เสียงอะไรในยามราตรี

1347 คำ
        ยอมรับว่าในระยะแรก บ่าวไพร่ทุกคนที่นี่ก็มองฮูหยินคนใหม่ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ แต่นางได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นางมิได้เข้ามาด้วยหวังทรัพย์สินเงินทอง นางอ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคน มิเคยถือเนื้อถือตัวอีกทั้งมีความเป็นกุลสตรีเป็นแม่บ้านแม่เรือนทุกกระเบียดนิ้ว         ต่างจากท่านฮูหยินคนเก่าที่มาจากตระกูลเศรษฐีสูงส่ง นางถือตัว ไม่เคยให้ความเป็นกันเองกับใครหน้าไหนทั้งนั้น ยิ่งบ่าวไพร่ยิ่งถือเป็นคนชั้นต่ำสำหรับนาง การบ้านการเรือนทำไม่เป็น ไม่เคยเอาอกเอาใจผู้เป็นสามี ตรงกันข้ามนางกลับเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก เคราะห์ดีที่ท่านแม่ของท่านเศรษฐี ท่านย่าของบุตรชายทั้งคู่มาคอยดูแลอบรมหลาน พวกเขาจึงพอมีส่วนดีอยู่บ้าง         แต่มาวันหนึ่งท่านย่าก็มาจากไป ทั้งคู่ต้องอยู่ในการอบรมของผู้เป็นมารดาที่เอาแต่ใจและฝังหัวว่าบิดานั้นไม่ค่อยใส่ใจด้วยว่าไม่รัก ทำให้ทั้งคู่เข้าใจเช่นนั้น ผสมผสานกับความที่ท่านเศรษฐีที่กำลังตั้งกิจการสาขาใหม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน บุตรชายทั้งคู่ก็เกิดความน้อยอกน้อยใจ ยิ่งท่านแม่มาจากไปแล้วด้วย ทั้งคู่ก็ยิ่งโยนความผิดทั้งหมดว่าเป็นของบิดาทั้งสิ้น          ช่างเถอะ เดี๋ยวคุณชายทั้งคู่ก็ไปแล้ว เพราะไม่เคยมาอยู่ได้นานสักครั้ง อย่างมากก็สามราตรีเท่านั้น สาวใช้คิด            ในใจ         แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะคุณชายทั้งคู่ได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะให้อาเจียงพี่เลี้ยงคนสนิทนั้นกลับไปดูแลกิจการให้ก่อน ส่วนพวกเขานั้นจะไม่ไปจากที่นี่จนกว่าจะกำจัดฮูหยินคนใหม่ออกไปได้ !         ที่โต๊ะอาหารมื้อเช้า         ชายหนุ่มทั้งคู่นั่งรอที่โต๊ะอาหารก่อนที่ผู้เป็นบิดาจะเดินออกมา         “ พวกเจ้าเห็นฮูหยินของข้ากันหรือไม่ ” ท่านถามสาวใช้ที่คอยรับใช้อยู่บริเวณนั้น         “ ท่านฮูหยินบอกว่าอยากให้นายท่านรับประทานอาหารและสนทนากับคุณชายทั้งคู่ประสาพ่อลูกค่ะ ”         ท่านเศรษฐีพยักหน้าด้วยความเข้าใจว่านางอยากหลีกเลี่ยงการปะทะ และอยากให้ท่านได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับบุตรชาย ทว่าทั้งคู่หาได้เข้าใจเช่นนั้นไม่         “ ก็อย่างว่า มารยาทและกาละเทศะน่ะมิหาได้จากทุกชนชั้นหรอก ” คุณชายใหญ่เปรยขึ้น แต่ผู้เป็นบิดาพยายามข่มใจเอาไว้ ไม่อยากให้เกิดการปะทะคารมกันอีก         ท่านเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น         “ พ่อขอโทษเรื่องเมื่อวาน ที่วู่วามจนตบเจ้า ”         “ ข้าพอเข้าใจได้ แม้ว่าในชีวิตท่านพ่อจะไม่เคยแตะต้องทำร้ายให้ข้าเจ็บแม้สักครั้ง แต่กลับมาเกิดขึ้นเพราะภรรยาคนใหม่ ” หลิวจางยังไม่หยุดกระทบกระเทียบ และผู้เป็นน้องชายก็เสริมขึ้นทันที         “ เห็นได้ชัดว่าอะไรเป็นอะไร ใครสำคัญมากกว่าใครในตอนนี้ ”         “ พวกเจ้าสำคัญที่สุดสำหรับพ่อ สิ่งที่พ่อทุ่มเททั้งหมดในชีวิตก็เพราะพวกเจ้าทั้งสิ้น พ่อรักพวกเจ้าอย่างที่สุด เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่เคยรับรู้บ้าง ” ผู้เป็นบิดาตัดพ้อด้วยความอัดอั้นตันใจ ทว่าบุตรชายทั้งคู่ทำหูทวนลม คุณชายเล็กคีบอาหารเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย         “ พี่ใหญ่ เป็ดตุ๋นน้ำแดงนี่อร่อยมาก ลองชิมดูสิ ” เขาว่าพลางคีบมันให้พี่ชายบ้าง อีกฝ่ายคีบเข้าปากแล้วเคี้ยวพลางพยักหน้าเห็นด้วย         “ ใช่ รสดีราวกับภัตตาคารที่ท่านแม่เคยพาเราไปกินในเมืองหลวง ” ผู้เป็นพี่ว่าแล้วคีบอาหารเข้าปากทุกจาน มันอร่อยและถูกปากพวกเขาเหลือเกิน ทั้งคู่เจรจาสนทนากันราวกับผู้เป็นบิดามิได้อยู่ตรงนั้น         โดยมิรู้เลยสักนิดว่า อาหารที่เอร็ดอร่อยเหลือเกินนั้นเป็นฝีมือของสตรีที่พวกเขารังเกียจรังชังทั้งสิ้น !         “ แล้วลูกจะอยู่ที่นี่ถึงวันไหนหรือ ” ท่านเศรษฐีชวนบุตรชายคุย แม้ว่าพวกเขาจะทำราวกับว่าบิดามิได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้น         อย่างที่ท่านเคยทำให้พวกเขารู้สึกมาก่อน...         “ ทำไมหรือ อยากไล่ให้พวกข้ากลับไว ๆ หรือไร ” บุตรชายคนโตว่า         “ จางเอ๋อร์ เหตุใดเราจึงพูดจาดี ๆ ฉันท์บิดาและบุตรมิได้ พ่อเพียงเป็นห่วงเจ้า อยากถามไถ่ นี่มันเป็นบ้านของเจ้าทั้งคู่ พ่อจะอยากไล่เจ้าไปเพื่อเหตุใด ”         “ ถ้าเป็นจริงอย่างที่พูด ท่านพ่อก็ควรจะดีใจ ” บุตรคนเล็กว่า นั่นทำให้ผู้เป็นบิดาสงสัย         “ มีเรื่องอันใดน่ายินดีเช่นนั้นรึ ”         ทั้งคู่แย้มยิ้มที่มุมปาก ทว่าไม่เลยไปถึงดวงตา         ดวงตาที่มีประกายเข้มข้นยากเกินจะหยั่งถึง แต่มันมิใช่สิ่งดีแน่ ๆ         “ เพราะพวกเราทั้งคู่ ตกลงใจจะอยู่ที่นี่ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีกำหนด ! ”         ยามห้าย  (เวลา 21.00 น. – 22.59 น.)         จวนของท่านเศรษฐีหง ที่ปกติแล้วเวลานี้จะสงบเงียบเพราะผู้คนในจวนเข้านอนแล้ว แต่เวลานี้หาเป็นเช่นนั้นไม่เพราะศาลากลางสวนริมน้ำ มีเสียงเฮฮาจากบุรุษสตรีวัยหนุ่มสาวร่วมยี่สิบคนที่กำลังดื่มกิน ทั้งยังมีเสียงบรรเลงเพลงพิณขับกล่อมให้ความเพลิดเพลิน         ในห้องนอนของท่านเศรษฐี ผู้เป็นประมุขของบ้าน สามีภรรยาที่นอนอยู่บนเตียงก็มิอาจข่มตาลงให้หลับได้ ท่ามกลางเสียงเอะอะนั้น         “ พี่ขอโทษนะ ฟางเอ๋อร์ ” ท่านเอ่ยเสียงสั่น ทำให้ฮูหยินวัยคราวลูกแปลกใจเป็นยิ่งนัก         “ ขอโทษอะไรหรือเจ้าคะ ท่านพี่มิได้ทำอันใดผิดต่อข้าเลยแม้แต่นิด ”         “ ก็ขอโทษที่บุตรชายของพี่ทั้งคู่ทำให้เรือนวุ่นวาย ” นางฝืนยิ้ม         “ หาได้วุ่นวายไม่เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี เป็นธรรมชาติของคนวัยหนุ่มสาวมิใช่หรือเจ้าคะ ที่นิยมชมชอบความสนุกสนานบันเทิงใจ ดีเสียอีก คุณชายทั้งคู่จะได้อารมณ์ดีขึ้น ” ท่านถอนหายใจเฮือกเสียยาว         “ เจ้าช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียจริง คิดไม่ผิดเลยที่พี่เลือกเจ้า ”         “ ข้าเองก็โชคดีเป็นที่สุดที่ท่านให้ความเมตตาข้าเจ้าค่ะ ”         ท่านแย้มยิ้ม แต่พลันก็ต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอกและไอโขลก นั่นทำให้ฮุ่ยฟางรีบเข้าไปกุมมือทับมือของท่านอย่างเป็นห่วง         “ ท่านพี่ ท่านเป็นอย่างไรเจ้าคะ ตามหมอดีไหม ” ท่านส่ายศีรษะเบา ๆ         “ พี่เพียงรู้สึกแน่นหน้าอกเท่านั้น ”         “ ถ้าเช่นนั้น ข้าออกไปชงชาร้อน ๆ มาให้นะเจ้าคะ แล้วเติมสมุนไพรสมานกาย ที่ท่านหมอจิ้งให้ไว้คราวก่อน ท่านว่าหากมีอาการป่วยหรือผิดปกติอันใด ให้เติมลงไปในชาสักหนึ่งยอดแล้วจิบ จะช่วยให้อาการดีขึ้นเป็นปลิดทิ้งเลยเจ้าค่ะ ”         “ เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปทำเอง เรียกบ่าวไพร่ให้มาทำเถิด ฟางเอ๋อร์ ” นางส่ายศีรษะแล้วแย้มยิ้ม         “ บ่าวไพร่ทำงานกันมาทั้งวัน เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อน ข้ามิอยากรบกวนพวกเขาเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะ ”         “ พี่ไม่อยากให้เจ้าเหนื่อย ”         “ ข้ามิเคยเหน็ดเหนื่อยใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ข้าทำล้วนเต็มใจ ข้าเป็นภรรยาย่อมต้องทำหน้าที่ปรนนิบัติสามี และดูแลบ้านให้สงบสุข ท่านพี่รอข้าสักครู่นะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ามา ” นางว่าพลางลงจากเตียงแล้วเร่งรีบไปจัดการชงชาให้ผู้เป็นสามีทันที         สองเท้าสาวไปตามทางเดินที่มีโคมจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ กระทั่งถึงห้องชงชาที่ภายในที่เป็นห้องเก็บเครื่องดื่มและสุรารสดี         ทว่านางก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงของบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ         ตั่บ ๆๆๆๆ !!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม