึกมึนงงไปครู่ใหญ่ หากสิบปีจริงตอนนั้นเขาเพิ่งจะสิบสามและเรียนอยู่แค่ม.สี่เพราะผลการเรียนเขาดีเยี่ยมทำให้สอบเทียบเท่าขึ้นมาเทียบชั้นม.สี่ได้อย่างสบาย นี่คงเป็นเส้นทางที่เหล่าสวรรค์ปูทางไว้รอให้เขากลับมาทำหน้าที่หมอเทวดากระมัง            “อ่ะ ถึงหมู่บ้านเล็กๆ แล้ว ข้าว่าจะพักไปหาอะไรกินสักหน่อย เจ้าจะเข้าเมืองหางโจวกับข้าหรือว่าจะพักค้างที่นี่” หยางเซินเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่เงียบไปพักใหญ่หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้            “ข้าอยากพักที่หมู่บ้านนี้ก่อน หากไม่มีอะไรน่าสนใจข้าจะเดินทางเข้าเมืองหางโจว ขอบคุณมากที่เมตตาข้า”            จิวชงหยวนตอบรับด้วยรอยยิ้ม ความจริงเขารู้สึกเกรงใจเป็นอย่างมากอีกทั้งตอนนี้เขาไม่มีเงินสักอีแปะเดียวทำให้ไม่ใจกล้าหน้าด้านตามไป เพราะค่าใช้จ่ายระหว่างทาง เขาไม่มีมาจ่ายให้หยางเซินแน่ๆ            “เอาเช่นนั้นรึ งั้นหากเจ้าไปเมืองหางโจวก็เดินไปเยี่ยมร้านวาดรูปของข้าบ้างแล้วกัน”            “ขอรับ แล้วข้าจะแวะไป”            จิวชงหยวนตอบรับก่อนจะแยกทางออกมา ดวงตากวาดมองหมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก บ้านแต่ละหลังเป็นเหมือนกระท่อมชาวบ้านส่วนมากทำไร่ทำนากันเสียส่วนใหญ่มีพ่อค้าแม่ค้าไม่มากนัก สองเท้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านและมองรอบกายอย่างสนใจแม้จะไม่ได้เจริญแต่ความเป็นอยู่ถือว่าไม่ได้เดือดร้อน            “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”            เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือดังมาจากทางด้านหลังหมู่บ้าน จิวชงหยวนจึงเดินตามเสียงไปอย่างแผ่วเบา สิ่งที่เห็นคือเด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุราวสิบหกปีนอนหน้าซีดตัวเขียวซ้ำอยู่กองหญ้า            จิวชงหยวนรีบรุดเข้าไปหาด้วยความเร็วพร้อมจับชีพจรของเด็กหนุ่มตรงหน้าไปด้วย ริมฝีปากที่เป็นสีม่วงคล้ำก่อนที่เจ้าตัวจะกระอักโลหิตออกมา จิวชงหยวนไม่รอช้ารีบสกัดจุดตามร่างของเด็กหนุ่ม ดวงตาเรียวคมมองซากงูเห่าเจ็ดสีที่มีพิษร้ายแรงอยู่ข้างกาย บ่งบอกว่าเจ้าเด็กนี่โดนงูกัดแต่ก็ยังฝืนสังขารไปฆ่างูตัวนี้ได้            จิวชงหยวนหยิบยาแก้พิษงูเห่าเจ็ดสีใส่ลงไปในปากของเด็กหนุ่มที่พยายามปรือตาขึ้นมามองเขา นับว่าเจ้าตัวใจเด็ดไม่น้อยที่ยังไม่สลบไป            “กินเข้าไปมันจะแก้พิษงูได้” จิวชงหยวนบอกเสียงทุ้ม มือขาวเรียวบีบปากคนป่วยเพื่อดูว่ากลืนยาลงไปหรือยัง และตอนนี้เหมือนเจ้าตัวจะวางใจจนสลบไปเสียแล้ว             จิวชงหยวนประคองเด็กหนุ่มไปใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ห่างอย่างทุลักทุเล เพราะไม่ได้ใช้พลังภายในและเขากับเจ้าเด็กนี่ก็ตัวเท่ากัน กอปรกับกองหญ้าตรงนั้นมีเศษซากงูทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย สัตว์ไร้ขาไม่ว่าอย่างไรมันก็น่าขยะแขยงดูดี แม้ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนคนอื่นแต่ใช่ว่าเขาจะปลื้มสัตว์เลื้อยคลาน สองมือค้นหาสมุนไพรมาพอกตามแผลซึ่งเป็นรอยเขี้ยวฝังลึกลงไปที่แขนและขา ชีพจรเริ่มกลับมาปกติทำให้เขาวางใจมากขึ้น  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม