“เปลี่ยนใจเอาของแถมยังทันนะ คืนคริสต์มาสเอาไปนอนกอดสักคนไป”
“ไม่!” ผมตอบเอ็มด้วยเสียงหนักแน่น จะได้เลิกคะยั้นคะยอหาใครมาให้
คืนคริสต์มาสทำไมต้องมีผู้หญิงไปนอนกอด เวลาอยาก ๆ กูก็ไม่ได้เลือกวันเวลาไหมวะ
“กูไปละ” อยู่ต่อก็มีแต่ต้องฟังพวกมันแซว กลับห้องไปนอนเสียยังดีกว่า
ผมไม่ได้สนเสียงเรียกและแซวของพวกเพื่อนที่ดังตามหลังมา เดินออกมาที่รถของตัวเองแล้วเข้าไปนั่งเงียบ ๆ เพื่อไล่อารมณ์ที่มันคละคลุ้งไปด้วยความผิดหวัง เพจซุบซิบของมหา’ลัยเชื่อได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมถึงได้มั่นใจว่าตัวเองถูกเท อีกอย่างคือน้องเขาก็ไม่ได้ติดต่อมาหาผมอีก
หลังจากที่นั่งไปสักพักก็ขับออกมาเรื่อย ๆ ไปตามทาง สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ยังดีที่วันนี้สนามมีแข่ง ทำให้มีแสงไฟที่ทางสนามเปิดไว้ ไม่อย่างนั้นก็มืดน่าดู
แล้วนั่นใคร?
ผมเพ่งตามองอีกทั้งยังเร่งความเร็วของรถให้เพิ่มมากขึ้น กระทั่งเห็นชัดว่าเป็นผู้หญิงกำลังวิ่งเข้ามาทางสนามแข่ง เธอคอยเหลียวมองไปทางด้านหลังราวกับหวาดกลัว ทั้งที่ไม่มีใครตามมาเลย
หญิงสาวหยุดวิ่งและมองรถผม เธอยืดแขนออกมาโบกรัว ๆ แต่ผมไม่ได้จอด…
เธอเห็นว่าผมไม่จอดจึงวิ่งต่อ สายตาของผมจึงย้ายกลับมามองยังด้านหน้า พบว่ามีชายฉกรรจ์สามคนกำลังตามเข้าไป ผมจึงถอยรถไปด้วยความรวดเร็ว
“ขึ้นมา!”
หญิงสาวเปิดประตูรถแล้วรีบขึ้นมานั่งตามที่ผมบอก นาทีต่อมารถของผมก็ถูกล้อมไว้ คนหนึ่งอยู่หน้ารถ อีกคนอยู่ประตูฝั่งผม และอีกคนก็อยู่ที่ประตูฝั่งด้านข้าง แววตาพวกเขาวาวโรจน์จนผมต้องลอบกลืนน้ำลาย
กูคนเดียวจะสู้มันได้อย่างไร แต่จะให้ไล่คนข้าง ๆ ลงไปก็ทำไม่ลง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่มีทางสู้แรงคนพวกนั้นได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่ผมกำลังมองสำรวจคนที่ยืนอยู่ข้างประตูทั้งสองข้าง คนตัวเล็กก็ผวาแล้วก้มหน้าลง ผมจึงย้ายสายตาไปยังหน้ารถ พบว่ามันยกปืนเล็งเข้ามาในรถ
หัวใจของผมเต้นแรงและใช้สมองคิดหาทางรอดจากเหตุการณ์นี้
“เธอไปทำอะไรไว้” เริ่มจากถามถึงสาเหตุก่อนแล้วกัน เผื่อว่าจะหาวิธีต่อรองกับอีกฝ่าย กูยังใช้ชีวิตไม่คุ้ม ไม่พร้อมที่จะตายในตอนนี้
ปึก!
รถกู!
ผมมองกระโปรงหน้ารถที่ไอ้คนนั้นมันเหวี่ยงมือตัวเองทุบลงมาจนเกิดเสียงดัง
“ทุบรถกูหาพ่อมึงเหรอไอ้เหี้ย!” ผมลดกระจกลงแล้วตะโกนด่าออกไป รถที่กูเฝ้าทะนุถนอมอยู่ ๆ ก็ต้องเสียโฉมเพราะไอ้เหี้ยนั่นทุบลงมา แม้จะเป็นรอยแค่เพียงเล็กน้อยแต่มันก็ไม่โอเคไหมวะ
“นาย” คนข้าง ๆ เอ่ยเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัวที่ผมไปตะโกนด่ามันอย่างนั้น ผมถึงได้มีสติและรีบกดปิดกระจกให้สนิทดังเดิม
ยังไม่ทันได้เจรจาต่อรอง ปากกูก็เพิ่มเรื่องขึ้นมาอีกกระทงเสียแล้ว
“ไปทำอะไรพวกมันมา”
คนตัวเล็กส่ายหน้ารัว น้ำตาของเธอหลั่งไหลอาบแก้มขาวนวล ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วอย่างนี้กูจะต่อรองกับพวกมันยังไงวะ
ผมตัดสินใจลดกระจกลงอีกครั้ง สบตากับชายฉกรรจ์ที่ยืนฝั่งผม มันมองมาด้วยแววตาแข็งกร้าว
“พวกมึงต้องการอะไร”
“อีนั่น”
ไม่ต้องบอกกูก็รู้! ผมพยายามข่มใจให้สงบนิ่งคล้ายกับไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในที แม้หัวใจจะวายอยู่แล้วก็ตาม
“นอกจากผู้หญิงคนนี้”
“หนึ่งแสน” มันตอบสั้น ๆ แล้วเอียงหน้ามองผมด้วยแววตากวนส้นตีน “มีปัญญาจ่ายหรือเปล่า”
ผมหันมามองผู้หญิงที่รับขึ้นรถมา เธอส่ายหน้ารัว สีหน้าคล้ายกับว่ามีอะไรที่อยากพูดแต่ก็เก็บงำเอาไว้
“ถ้าจ่ายให้ ก็จะปล่อยยายนี่ไปใช่ไหม”
“เออ”
ผมเปิดลิ้นชักหน้ารถแล้วเอาเงินออกมาปึกหนึ่ง มือเล็กจับข้อมือผมไว้ราวกับต้องการห้ามไม่ให้จ่ายมัน ผมสะบัดข้อมือตัวเองออกจากเธอแล้วยื่นเงินปึกนั้นให้ชายด้านข้าง
“นาย!” เธอเอ่ยออกมาเสียงดัง ผมถอนหายใจอีกครั้งแล้วหันไปมองหน้า
“ถ้าเอาตัวไม่รอดก็เงียบ ๆ ไปเหอะ”
ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงราวกับไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“มันจ่ายให้ละ” สิ้นเสียงของคนที่รับเงิน คนถือปืนที่ยืนอยู่ข้างหน้าจึงหลบทางให้ ผมเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวออกไป
รอดละ แต่กูเสียเป็นแสน! เพิ่งจะได้รับเงินจากการขับรถแข่งมา กูก็ต้องจ่ายเลย และดูท่าทางคนข้าง ๆ แล้ว คาดว่าผมจะไม่ได้เงินจากเธอคืนด้วย
มือเล็กคอยยกขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มตัวเองอยู่ตลอดเวลา เสียงสะอื้นมีมาเป็นระยะจนชักจะรำคาญเสียแล้ว
“เลิกร้องไห้สักทีได้ป้ะ ร้องแล้วได้ประโยชน์อะไรวะ”
เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ และเก็บเสียงสะอึกสะอื้นให้ได้มากที่สุดราวกับกลัวโดนผมดุ จนเนื้อตัวของเธอสั่นไหว เห็นแล้วก็สงสารเข้าไปอีก
“จะให้ไปส่งที่ไหน”
“…”
“ที่ไหน!?” ผมถามเสียงดังกว่าเดิม คนตัวเล็กผวาด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับมา
หัวคิ้วของผมย่นเข้าหากัน กูว่าชักจะแปลก ๆ ละ จึงจอดรถเข้าที่ข้างทางแล้วหันไปจ้องคนข้าง ๆ ด้วยสายตาคาดคั้น
“ที่ไหน”
“…” เธอหันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่ฉายถึงความหมดหนทาง
ผมสรุปให้ตัวเองได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีที่ไปอย่างแน่นอน แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะทีนี้ นอกจากจะเสียเงินเป็นแสนให้คนไม่รู้จัก ยังต้องหาที่อยู่ให้อีกด้วยหรือ…