วชิระวางดอกลิลลี่สีขาวลงบนหน้าหลุมศพของบิดามารดา ดอกไม้ที่พวกท่านชื่นชอบเพราะมันบ่งบอกถึงความรักที่บริสุทธิ์ วันนี้เขาประสบความสำเร็จดั่งที่พวกท่านใฝ่ฝัน แต่กลับไม่มีโอกาสได้มองเห็นความสำเร็จของเขา น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ โดยไม่ได้มีเสียงสะอื้น ครอบครัวที่เคยอบอุ่นไม่มีอีกแล้ว...
ทว่าน้ำตาของเขากลับถูกชโลมด้วยหยาดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา แต่มันก็ไม่อาจชะล้างความเจ็บปวดและความเสียใจที่อยู่ภายในใจได้ แม้เขาจะเป็นคนฉลาดและดูเป็นเด็กอัจฉริยะในสายตาผู้อื่น แต่ใครจะรู้ว่าเขาต้องพยายามมากแค่ไหนเพื่อให้พ่อกับแม่ได้เห็นสิ่งที่อยากให้เขาเป็น แต่มาในวันนี้กลับสายไปเสียแล้ว
“ป๊า ม๊า ผมทำตามฝันของป๊ากับม๊าได้แล้วนะครับ” เสียงนุ่มทุ้มติดสั่นเล็กน้อยบอก เสื้อเชิ้ตสีขาวเปียกจนแนบเนื้อ อากาศเริ่มเย็นลงแต่เจ้าตัวกลับยังนั่งนิ่งอยู่หน้าป้ายหลุมศพ
“ผมสบายดี ป๊ากับม๊าไม่ต้องห่วงผมนะครับ” รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่ออกหวาน เพื่อให้ดวงจิตทั้งสองดวงของผู้เที่เขารักมากที่สุดได้รับรู้ว่าเขาสบายดีจริงๆ
“ฝนตกหนักแล้ว ผมคงต้องกลับก่อน แล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่นะครับ” วชิระพูดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะก้มหัวทำความเคารพพ่อกับแม่แล้วลุกขึ้นยืน
ซ่าๆๆ
เปรี้ยง!!
ฝนตกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ได้ทำให้วชิระที่กำลังเดินออกจากสุสานหวั่นกลัวแม้แต่น้อย ท้องฟ้ามืดครึ้มจนแทบมองไม่เห็นทางออก ร่างสูงหยุดชะงักเมื่อฟ้าร้องคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธและสายฟ้าฟาดลงมายังพสุธาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด หัวใจที่เย็นชาเริ่มตื่นตระหนก ก่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ สุสาน ต้นไม้บริเวณใกล้เคียงโดนฟ้าผ่าไปหลายต้น หวังว่ามันคงไม่ผ่าลงกลางหัวเขาหรอกนะ
เปรี้ยง!!
แต่ดูเหมือนความหวังของวชิระจะไม่เป็นจริง เพราะสายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงกลางหัวของเจ้าตัวพอดี สติสัมปชัญญะดับวูบไปทันที ร่างโปร่งล้มตัวจูบพื้นดินอย่างไม่ยินยอม หากใครมาพบเห็นคงจะเป็นข่าวหน้าหนึ่ง แพทย์หนุ่มอัจฉริยะดับอนาถจากสายฟ้าฟาด ทว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะร่างนั้นเริ่มเลือนหายไปคล้ายไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป...
ณ หุบเขาแห่งเซียนซึ่งมีเหล่าเซียนอาศัยอยู่มากมาย ทว่ายามนี้บนยอดเขากลับมีร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งนอนสลบไม่ได้สติมานานกว่าเจ็ดวัน โดยมีเทพโอสถผู้หนึ่งที่ปลอมเป็นเซียนเฒ่าคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่วิธีการนำตัวของมนุษย์ผู้นี้มาเป็นวิธีที่โหดร้ายพอสมควร ไม่คิดว่าเทพอัศนีจะดึงตัวมาด้วยวิธีนี้ แต่ก็ถือว่าเจ้าตัวได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว เทพโอสถจึงเถียงไม่ออกได้แต่นำยาชั้นดีมารักษามนุษย์ผู้เป็นโชคชะตาของแผ่นดินให้มีชีวิตรอดต่อไป
“อืม”
เสียงครางเบาๆ เรียกสติให้เทพโอสถหันไปมองร่างมนุษย์นั้นด้วยความยินดี ใบหน้าของเจ้าเด็กนี่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเนื่องจากโดนสายฟ้าของเทพอัศนีไป มันไม่ได้ไหม้เกรียมอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับไปลดอายุของเจ้าหนุ่มนี่เหลือเพียงวัยสิบเก้าปีเท่านั้น เทพอัศนีบอกว่ามันเป็นของแถมหลังจากที่ทำให้ตกใจ แต่ใครเล่าจะรู้ว่ามันเป็นพรของเทพอัศนีที่จะทำให้มนุษย์ผู้นี้มีใบหน้าเช่นนี้ตลอดอายุขัย
วชิระลืมตาขึ้นมองเพดานที่เป็นเพียงหญ้าอย่างไม่คุ้นตา สมองคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองก่อนที่จะหมดสติไป แต่ความปวดร้าวตามตัวทำให้ใบหน้าแหยเกเล็กน้อย และครุ่นคิดถามตัวเองว่า
‘ที่นี่ที่ไหนกัน’
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
เสียงที่เอ่ยถามทำให้วชิระหันขวับมามองด้วยความตกใจ ภาษาที่ไม่คุ้นเคยแต่กลับฟังเข้าใจมันคล้ายภาษาจีนแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ดวงตาเรียวคมมองชายชราตรงหน้าอย่างแปลกใจ การแต่งกายคล้ายคนจีนโบราณในยุคราชวงค์โจว ค.ศ. 665 ใบหน้าดูอ่อนโยนมีบารมี เส้นผมสีขาวโพลนและหนวดเคราที่ยาวลงมาถึงอก แววตาดูมีเมตตาให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
“คุณ...” วชิระจะเอ่ยถามทว่าลำคอที่แห้งผากทำให้ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เทพโอสถเหมือนจะเข้าใจจึงหยิบถ้วยน้ำมาให้ดื่ม วชิระเองก็ไม่ปฏิเสธแต่เมื่อลิ้นสัมผัสถึงน้ำกลับต้องเบ้หน้าเหลือบมองชายชราตรงหน้า สายตาที่บ่งบอกว่ากินให้หมดทำให้ต้องจำใจกลืนน้ำขมๆ ลงคออย่างเลี่ยงไม่ได้
“ที่นี่ที่ไหนครับ” วชิระเอ่ยถามพร้อมยื่นถ้วยคืนให้ชายชราตรงหน้า ทว่าดวงตาเรียวคมยังมองสำรวจรอบกายที่ไม่คุ้นเคย ที่นี่เหมือนกระท่อมเล็กๆ แต่กลับดูทนทานกว่าที่เห็นภายนอก
“ที่นี่หุบเขาแห่งเซียน” คำตอบที่ได้รับทำให้วชิระทำหน้ามึนไปพักใหญ่ ก่อนจะคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองจำได้ล่าสุดคือโดนฟ้าผ่า หากเป็นเช่นนั้นเขาคงตายไปแล้ว และได้มาเกิดใหม่เป็นเซียนที่นี่ แต่ว่าเป็นเซียนทำไมมันยังปวดตามตัวอยู่
“ผมตายแล้วใช่ไหมครับ” เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจตัวเอง แต่หากเป็นจริงก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายเพราะเขาเองก็ไม่เหลือใครอยู่แล้ว เสียแต่ว่าไม่ได้ร่ำลาเพื่อนสนิทเท่านั้นเอง
“เปล่าเจ้ายังไม่ตายและก็ยังเป็นมนุษย์มิใช่เทพเซียนเช่นพวกข้า” คำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้วชิระกระจ่างแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวมองชายชราที่ยิ้มอ่อนโยนให้อย่างไม่เข้าใจ