เพียงคุณ:1
Prologue
สองข้างของฝั่งถนนล้วนประดับประดาด้วยไฟหลากสี อีกทั้งยังมีต้นคริสต์มาสสูงใหญ่ตั้งตระหง่านตามสถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่สำคัญ เช่น หน่วยงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร รวมถึงคลับประจำของพวกผม
เดินเข้ามาภายในสถานที่ที่ค่อนข้างแออัด แน่นหนาไปด้วยผู้คนที่มาท่องราตรีไปกับแสงสีและเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม แสงไฟที่สาดลงเป็นเส้นแนวยาวส่องให้เห็นความสนุกไปแต่ละจุด พวกเขาลุกขึ้นเต้นตามจังหวะ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ตรงจังหวะ
กอดคอกันชูแขนขึ้นสุดและโยกตัวช้า ๆ ราวกับฟังเพลงรักซึ้ง ๆ ทั้งที่ในตอนนี้เป็นจังหวะ EDM ผมเห็นแล้วหลุดยิ้มพลางนึกถึงตัวเองเมื่อ 2 ปีก่อน
สภาพไม่ต่างกัน…
ไม่ว่าจังหวะจะชวนออกลวดลายขนาดไหน แต่ในสมองกลับฉายภาพความทรงจำ และเสียงเพลงเศร้าก็เข้ามาในโสตประสาททั้งที่ไม่มีใครเปิด
เศร้าด้วยตัวเอง…
เศร้าจากความทรงจำในอดีตที่แทบไม่มีทางกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
แหวกผู้คนโดยที่โปรยยิ้มไปตามทาง อาจมีบ้างที่แวะทักทายไปตามประสาคนรู้จัก ‘เอ็กซ์วินคลับ’ ที่นี่เรียกว่าเป็นแหล่งสุมหัวของเหล่าทีมวินโซนที่โด่งดังมาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนมาถึงรุ่นผม
“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะไอ้คุณ” โอ๊ค ลูกชายเจ้าของคลับทักผมเป็นคนแรก ผมมาช้ากว่าเวลานัดไป 1 ชั่วโมงกว่า ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรที่ตัวเองมาสาย เพราะในใจไม่ได้อยากมาด้วยซ้ำ ที่มาเพราะทนแรงตื๊อของพวกมันไม่ได้
ไลน์เด้งทุก 10 นาทีเลยแม่ง!
“คนมันมีปมในวันคริสต์มาสไง” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน มันกระตุกยิ้มเยาะที่มุมปาก
“แต่นี่ยังไม่ใช่” เอ็มแย้ง
“ก็คริสต์มาสอีฟไง อีกสิบนาทีเที่ยงคืนเป๊ะ มึงลองไปขอพรกับซานต้าดู” โอ๊คพูดจบพวกมันก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ได้ทีแม่งแซวกันใหญ่
“ตีน!” ไม่ได้พูดกระแทกเสียงด้วยความรำคาญเพียงอย่างเดียว ผมยังยกขาพาดไปบนตักพวกมันและเท้าก็ไปวางอยู่ที่ตักไอ้โอ๊คพอดิบพอดี
“นี่กูพูดจริงนะโว้ย ไปขอพรกับซานต้าดู เผื่อจะได้เจอกัน” โอ๊คพูดพลางดันเท้าผมลงจากตัก
“ไว้หลอกเด็กนะ” มือเสยผมขึ้นลวก ๆ แล้วรับแก้วเครื่องดื่มจากสาวดริงก์ที่ไอ้หมอกเรียกมาบริการ กระดกเข้าปากไปหนึ่งอึกแล้วต้องหลับตาลง รสขมปร่าบาดลงคอช้า ๆ
“จะมอมกันเลยหรือไง” ผมหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิกับคนที่ชงเหล้ามาให้ เธอหันไปมองหน้าเอ็ม
“คุณเอ็มสั่งไว้ให้ชงแบบนี้ค่ะ แบบที่คุณคุณชอบ”
ที่แท้ก็ฝีมือเพื่อนเวรที่จ้องจะมอมให้เมาเป็นหมา
ผมส่ายหน้าด้วยความระอาแล้วขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ เปิดประตูห้อง VIP ที่ตัวเองนั่ง เดินตามทางแคบ ๆ และแสงสลัวลงบันไดมายังชั้นล่างสุด และมาหยุดอยู่ตรงตุ๊กตาชายชราอ้วนพลุ้ยสวมชุดสีแดงมีหนวดเคราสีขาว และแบกถุงของขวัญอยู่ด้านหลัง
“ขอพรได้จริงป้ะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นถาม แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีคำตอบจากปากตุ๊กตาอยู่แล้ว
“ถ้าขอได้จริง ก็ขอให้ได้เจอกับเธอที่อยู่ในใจ”
เหมือนคนที่หมดหนทางที่จะตามหา จนต้องมายืนขอพรกับตุ๊กตา…
CHAPTER 1
เรื่องคืนนั้น…
Khun’s part
เสียงเฮดังลั่นจากอัฒจันทร์ฝั่งขวา หนุ่มสาวลุกขึ้นปรบมือตะโกนแสดงความยินดีกับชัยชนะของทีมวินโซน เมื่อรถสปอร์ตที่ถูกแต่งมาพร้อมสำหรับนักแข่งอย่างผมแล่นเข้าสู่เส้นชัยไปก่อนหน้าคู่แข่งด้วยความฉิวเฉียด ประตูรถคันข้าง ๆ ที่เข้าเส้นชัยตีคู่กันมาถูกเปิดออก นักแข่งในชุดสีโทนแดงขาวก้าวลงมา เขาถอดหมวกกันน็อกส่งให้กับคนในทีมของตัวเอง
ผมเห็นอย่างนั้นจึงลงจากรถและจัดการถอดหมวกกันน็อกออกเช่นเดียวกัน มือของเรายกขึ้นมาจับกันไว้มั่น ใช่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแพ้แล้วจะต้องเป็นศัตรูก่อนเสมอไป
แต่นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ทุกทีม
Success team เรียกว่าเป็นทีมพี่ทีมน้องทีมเพื่อนกับ Win Zone มิตรภาพระหว่างเรายังคงเหนียวแน่น เราไม่ได้แข่งกันเองบ่อยนัก อาจจะปีละสักครั้งสองครั้งเพื่อเรียกความสนใจจากผู้คนภายนอกที่ชื่นชอบความเร็ว การเงินสะพัดเข้ากระเป๋าผู้จัด กระเป๋าเจ้าของสนาม กระเป๋าของร้านค้าที่เข้ามาขาย กระเป๋าของคนที่พนันกันว่าใครจะชนะ และสะพัดเข้ากระเป๋าทีมที่เป็นฝั่งชนะ
เงินเดิมพันเต็มจำนวนถูกยื่นมาตรงหน้าพวกผม ผู้วางเดิมพันอย่างไอ้เอ็มกระตุกยิ้มที่มุมปาก มันรับทั้งหมดมาแล้วประทับริมฝีปากลงบนธนบัตรสีเทาปึกหนึ่งราวกับเย้ยอีกฝ่าย แล้วเค่อยเอาไปปันส่วนให้นักแข่งอย่างผม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
“ไปฝึกมาใหม่นะ” ผมพูดเชิงเย้ยหยันแต่กระนั้นอีกฝั่งก็รู้ว่าแค่ขบขันกัน ไม่เคยดูถูกกันจริงจังเลยสักครั้ง
“สักวันมึงต้องแพ้กูแน่ไอ้คุณ”
ผมยกไหล่ขึ้นสูงอย่างไม่สะท้าน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะมาหลายรอบ หากจะถามว่าทีมไหนชนะบ่อย ก็แน่นอนว่าต้องทีมผมอยู่แล้ว ผมไม่ใช่นักแข่งประจำของทีม วันไหนคันตีนขึ้นมาถึงจะลงแข่ง เดี๋ยวรอพวกน้อง ๆ ของทีมโตอีกหน่อย ก็จะให้พวกมันเข้ามาแข่งแทนแล้ว
“เอาของแถมป้ะ” คนตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูง จากสีหน้าเจ้าเล่ห์ของมัน ผมก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าของแถมที่ว่าคืออะไร ผมส่ายหน้ารัวเพราะไม่ต้องการ
“ทำไมวะ”
“ไม่อยาก”
“สวย สูง ขาว วันนี้อยู่ในชุดซานตี้” มันหมายถึงพริตตี้ประจำทีมของมัน
“กูหาเองได้ไม่ยากนะ” ไม่ต้องเอาสรีระของ ‘ของแถม’ มาอวดอ้างให้เปลี่ยนใจ
ผมเดินออกจากสนามมาที่ห้องกระจกที่อยู่ใต้อัฒจันทร์ พวกเพื่อนก็พากันเดินตามเข้ามา เว้นก็แต่ไอ้เอ็มที่ต้องเอารถแข่งมาจอดไว้ยังจุดที่รอรถสไลด์มารับไป
“มีแข่งอีกทีเดือนหน้าเลยนะ”
“อือ” ผมตอบโอ๊คสั้น ๆ ส่วนมือก็ทำหน้าที่ถอดชุดนักแข่งไปพลาง ๆ
“ทำไมไม่เอาของแถมวะ ยังเศร้าอยู่หรือไง” หมอกถาม คำถามของมันสะกิดให้ผมเจ็บจี๊ดขึ้นมา ในสมองฉายภาพเมื่อสองสัปดาห์ก่อนขึ้นมาทันที
“เมื่อกี้แอดมินเคเคทูทอล์คลงข่าวว่ะ”
“เรื่อง?” ไม่ใช่เสียงของผมที่ถามหมอก แต่คนที่ถามคือคนที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างเอ็ม เสื้อยืดที่สกรีนชื่อทีมอยู่ที่ด้านหลังถูกสวมเข้ากับลำตัวของผม และในตอนที่กำลังเสยผมตัวเองลวก ๆ ก็ต้องชะงักแล้วเงยหน้ามองหมอก
“ดาวคณะมนุษยศาสตร์ไปเดตกับพี่ปีสี่คณะเดียวกัน”
ดาว…ปีไหน? ของปีนี้หรือปีที่แล้ว ผมมีคำถามที่ไม่ได้เอ่ยถามออกไป เพียงแต่ส่งสายตาไปยังคนที่มีสมาร์ตโฟนอยู่ในมือและอ่านเนื้อหาที่เพจมหา’ลัยโพสต์
“ปีนี้”
“เชี่ย!!!” โอ๊คและเอ็มเอ่ยออกมาพร้อมกัน และสายตาทั้งสามคู่ก็จ้องมาทางผมทันที
“กูว่าแล้ว” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สังหรณ์ในใจแล้วว่าน้องแม่งไม่ธรรมดา แต่กูเสือกชอบไง มองจากภายนอกน่ารักเรียบร้อย
“อุตส่าห์เปลี่ยนจากเหล้าไปแดกลอดช่องในตอนดึก” หมอกหัวเราะหลังจากที่มันแซวจบ กูแม่งอุตส่าห์เปลี่ยนจากเข้าผับไปเข้าร้านขนมไทย หวังว่าจะเจอน้อง
“แห้ว!!!” พวกมันทั้งสามพูดใส่หน้าผม ดวงตาคู่คมกลอกไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เบื่อไอ้สามตัวนี้นั่นแหละ!
ผมสะบัดหัวสองสามทีเพื่อสลัดออกจากห้วงความคิดเดิม ๆ