มันคือเสียงของบางสิ่งบางอย่างกระทบกันอยู่ด้านหลังฉากห้องชงชา แต่เหมือนจะมิได้มีเพียงจังหวะเดียว มันเหมือนมีอะไรประสานขึ้นพร้อม ๆ กัน
“ อ่า ข้าไม่ไหวแล้วคุณชายทั้งคู่ เสียวเหลือเกิน ” เสียงคร่ำครวญของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมกับเสียงจังหวะนั้นกระชั้นถี่ขึ้น
หัวใจของฮุ่ยฟางกระชั้นถี่ รู้ดีอยู่แก่ใจว่านั้นคือเสียงสมสู่ แต่ผู้ใดเล่าจะกล้าแอบมาทำสิ่งนี้ในเรือน สองเท้าสาวเข้าใกล้ฉากไม้ แนบสายตาลงบนช่องว่าง เล็ก ๆ ก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
เบื้องหลังฉากมีร่างเปลือยเปล่าสามร่าง บนและล่างเป็นเรือนกายสูงใหญ่กำยำของบุรุษรูปงาม
“ คุณชาย ! ” นางเผลออุทานออกมาเบา ๆ แล้วรีบยกมืออุดปากตัวเองเอาไว้
ใช่แล้ว ลูกเลี้ยงของนางนั่นเอง !
คุณชายใหญ่นอนหงายอยู่ด้านล่าง โดยมีร่างอรชรของหญิงสาวนางหนึ่งนอนหงายซ้อนอยู่ด้านบน และบนสุดที่กำลังคุกเข่าขยับเข้าออกและจับเรียวขาของนางให้แหกกว้างนั่นคือคุณชายเล็ก สายตาของฮุ่ยฟางตวัดลงไปยังส่วนล่างอย่างอยากรู้อยากเห็นทันที ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอฝืด ๆ
ร่างของหญิงสาวนางนั้นถูกเชื่อมประสานไว้ด้วยท่อนลำอันเขื่องเท่าแขนเด็ก โดยของพี่ชายนั้นสอดเสียบอยู่ในรูทวารเบื้องล่าง ของน้องชายอยู่ในรูหอยเบื้องหน้า
สองมือใหญ่ของพี่ชายกำขยำฟอนเฟ้นสองเต้าของหญิงสาวนั้นอย่างมันมือ พลางขยับสะโพกให้ลำรักเข้าออกในรูทวาร ส่วนน้องชายก็ขยับเอวสอบกระแทกเข้าออกทำลายด้านหน้าไม่ยั้ง
“ ข้าไม่ไหวแล้ว จะแตกเป็นครั้งที่สามแล้ว เสียวทั้ง รูหน้ารูหลัง เจ็บก็เจ็บ เสียวก็เสียว ของพวกท่านเหตุใดจึงใหญ่ยาวกันเหลือเกิน อู๊ยยย ” หญิงสาวนั้นครวญครางก่อนจะกระตุกกายเยือก ๆ พวกเขาทั้งคู่ก็ยังคงขยับบั้นเด้ารุนแรงไม่ลดจังหวะลงแต่อย่างใด
“ อ่าาา ซี้ดดดด ” เสียงครางต่ำแหบห้าวดังในลำคอ เมื่อจังหวะเริ่มถี่กระชั้น เสียงตั่บ ๆๆๆๆ ดังสะท้านสะเทือนห้อง หัวใจของผู้แอบดูเต้นตุบราวกับกำลังอยู่ในกิจกรรมเข้าจังหวะนั้นด้วย
มันช่างเป็นเรื่องบัดสีที่มาสมสู่กันเช่นนี้ในที่แจ้งเหตุใดจึงไม่ไปหาที่รโหฐานส่วนตัวกันหนอ อีกทั้งชายสองหญิงหนึ่ง ช่างวิตถารยิ่งนัก
นางบอกตัวเองเช่นนั้นก่อนจะถอยหลังย่องกลับอย่างเงียบกริบ ทว่าในหัวกลับมิสามารถลืมภาพและเสียงเหล่านั้นได้
แม้ความคิดจะบอกว่าเป็นเรื่องผิดและน่ารังเกียจ ทว่าเรือนกายของนางตอบสนองต่อความกำหนัดอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์
นางมีความสุขดีอย่างที่สุดในเรือนท่านเศรษฐี แต่สำหรับเรื่องกามราคะแล้ว ชายวัยห้าสิบกว่ากับความเครียดสะสมและโรคภัยที่มาเยือนนั้น ส่งผลให้เขามิสามารถประกอบกิจกรรมฉันท์สามีภรรยาได้บ่อย ๆ ซึ่งนางก็เข้าใจเป็นอย่างดี
จากเริ่มแรกวันเว้นสองสามวัน กลายมาเป็นอาทิตย์ละเพียงหนึ่งครั้ง ล่าสุดนี้ล่วงเข้าสิบวันไปแล้วที่ทั้งคู่มิได้ประกอบกิจกรรมฉันท์สามีภรรยากัน ซึ่งฮุ่ยฟางก็มิรู้สึกว่าเป็นเรื่องผิดปกติอันใด เพราะนางก็มีความสุขดี
ทว่าเหตุใดเมื่อนางได้เห็นภาพเมื่อครู่ กลับใจเต้นแรงนัก รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นรุ่มร้อนที่กลางหว่างขา และมันกำลังเต้นตุบ ๆ จนกระทั่งนางรู้สึกได้
มันจะรู้สึกเช่นไรหนอหากถูกกายกำยำแข็งแรงหวดโหมกระหน่ำย้ำแทง กล้ามเนื้อแข็งแกร่งกระแทกอัดเข้าออก และจะสุขสมแค่ไหนหากโดนรุมอัดพร้อมกันจากชายวัยฉกรรจ์ทั้งคู่ !
นางยกมือขึ้นปิดปากเมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ส่ายศีรษะแรง ๆ แล้วตำหนิตนเอง
“ เจ้าจะบ้าหรือไรฮุ่ยฟาง ช่างเป็นหญิงชั่ว คิดเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาเป็นลูกเลี้ยงของเจ้านะ นรกจะสูบเจ้าลงนรก ! ” นางพึมพำด่าตัวเองพลางสาวเท้ากลับเข้าไปในห้อง
โดยลืมไปเสียสนิทเลยว่าจะให้คำตอบกับท่านเศรษฐีเช่นไร เมื่อบอกว่าไปชงชาแต่ไม่ได้ชากลับมา
“ เหตุใดเจ้ากลับมามือเปล่าเล่า ฟางเอ๋อร์ ” นางอึกอัก สีหน้าเหลอหลาตกใจ นั่นทำให้ท่านรู้สึกถึงความผิดปกติ และลุกพรวดขึ้นทันที
“ เกิดอะไรขึ้น ”
“ มะ... ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ”
“ มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ในห้องชงชารึ ” ท่านว่าพลางลุกไปหยิบกระบี่คู่กายที่วางอยู่ในตู้ แล้วเดินลิ่ว ๆ ไปยังห้องชงชา โดยมีผู้เป็นภรรยาวิ่งตามพลางห้ามปราม
“ ท่านพี่เจ้าคะ อย่าเลยเจ้าค่ะ ”
“ มันมีอะไรกันแน่ที่ทำให้เจ้ากลัวถึงเพียงนี้ ” ท่านว่าพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าอกพลาง แต่ก็ยังคงสาวเท้าไปด้านหน้าไม่หยุด และแล้วก็ถึงที่หมาย
การพรวดพราดเข้าไปของผู้มาเยือนทำให้ผู้ที่พึ่งจะเสร็จจากกิจกรรมภายในไม่ทันตั้งตัว
“ นี่ พวกเจ้าทำบัดสีอะไรกันในบ้านของข้า ! ” ท่านหงตวาดกร้าวอย่างโมโห เมื่อเห็นภาพบัดสีเบื้องหน้าที่บุตรชายทั้งคู่ก่ายเกยอยู่กับสตรีนางหนึ่งที่รีบลนลุกขึ้นหยิบอาภรณ์มาสวมแล้ววิ่งหนีไปยังศาลาริมน้ำ
ส่วนชายหนุ่มทั้งคู่นั้นลุกขึ้นช้า ๆ ราวมิได้ทุกข์ร้อนรู้สึกรู้สาใด ๆ ไม่
แต่ผู้เป็นแม่เลี้ยงที่ตามมารีบหันหน้าหนีภาพเบื้องหน้า เพราะขณะที่พวกเขาลุกขึ้นยืนแล้วสวมอาภรณ์ ดุ้นลำยิ่งใหญ่นั้นมันยังแข็งครัดโด่เด่แทบจะขนานไปกับแผ่นท้องที่อัดไปด้วยลอนกล้ามด้วยซ้ำไป
“ ข้าถามว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน ! ” ท่านตวาดและตัวสั่นเทาไปหมด ฮุ่ยฟางต้องรีบเข้าไปประคองท่านเอาไว้
“ พวกข้าแค่จะมาหยิบสุราไปเพิ่มในการสังสรรค์ ” หลิวจาง บุตรชายคนโตเป็นผู้ตอบ
“ บังเอิญว่าต้องใช้หลายไห ก็เลยต้องมาช่วยกัน สตรีนางนั้นอาสามาช่วยพวกเราถือสุรา ” เหรินโจวผู้น้องสาธยายต่อเรียบ ๆ
“ มาช่วยถือสุรา แล้วเหตุใดจึงลงเอยกันด้วยการสมสู่เยี่ยงสัตว์เดรัจฉานในบ้านของข้า จนกระทั่งฮูหยินของข้าต้องมาพบเจอภาพอุจาดตาไปด้วย ! ” นั่นทำให้สองคุณชายตวัดสายตามายังผู้เป็นแม่เลี้ยง
“ นี่เจ้ามาแอบดูพวกเรารึ ” นางส่ายศีรษะดิกอย่างร้อนรน
“ ข้ามิได้แอบดูนะเจ้าคะ ข้าเพียงแต่จะมาชงชาและยาสมุนไพรให้กับท่านพี่ ”
“ อย่างนี้นี่เอง รีบวิ่งไปฟ้องท่านพ่อของข้า สมใจเจ้าแล้วสิที่อยากให้ท่านพ่อเกลียดพวกเรา ”
“ หาใช่เช่นนั้นไม่เจ้าค่ะ ”
“ จะบอกว่าเจ้ารักและหวังดีกับพวกเรางั้นสิ เอ๊ะ หรือว่าเจ้าจะอยากโดนของใหญ่ของหนุ่มเช่นพวกเราบ้างกันแน่เล่า ”
“ หุบปาก ! ข้าเหลือทนกับพวกเจ้าแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงทำตัวต่ำทรามกันเช่นนี้ ” ท่านหงตวาด ความเจ็บแปลบที่หน้าอกเพิ่มพูน ลมหายใจเริ่มกระชั้นถี่ ทว่าบุตรชายทั้งคู่กลับไม่ทันสังเกต
บุตรชายคนโตเลิกคิ้วยียวนแล้วตอกกลับ
“ พวกข้าก็ทำตัวชั้นต่ำ ไม่ต่างจากท่านพ่อที่เอาหญิงชั้นต่ำมาทำเมีย มาสมสู่ในบ้าน ยกย่องแทนท่านแม่ พวกเรามันก็ล้วนแล้วแต่ต่ำไม่ต่างกัน ! ”
“ สามหาว ! เฮือก… ”
ท่านตวาดก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น ดวงตาที่ เหลือกโพลงเริ่มคล้อยปรือ ปากอ้าพะงาบ ๆ เพื่อพยายามสูดลมเข้าสู่ปอด ก่อนบริเวณรอบ ๆ จะกลับกลายเป็นดำมืด หูของท่านได้ยินเสียงแว่ว ๆ ก่อนที่มันจะลับหายไป
“ ท่านพี่ ! ”
“ ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นอะไรไป ! ”
“ ท่านพ่อออออ ! ”