@ ห้องTG4
หลังจากที่ทำข้อตกลงแบบแมนๆ สำหรับพวกผมแล้ว เดินมาไม่นานก็หยุดยืนอยู่หน้าห้อง ป้ายที่ติดอยู่ตรงหน้าเขียนไว้เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นห้องประจำของกลุ่มไทเกอร์แบด
ผมเคยได้ยินมาว่าหนึ่งในกลุ่มไทเกอร์แบดมีคนหนึ่งเป็นลูกอธิการบดี ใครมีเรื่องกับเขาไม่ตายดีแน่นอน บรึ๋ยยย
“ทำไมกูรู้สึกหนาวๆ เหมือนมีพลังงานบางอย่าง”
“ยังไงวะ หรือว่ามึงกำลังจะเป็นไข้” ผมหันไปถามไอ้วิน
“ไม่ต้องไปไร้สาระตามมันหรอก มึงเข้าไปได้แล้ว” ผมพยักหน้าตอบไอ้เปอร์พลางเม้มปากแน่นก่อนจะยกมือเคาะประตูแต่ก็ต้องชะงักก้าวถอยหลังมาหยุดอยู่ข้างไอ้วิน เพราะเพื่อนวินมันดึงแขนไว้
“มีอะไรอีกครับเพื่อนวิน”
“ไอ้หมอกมึงจำคติประจำใจของเด็กช่างได้ไหม” ผมพยักหน้ารอบที่สอง
“อืม จำได้…ไม่สู้พี่ ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน ไม่ลืมตัวและไม่กลัวใคร”
“มึงจำประโยคที่ว่าไม่กลัวใครไว้ดีๆ นะ”
“วินเพื่อนรักมึงจะพูดอะไรก็รีบพูดมา กูยืนเกร็งขาชาแล้วเนี่ย” ไอ้เปอร์บ่นพลางตบไหล่ไอ้วินเบาๆ
“กูจะบอกว่าไม่ต้องกลัว พวกพี่มันก็เป็นผู้ชายเหมือนกับเรา แค่ไปเอาแบล็คพิ้งลูกรักมึงไม่ได้เข้าไปให้พวกพี่มันฆ่า”
“มึงดูปากกูนะวินเพื่อนรัก กู ไม่ ได้ กลัว ก็แค่วางตัวไม่ถูก”
"ถุ้ย"
สุดท้ายก็ยกมือสั่นระริกของผมเคาะประตู รอสักพักประตูตรงหน้าก็เปิดออกปรากฏร่างสูงกว่าผม เทียบจากส่วนสูงแล้วผมเท่าคอพี่มัน ผมไม่ได้เตี้ยนะก็แค่พี่มันสูงเกินไป ผมมองคนตรงหน้าน่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มป๋าใหญ่ หน้าตาพี่ดีมากเลยว่ะ
“เอ่อ ผมมาหาป๋าครับ”
“เข้ามา…” พี่มันเลื่อนสายตามองไปทางด้านหลังผมแล้วประโยคต่อมาก็ดังขึ้น
“คนเดียว” ผมหันไปมองไอ้เพื่อนสองตัวที่ทำมือทำท่าไล่ให้ผมเข้าไปคล้ายจะพูดมาว่า
มึงเข้าไปเลยพวกกูจะรอหน้าประตู โชคดีเพื่อน!!!
คนที่สูงกว่าหลบทางให้ก่อนที่ผมจะก้าวเข้าห้องพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง
เชี่ย แอร์ที่เย็นเฉียบยังไม่เท่ากับภาพตรงหน้า ภายในห้องที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่กำลังจูบกันนัวเนียเสียงจูบดังเข้ามาในโสตประสาท มันไม่แปลกเลยถ้าที่นี่ไม่ใช่มหาลัย เข้ามาผิดจังหวะหรือเปล่าตัวกู ไอ้หมอกเอ๊ยกลับไปคงต้องไปทำบุญล้างซวยบ้างแล้ว
ผมเลื่อนสายตามองไปยังผู้ชายที่สวมชุดช็อปวิศวะกรรมไฟฟ้าที่มีเสื้อแจ็คเก็ตสีดำราคาไม่ต่ำกว่าสามหมื่นสวมทับไว้โดยมีผู้หญิงนั่งอยู่ข้างๆ แต่กลับไม่ได้สนใจผู้หญิงข้างๆ แม้แต่น้อย ผมฉีกยิ้มเมื่อสายตาคู่นั้นมองมาที่ผม
ยิ้มไว้ก่อนแม่สอนไว้ มองดีๆ ป๋าแม่งหล่อฉิบหาย
“พวกมึงเบาๆ กันหน่อย เด็กกลัวหมดแล้ว”
“เด็กมึงเหรอไอ้ปิง” พี่คนที่เปิดประตูให้ผมส่ายหน้าตอบเพื่อน
“เด็กของคุณชายเขาโน้น..”
“เอ่อ ผมไม่ใช่เด็กใครหรอกครับ ผมแค่มาเอาจักรยาน” ก่อนที่จะเข้าใจผิดไปกันใหญ่ ผมก็รีบพูดตัดจบทันที ซึ่งพวกพี่ๆ ก็พยักหน้าเข้าใจ
“กูชื่อไบรท์ ไอ้หน้าหล่อๆ เหมือนคุณชายนี่ชื่อปิง ส่วนนั่นนะชื่อพอร์ช และคนสุดท้ายมึงคงรู้จักแล้ว”
“ผมชื่อสายหมอก เรียกหมอกเฉยๆ ก็ได้ครับ” ทำไมกูน้อบน้อมจังวะ
“จะยืนเฝ้าประตูอีกนานไหม กลัวพวกกูว่างั้น” ไม่ได้กลัวเว๊ยแค่วางตัวไม่ถูกตามที่ผมได้กล่าวไว้นั่นแหละครับ
ผมไม่ตอบแค่ฉีกยิ้มตอบพี่ไบท์ไปก็เท่านั้น
“ว่าแต่ ผมไปเอาจักรยานได้ที่ไหน” ตุ๊บ เอกสารถูกวางลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ป๋าใหญ่ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงเดินมาหาผม
“เดี๋ยวกูพาไปเอา”
"ไปเอา!! "
"ไปเอาจักรยาน มึงคิดว่ากูจะพาไปเอาอะไร" โอเค ไปเอาจักรยาน มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย
ผมเดินตามป๋าจนมาหยุดอยู่ที่ห้องหนึ่ง เปิดประตูเข้าไปก็พบกับแบล็คพิ้งลูกรักของผมที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ นี่อย่าบอกนะว่าเขาซ่อมจักรยานให้ผมจริงๆ
“ค่าซ่อมเท่าไหร่ครับ”
“ไม่เป็นไร”
“โห้ย ได้ไง บอกมาเถอะผมอยากจ่าย”
“ได้ แต่กูไม่เอาเงินมึงต้องเลี้ยงข้าวกู” เลี้ยงข้าวก็ได้อย่างน้อยก็ได้ตอบแทนที่เอาแบล็คพิ้งลูกรักผมมาซ่อมให้
“แบบนั้นก็ได้ งั้นเจอกันตอนเย็น ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
"เดี๋ยว"
"หืม" ร่างกายเหมือนถูกไฟช็อต มือของเขาคว้าหมับที่ท้ายทอยแนบริมฝีปากลงมาที่หน้าผากผมเบาๆ แล้วผละออก
"ขอมัดจำไว้ก่อนแล้วกัน" มัดจำเหี้ยไรของพี่มึง
18:00 น.
ร้านอาหารหรู แบบว่าหรูโคตรๆ ที่ผมยืนอึ้งอยู่ไม่ใช่อะไรหรอกถ้าร้านที่ป๋ามันนัดมาไม่ใช่ร้านนี้ งานนี้กระเป๋าผมแบนแน่
'เป็นแฟนคนจนต้องทนหน่อยน้อง พี่นี้ไม่มีเงินทองมารองรับความลำบาก' อะแฮ่ม!!
ผมเดินเข้ามาข้างในร้านด้วยสภาพชุดนักศึกษา เดินเข้าไปที่โต๊ะก็พบบุคคลที่นัดผมมาร้านนี้นั่งอยู่ก่อนแล้วแต่แตกต่างจากเมื่อต้อนเช้าเพราะป๋าใหญ่วิศวะไม่ได้อยู่ในชุดช็อป
“พึ่งเลิก”
“ครับ” เห็นหน้าพี่มันภาพเมื่อเที่ยงก็ผุดขึ้นมาทันทีจนเผลอยกมือลูบหน้าผากตัวเอง
ผมจัดการดูเมนูตรงหน้าก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แม่เจ้าโว้ย ราคาห้าร้อยอัพ เงยหน้ามองบุคคลตรงหน้าก่อนที่จะปิดเมนูแล้วยกน้ำเปล่าขึ้นมาจิบแก้ฝืดคอ นี่กะจะให้หมดตัวเลยหรือไง ร้านแม่งก็จะแพงไปถึงไหน กลัวคนกินจะไม่จนหรือไง
“เป็นอะไร”
“ผมยังไม่หิวเท่าไหร่ ปกติมือเย็นของผมก็ประมาณ สองสามทุ่มโน้น” บุคคลตรงหน้ามองหน้าผมพลางปิดเมนูก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน
“เอามาเหมือนเดิม” เหมือนเดิม อาหารเหมือนเดิมมันมีด้วยเหรอวะ คนรวยนี่ก็ชอบทำอะไรแปลกๆ เนาะ
เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศมันเงียบเหงาเกินไปซึ่งมันไม่ใช่สำหรับคนอย่างผม จึงเอ่ยชวนคนตรงหน้าคุย จริงๆ ผมเป็นคนที่อยู่นิ่งๆ ไม่ได้อ่ะ เงียบแบบนี้อึดอัดตายห่า
“ผมขอถามอะไรหน่อยดิ”
“ป๋ามาที่นี่บ่อยเหรอ แบบพาสาวมาเดทอะ” ดูจากระดับคนตรงหน้าแล้วน่าจะติดหรูพอสมควร
“มาบ่อยแต่ไม่ได้มากินข้าว กูพามึงมากินข้าวที่นี่เป็นคนแรก” ฉ่า ตึกตัก ตึกตัก เชี่ยยย ทำไมต้องรู้สึกเขินด้วยวะ
“ที่นี่คือร้านอาหารที่กูเปิดเล่นๆ” เดี๋ยวๆ ร้านพี่มึงหรอวะ เล่นด่าซ่ะเสียหายเลยกู ว่าแต่ต้องรวยขนาดไหนถึงเปิดร้านอาหารเล่นๆ ได้
“ถามจริง แอบทำธุรกิจมืดป่ะ” เอ่อ ปากมันไปเองเลยครับ
ยังไม่ทันจะได้คำตอบ พนักงานก็นำอาหารมาเสริฟซะก่อน อาหารที่ถูกจัดเรียงอย่างเรียบร้อย หน้าตาน่าทานคุ้มกับราคา
อาหารอุดมด้วยส่วนผสมที่มีคุณภาพ แต่ถ้าจะให้ซื้อกินขอซื้อข้าวราดแกงดีกว่า สายหมอกขอไม่หวังที่จะกินของแบบนี้ รามยอนก็พอใจแล้ว
"สั่งเยอะขนาดนี้ กินไม่หมดผมไม่จ่ายนะ"
"กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงจะต้องจ่าย" ป๋าตักเนื้อวางที่จานผม ส่วนผมก็ได้แต่มองพฤติกรรมคนตรงหน้านิ่งๆ
ผู้ชายตักอาหารให้ผู้ชายด้วยกัน ฟังดูแล้วก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
"รีบกิน มองแล้วมันจะอิ่มหรอวะ"
"...." ผมพยักหน้าก่อนจะตักสเต็กเนื้อเข้าปาก รสชาติแรกที่ได้ลิ้มรสเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ อยากจะบอกว่าอร่อยเชี่ยๆ อร่อยสัสๆ
สายหมอกซารังเฮสเต็กจานนี้ บุญปากไอ้หมอกจริงเว้ย
จริงๆ ผมก็เคยกินสเต็กเนื้อนะแต่ไม่เคยกินสเต็กที่แพงขนาดนี้แถมอร่อยมากๆ
นี่ขนาดร้านเปิดเล่นๆ นะ
" หึ มึงทำหน้าตาน่าเกลียดว่ะ"
"ก็มันอร่อยนี่ อีกอย่างผมไม่ได้ทำหน้าตาแบบนั้นซะหน่อย"
" อ้อ ผมขอเรียกว่าพี่ได้ไหม เรียกป๋าแล้วมันรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้" มันรู้สึกเหมือนอิหนูเรียกเสี่ยมากกว่า
"แล้วแต่มึง อยากจะเรียกอะไรก็เรียก พี่ เฮีย ป๋า หรือ…เรียกว่าที่รัก ก็ได้ "
แคก!! แคก!!
พี่มันแม่งกำลังอ่อยผมอยู่หรอวะ เฮ้อ ชีวิตผม พี่ซีวายก็หนีจนไม่รู้จะหนีไปทางไหน ทุกวันนี้แค่ได้ยินชื่อพี่มันผมยังหลอนเลย
" ไม่คิดว่าคนอย่างพี่จะมีเล่นมุกกับเขาด้วย ฮาๆ "
"กูไม่ได้เล่น" โหมดจริงจัง
"เอ่อ ดึกแล้วผมว่าเรากลับกันเถอะ ผมนี่อิ่มจนจะอ้วกกลับคืนแล้วเนี่ย" พี่มันพยักหน้าตอบส่วนผมก็ได้แต่พ้นลมหายใจออกมา กูรอดแล้ว
ผ่านไป 15 นาที รถราคาแพงก็เคลื่อนตัวมาจอดหน้าหอพัก ถามว่าผมมากับพี่เขาได้ไง
แรกๆ ก็จะกลับแทคซี่แต่พี่เขาดันอาสามาส่ง ผมก็ไม่ขัด คนมีน้ำใจมาส่งก็ต้องรับไว้สิถึงจะถูก อีกอย่างประหยัดเงินค่ารถตั้งเยอะ
ผมไม่ได้งกนะ แค่พอเพียง
" ขอบคุณที่มาส่งนะครับ หล่อแถมใจดีแบบนี้ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะชอบ"
"พูดมาก ลงไปได้แล้ว"
"อ้อ พี่รอแปปหนึ่งนะ ผมยังไม่ได้คืนกระเป๋าพี่เลย" สองมือกวาดหากระเป๋าราคาแพงในกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนจะยื่นคืน
"อยู่ครบไม่หายไม่ขาดไม่เกิน"
"อืม รีบนอนล่ะอย่ามัวแต่เล่นเกมส์"
"พี่รู้ได้ไงว่าผมชอบเล่นเกมส์ตอนดึก"
"เปล่า แล้วจะลงไม่ลง"
"คร้าบ ลงครับลง ฝันดีพี่" จบประโยคก็ลงจากรถทันทีแต่เหมือนเห็นพี่มันยิ้มแฮะ สงสัยดูผิด
@ บ้านตระกูลศิริกิจวัชรโชติ
บ้านหลังใหญ่ทีเต็มไปด้วยเหล่าบดี้การ์ด หลังจากที่ผมไปส่งเด็กนั่นที่หอผมก็รีบขับรถกลับมาที่บ้านทันที
"พวกมันเป็นพวกของหลี่เหว่ย ป๋าจะให้ผมลงมือเลยไหมครับ"
" ยังก่อน กูจะปล่อยพวกมันไปก่อน"
" แต่ถ้ามันยังไม่เลิกเป็นหมาบ้าตามกัดกู ถึงเวลานั้นกูก็จะเป็นคนฆ่าหมาบ้าตัวนั้นเอง"
ผมเคยถูกลอบฆ่าเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพวกของหลี่เหว่ยที่ต้องการฆ่าผมเพราะผมไปขัดผลประโยชน์ของพวกมัน
การที่ผมจะได้ขึ้นรับตำแหน่งประมุขคนต่อไป ทำให้พวกของหลี่เหว่ยไม่พอใจอย่างมาก และนี่คือสาเหตุที่พวกมันต้องกำจัดผม
"มีอีกเรื่องครับ คนของเรารายงานมาว่าเด็กคนนั้นที่ป๋าให้ตามหา…"
"ไม่ต้องตามหาแล้ว"
"ทำไมครับหรือป๋าเจอแล้ว"
"อืม เจอแล้ว"
คริสมองนายตัวเองพร้อมกับความสงสัย เด็กผู้ชายที่ป๋าเคยให้ตามหาเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาไม่แม้แต่จะหาตัวเจอ แต่จู่ๆ ป๋ากลับบอกว่าหาเด็กคนนั้นเจอแล้วเนี่ยนะ
ถ้าให้คิดในแง่ดี คนๆ นั้นต้องมีความสำคัญกับป๋า แต่ถ้าให้คิดในแง่ร้าย เด็กคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ทำให้ราชสีห์ไม่พอใจจนต้องตามหาตัวเพื่อพามารับกรรม
แต่ขอให้เป็นอย่างแรกก็แล้วกัน เขารู้ดีเวลาป๋าโกรธมันเป็นยังไง