เด็กหนุ่มนอนไปสองชั่วยามก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะรีบสำรวจร่างกายตัวเองที่หายเจ็บปวดและยังไม่มีแผลซึ่งเป็นรอยเขี้ยวของเจ้างูพิษนั่นอีกคล้ายกับว่าเขาฝันร้ายไปเท่านั้น แต่สายตากลับมองสบกับดวงตาเรียวคมรับกับใบหน้างดงามจนตรึงใจคนที่พบเห็น เขาจำได้ว่าเห็นคนผู้นี้ก่อนจะสลบไป
“ท่านช่วยข้าไว้ใช่หรือไม่”
จิวชงหยวนที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ไม่ห่างเหลือบตามองคนถามแล้วพยักหน้ารับ เวลานี้มันพลบค่ำมากแล้วแต่เขาไม่รู้จะพาคนป่วยไปนอนที่ไหนเลยวางไว้ที่เดิม อีกทั้งเขาเองก็ไม่มีเงินพาไปพักที่โรงเตี๊ยมจึงได้แต่นอนพิงต้นไม้รอให้เด็กหนุ่มฟื้นเท่านั้น
“ท่านเป็นหมอเทวดาหรือ ทำไมแผลข้าไม่มีเลย อีกทั้งข้ากลับรู้สึกแข็งแรงเหมือนเดิมด้วย” จิวชงหยวนมองเด็กหนุ่มเงียบๆ ก่อนจะถอนหายใจกับสายตาที่มองตามด้วยรอยยิ้มยินดี
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าหายแล้วก็กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านเป็นห่วง” จิวชงหยวนพูดตัดบทก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่สนใจอาการลุกลี้ลุกลนของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ท่านผู้มีพระคุณข้าชื่อจินจงชุน หากท่านไม่รังเกียจให้ข้าได้ตอบแทนท่าน ไปพักที่บ้านข้าได้หรือไม่”
เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าตรงหน้าของจิวชงหยวน และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนักเพราะกลัวว่าจะโดนปฏิเสธ จิวชงหยวนลืมตามองดวงตาที่มีความเว้าวอนทำให้เจ้าตัวต้องนั่งยืดตัวตรงเอียงคอมองคนถามอย่างครุ่นคิด ไหนๆ คืนนี้ข้าก็ไม่มีที่พักอยู่แล้วหากมีที่ซุกหัวนอนสักคืนคงดีไม่น้อย
“ข้าจิวชงหยวน ข้าจะไปพักกับเจ้า”
คำตอบของจิวชงหยวนทำให้จินจงชุนอ้าปากค้างมองตามอย่างตกใจ เพราะตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักคนที่ชื่อจิวชงหยวน หากแต่ว่าหมอเทวดาตัวจริงนั้นเป็นใครหามีคนรู้ไม่ แต่คนตรงหน้าก็แสดงให้เห็นถึงการรักษาที่มหัศจรรย์ที่ทำให้จินจงชุนเชื่ออย่างสนิทใจ
จินจงชุนพากลับมาที่บ้านหลังเล็กที่อยู่กลางหมู่บ้าน ซึ่งคนในบ้านต่างก็พากันต้อนรับจิวชงหยวนเป็นอย่างดี ยิ่งรู้ว่าลูกชายคนเดียวของบ้านรอดพ้นความตายมาได้ เพราะการช่วยเหลือของหมอเทวดาผู้นี้ยิ่งพากันปลื้มปิติยิ่งนัก
“บ้านข้าหลังเล็กไปบ้างแต่ก็พอให้ท่านหมอค้างแรมได้ ขอบคุณท่านหมอจิวมากที่ช่วยบุตรชายคนเดียวของข้าเอาไว้”
หญิงวัยกลางคนมารดาของจินจงชุนกล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจ และเตรียมอาหารมาให้จิวชงหยวนทานอย่างนอบน้อม
“ท่านป้าอย่าได้เกรงใจ ข้าทำตามหน้าที่ของหมอ หากเจอคนป่วยไข้ ข้าก็ต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว” จิวชงหยวนกล่าวอย่างลำบากใจเมื่อได้รับการต้อนรับที่ดีเกินคาด แม้จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ก็ตาม
“คนที่คิดเช่นท่านนั้นหายากยิ่ง อีกทั้งช่วงนี้ไม่ว่าจะมีหมออยู่ที่ใดผู้มีอำนาจต่างก็พาตัวหมอไปจนหมด เหลือท่านรอดมายังหมู่บ้านเล็กๆ ของข้าได้นับว่าแปลกมากแล้ว”
คำกล่าวของชายวัยกลางคนบิดาของจินจงชุน ซึ่งทำอาชีพค้าขายจำพวกของจักสานเช่นรองเท้าสาน ตะกร้า เมื่อได้ยินชายชรากล่าวเช่นนั้น จิวชงหยวนก็รู้สึกไม่ชอบใจยิ่งนักที่คนมีอำนาจบังคับเอาหมอไปจนหมด
“หากเป็นเช่นนั้น ข้าขออาศัยหน้าร้านท่านเปิดรักษาผู้คนในหมู่บ้านได้หรือไม่“
“หากท่านหมอต้องการเช่นนั้นนับว่าประเสริฐแท้ ผู้คนในหมู่บ้านข้าคงหายเจ็บไข้ได้ป่วย” มารดาของจินชงหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ท่านแม่ หากเป็นเช่นนั้นพวกทางการจักไม่มาตามจับท่านหมอหรอกหรือ หากไม่ใช่พวกทางการก็พวกยุทธภพต้องมาตามตัวท่านหมอไปแน่ๆ”
จินจงชุนกล่าวเตือนก่อนจะหันไปมองหมอเทวดาที่นั่งบนโต๊ะไม้เก่าอย่างห่วงใย จิวชงหยวนหันมามองแล้วครุ่นคิดตาม
“หากเป็นเช่นนั้นข้าจะรักษาเพียงวันเดียวก่อนจะออกจากหมู่บ้านไป ท่านลุงจินช่วยประกาศบอกคนในหมู่บ้านให้ข้าได้หรือไม่”
“ได้สิ หากท่านหมอต้องการเช่นนั้น” บิดาจินจงชุนตอบรับด้วยรอยยิ้มยินดี
“นี่เป็นยารักษาอาการปอดบวมของท่าน” ต้มกินหลังอาหารเช้าเย็นทุกวันติดต่อสามวันก็หายขาด” จิวจงชวนหยิบยาในย่ามให้ชายวัยกลางคน และทำให้เจ้าตัวตาโตอ้าปากค้างอย่างตกใจ!
“ท่านยังไม่ได้จับชีพจรข้า แต่ท่านหมอกลับรู้ว่าข้าเป็นโรคอะไร ประเสริฐยิ่งนัก”
น้ำเสียงปลื้มปิติยินดีทำให้จิวชงหยวนยิ้มรับบางๆ เพราะเขาคุ้นชินกับคำเยินยอมามากพอแล้วเมื่อตอนเป็นอาจารย์หมอในโรงพยาบาลรัฐ แต่เพราะเขาฝึกฝนลมปราณใต้น้ำตกทำให้แยกเสียงต่างๆ ออกได้ และการฟังเสียงหัวใจก็ทำให้รู้ได้โดยง่ายว่าอีกฝ่ายเป็นโรคอะไร คงต้องยกความดีความชอบให้ลู่เฟยเสียแล้ว
“ส่วนนี่ยาบำรุงจะทำให้เลือดลมท่านป้าเดินดีและแข็งแรงขึ้นในเร็ววัน ต้มกินเช้าเย็นเป็นเวลาสามวันเหมือนกับท่านลุง” จิวชงหยวนยื่นห่อยาให้เจ้าบ้านซึ่งพากันยิ้มอย่างปลาบปลื้ม
“ท่านหมอ ท่านช่วยเหลือครอบครัวพวกข้าไว้ ข้าว่าชาตินี้ก็คงทดแทนบุญคุณท่านไม่หมด” จินจงชุนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาคมมองหมอเทวดาที่งดงามเกินผู้คนธรรมดา
“ข้าเป็นหมอก็รักษาไปตามที่เห็นสมควร อย่าได้คิดเป็นบุญคุณเลย”
จิวชงหยวนตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะขอตัวไปพักเพราะวันนี้เหนื่อยมามากแล้ว โดยมีจินจงชุนเป็นคนนำไปยังห้องนอน ภายในมีเตียงไม้แข็งๆ และผ้าปูเล็กน้อย แต่ยังดีกว่านอนตากน้ำค้างในคืนนี้ก็แล้วกัน...
เช้าวันรุ่งขึ้น จิวชงหยวนได้ตั้งโต๊ะรักษาคนในหมู่บ้านตามที่กล่าวไว้ โดยมีบิดาของจินจงชุนเป็นผู้กระจายข่าวในหมู่บ้าน ทำให้ผู้คนหยุดงานและเข้ามารักษากันมากมาย แต่จิวชงหยวนก็ไม่ได้ปริปากบ่นแม้แต่น้อย สีหน้ายังยิ้มแย้มพูดคุยกับคนไข้และแนะนำการรักษาไปด้วย
“คนต่อไป” เมื่อตรวจเสร็จผู้หนึ่งก็มีคิวยาวมาเรื่อยๆ โดยที่จินจงชุนเป็นผู้จัดคิวให้โดยเรียงผู้มาก่อนตามด้วยคนที่มาทีหลัง
จิวชงหยวนกล่าวแนะนำและจัดยาให้ผู้ที่มารับการรักษาไปเรื่อยๆ จนพลบค่ำ และการรักษาผู้คนในครั้งนี้กลับได้เงินมาอย่างไม่ตั้งใจ แม้ตอนแรกจะไม่ยอมรับแต่เพื่อความสบายใจของทุกคนจึงจำต้องรับมา แม้จะคนละเล็กละน้อยแต่หลายคนรวมกันมันก็มากโข
“น้ำขอรับท่านหมอ” จินจงชุนยื่นขันน้ำมาให้หลังจากที่ผู้คนเริ่มเบาบางหมดแล้ว
“ขอบใจ” จิวชงหยวนตรวจคนไข้รายสุดท้าย ก่อนจะหันมาหาจินจงชุนพร้อมรับขันน้ำมาดื่มแก้กระหายหลังจากพูดมายาวนานหลายชั่วยาม
“แย่แล้วเจ้าค่ะท่านหมอ สามีข้าเป็นอะไรก็ไม่รู้ปวดท้องนอนทุรนทุรายอยู่ที่บ้าน ลุกมารักษากับท่านหมอไม่ไหว ได้โปรดช่วยสามีข้าด้วยนะเจ้าคะ” หญิงวัยกลางคนที่ได้รับการรักษาก่อนหน้านั้นวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก หลังจากที่กลับบ้านไปเห็นอาการสามี