ตอนที่ 4 ยาดี

1783 คำ
เริ่มตกดึกบรรยากาศก็ยิ่งครื้นเครง ผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ ผมหยิบไอ้น้ำสีฟ้าขึ้นมาจิบแล้วเดินไปหาเจ๊แมวทันที ว่าแต่น้ำอะไรทำไมมันอร่อยจัง สุดท้ายผมเดินมาหยุดอยู่หลังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังคุยกับคู่บ่าวสาว แต่ทำไมดูคุ้นจัง หุ่นนายแบบเหมือนควอนฮยอนบินโปสเตอร์ที่ติดอยู่ในห้องเจ๊แมวเลย "เจ๊ น้ำนี้ เฮ้ย มาได้ไงวะ" ชะงักหยุดเมื่อตัวเองเผลออุทานดังจนทุกคนหันมามอง แต่สายตากลับจับจ้องไปที่คนตัวสูงกว่า ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาวิศวะ รอยยิ้มแปลกๆ ถูกส่งมาให้ผมจนทำให้ขนลุกซู พี่มันยิ้มให้ทำไมวะ หน้าผมเหมือนคณะตลกหรือไงพี่ แบบบอยแบนหม่ำเท่งโหน่งไรงี้ "ว่าไงเสือน้อย" เชี่ย พี่มันมาแปลกๆ ป๋าเป็นผู้ชายที่อันตรายมาก จู่ๆ คำพูดของพี่ซีก็ผุดขึ้นมาจนทำให้ผมแอบกลืนน้ำลาย "พี่ บอกแล้วไง อย่าเรียกผมแบบนี้ ขนลุก" "ตัวเล็กเหมือนหมากระเป๋าแบบนี้ คิดจะหนีก็หนีไม่พ้น" สายตาของพี่มันหันไปมองพี่คินทร์ก่อนจะหันกลับมามองผม ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ถึงอยากรู้แต่ขอไม่รู้ดีกว่า โว้ย เป็นอะไรของกูเนี่ย สงสัยนอนน้อยแน่เลย แต่เอ๊ะทำไมร่างกายมันรู้สึกแปลกๆ ผมยกมือเกาแขนตัวเองเพราะรู้สึกคัน และเป็นเจ๊แมวที่เดินมาเลิกเสื้อสูทผมขึ้น “สายหมอก แกเป็นอะไรทำไมผื่นขึ้นแบบนี้” ผื่นเล็กๆที่ขึ้นตามแขนของผม มันคล้ายกับผื่นแพ้เลย “ผมไม่รู้” “ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาหรือเปล่า” น้ำเสียงเชิงดุดังขึ้นสายตากลมโตตวัดมองผม ใช่ มองเหมือนแม่กำลังดุลูกแบบนั้นเลย แม่คนที่สองของผมเลยคนนี้ สุดท้ายผมก็ส่ายหน้าตอบ ผมแพ้แอลกอฮอล์มาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะฉะนั้นผมจะไม่มีทางแตะสิ่งที่ตัวเองแพ้เด็ดขาด และตั้งแต่เกิดมาผมเคยดื่มเหล้าแค่ครั้งเดียวก็คือตอนที่ตัวเองรู้ว่าแพ้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั่นแหละ แต่มีสิ่งหนึ่งที่กำลังดื่มอยู่ตอนนี้.. “ผมดื่มแต่น้ำนี่นะเจ๊” “ให้ตายสิ นี่มันผสมแอลกอฮอล์นะ” ตาเกือบถลนออกจากเบ้า พอรู้มันก็เริ่มคันขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ทันไรแก้วแอลกอฮอล์ก็ถูกแย่งไปจากมือผมก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะกระดกดื่มจนหมด ทุกคนมองพี่มันตาค้างซึ่งไม่ต่างกับผม หลังจากนั้นดวงตาสีนิลก็ตวัดมองมายังผมด้วยสายตาหงุดหงิด ผมทำอะไรผิดอีกวะ สายตาคือพร้อมฆ่าคนเลยนั่นน่ะ “เอ่อ งั้นผมกลับก่อนดีกว่า ยินดีด้วยนะเจ๊ ขอให้ได้เจ้าตัวเล็กเร็วๆ นะ” เจ๊ทำท่าจะด่าแต่ผมกลับไวกว่า รีบวิ่งออกจากตรงนั้นมุ่งหน้าไปที่รถตัวเองทันที ติ๊ด กดปลดล็อกรถก่อนที่จะเข้าไปหายาที่เบาะหลัง แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ส่วนอาการแพ้มันก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ มืออีกข้างก็หายาที่เก็บไว้ส่วนอีกข้างก็เกาแขนตัวเอง อือหือ ชาติก่อนกูเป็นนาคีแน่เลย พรึบ!! ตัดสินใจถอดเสื้อสูทออกเร่งแอร์แรงขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองมีเหงื่อไม่งั้นจะยิ่งคันมากกว่าเดิม “เจอแล้ว ชอบเล่นซ่อนแอบหรอเรา” นี่กูยังมีอารมณ์มาคุยกับหลอดยาอีกฉิบหายวะ ฮุ้ย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกวัน ปึงง!! ผมสะดุ้งตกใจส่วนยาในมือก็ตกลงไปอยู่ที่พื้นรถเป็นที่เรียบร้อย หือ มีคนบุกรุกเข้ามาในรถ ผมมองร่างสูงตรงหน้าก้มหยิบยาที่ผมทำตกก่อนจะมองมาที่ผม แกร็ก แกร็ก แม่งเอ้ย ประตูหลังดันเปิดไม่ได้ซะงั้น ผมออกจากรถไม่ได้ "เอ่อ พี่มีอะไรหรือเปล่า" ใจดีสู้เสือเว้ยตัวกู "เปล่า" เอ้า… คนตรงหน้าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ก่อนที่จะเปิดฝาหลอดยาโดยมีสายตาของผมที่มองการกระทำของเขาอยู่ "ขยับมา" "ครับ!!! " "กูจะทายาให้" "ไม่เป็นไรพี่ ผมทำเอง เฮ๊ย… " จู่ๆ แขนผมก็ถูกดึงจนต้องร้องเสียงหลง ก็ดูดิ ดึงเบาๆ ไม่เป็นหรือไง แรงอย่างกับไอ้ทุย ถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็เจ็บเป็นนะ "ถ้าจะด่าก็ด่าออกมา อย่าด่าแค่ในใจ" เหี้ยเถอะ พี่มึงรู้ได้ไง "ผมมิบังอาจกล้าด่าพี่หรอกครับ" ผมก็กลัวตายเป็นนะครับ ขอชีวิตสงบสุขของสายหมอกกลับคืนมาได้ไหม ชาติก่อนเคยไปยกเค้าบ้านพี่มันเปล่าวะ แหม่ เจอกันบ่อยเหลือเกิน "หึ ปากบอกไม่กล้าด่าแต่สายตามึงเหมือนอยากจะฆ่ากู" "ผมนี่แหละอาจจะโดนพี่มึงฆ่าก่อน" "ไม่ต้องพูดเบาขนาดนั้นก็ได้ กูได้ยิน" ห้ะ พี่มึงได้ยินด้วยเหรอ ไอ้ฉิบหาย " ขะ ขอโทษครับพี่ ผม.." "ถอดเสื้อแล้วหันหลัง" เพราะไม่กล้าปฏิเสธจึงต้องยอมถอดเสื้อแล้วนั่งหันหลังให้ป๋าใหญ่ของวิศวะทายาให้ ยาขี้ผึ้งที่แตะแต้มลงบนแผ่นหลังทำให้รู้สึกเย็นซึ่งช่วยคลายอาการคันลงได้นิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย นี่ถ้าไม่ได้แพ้แอลกอฮอล์ผมนึกว่าถูกหมามุ่ยจริงๆ นะ รักแท้แพ้หมามุ่ย :) "ขอบคุณครับ" ผมยื่นมือหวังหยิบยาจากคนตรงหน้าเมื่อเขาทายาด้านหลังให้ผมเสร็จ แต่กลับคว้าได้แค่อากาศ "ขอบคุณนะครับที่ช่วยทายาให้ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเองดีกว่า" "พูดมาก" นอกจากไม่คืนยาผมแล้ว พี่มันยังทายาให้ผมเองด้วยครับ แค่หลังก็พอแรงแล้ว แต่นิ้วมือที่กำลังแตะลงที่หน้าหน้าอกผมนี่สิมันกลับทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขนนี่ลุกซูเลยครับทุกคน 'แม่ หนูกำลังถูกผู้ชายแต๊ะอั๋ง' อยากจะบอกว่าสายหมอกเกร็งมากเลยครับตอนนี้ นี่ถ้ามีคนรู้ว่าป๋าใหญ่ราชาวิศวะทายาให้ไอ้หมอกเด็กปีหนึ่งที่ดันโง่ไปดื่มน้ำที่ผสมแอลกอฮอล์นะ ผมว่า… ค่าหัวผมต้องแพงแน่ๆ เลย "หึ แค่กูทายาให้ มึงถึงกับนั่งเกร็งเลยเหรอ" "ปกติผมไม่เคยให้คนอื่นทายาให้นอกจากป๊ากับม๊า ผมก็เลยเกร็ง" ป๋ามองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะโยนยาคืนให้ "คนอื่น" ผมพยักหน้ารับไปแบบงงๆ และป๋ามันก็ลงจากรถไปแบบไม่พูดไม่จา ไปไม่ลามาไม่ไหว้ ผมพูดอะไรผิดไปหรอ… เฮ๊อ สายหมอกสับสน วันต่อมา เช้าวันสดใส ถ้าคุณมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็จะพบกับก้อนเมฆลอยเต็มไปหมดแต่ถ้ามองดีๆ คุณจะพบกับความงดงามของมัน แตกต่างจากท้องฟ้าตอนที่ปกคลุมด้วยเมฆฝน ซึ่งมีแต่ความหดหู่ ถ้าให้ผมเลือกที่จะชอบท้องฟ้าแบบไหน.. ผมขอเลือกท้องฟ้ายามเช้าดีกว่าเพราะมันสว่างและมองเห็นทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืนผมอาจจะเดินสะดุดก้อนหินล้มเพราะมองไม่เห็นทางก็เป็นได้ “ยืนมองท้องฟ้าแล้วยิ้มคืออะไรวะ” ไอ้วินเดินมาตบไหล่จากนั้นใบหน้ากวนๆ ของมันก็เงยขึ้นมองท้องฟ้าตามผม “….ยุ่ง” “ขอบคุณที่ชม” มันยกยิ้มหน้าระรื่นมาให้ ผมล่ะเกลียดหน้าตากวนๆของมันจริงๆ “คือพวกมึง กูมีไรให้ช่วย" " คุณสายหมอกอยากให้พวกกระผมช่วยอะไรเชิญบัญชามาเลยขอรับ" " ไปเอาแบล็คพิ้งเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ นะ” “จักรยานเน่าๆ ของมึงนะเหรอ” ผมพยักหน้าตอบไอ้วิน “แล้วไปเอาที่ไหน” “ห้องTG4” หมับ!! ผมจับแขนเพื่อนสองคนไว้เพราะเห็นท่าทางมันเหมือนกำลังจะเดินออก แล้วท่าทางกลืนไม่ได้คายไม่ออกของพวกมันนี่คืออะไร และแล้วพวกมันก็หันมายิ้มให้ผม “ว่าแต่ลูกรักมึงไปอยู่ที่นั่นได้ไงวะ” เปอร์ถาม ผมตัดสินใจเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้พวกมันสองคนฟัง เล่าตั้งแต่ผมขับรถตกหลุมแล้วป๋าใหญ่วิศวะก็ขับรถไปส่งแถมยังซื้อยาทำแผลให้ และผมก็ต้องไปเอาจักรยานเพราะป๋าเอาไปซ่อมให้ “เฮ้อ คนตั้งเยอะทำไมต้องเป็นมึงด้วย” “เอาน่าเพื่อนเปอร์ ป๋ามันก็ดูไม่น่ากลัวขนาดนั้นซะหน่อย ทำหน้าอย่างกับกูพาไปตายงั้นแหละ” "อ้อเหรอ แหม่ รู้สึกถึงกลิ่นไอปีศาจเลยกู" "ปีศาจในซีรี่ย์จีนมึงนะเหรอ" "ใช่ นางเอกแม่งโคตรสวย สวยจนกูอยากกลืนจอมือถือลงท้อง แฮร่" พวกผมได้แต่ส่ายหัวให้ไอ้วินเจ้าพ่อซีรี่ย์จีน “เออๆ กูกับไอ้วินจะไปเป็นเพื่อนก็ได้ แต่…” เปอร์มันหยุดครู่หนึ่งพร้อมกับส่งยิ้มร้ายๆ “มึงต้องไปช่วยงานพวกกู” “ได้หมด ไม่มีปัญหา จะให้ยกปูน ปีนหลังคา ซ่อมไฟ ไอ้หมอกทำได้หมด” “พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” ผมเลิกคิ้วก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เพราะพวกผมจบ ปวช.3 จึงมีความรู้เรื่องการซ่อมไฟหรือต่อสายไฟเข้าบ้าน พวกผมสามคนจบจากวิทยาลัยเทคนิคซึ่งเป็นสายอาชีพ แผนกที่เรียนก็คือช่างไฟฟ้ากำลัง ส่วนมากคนส่วนใหญ่จะเรียกช่างไฟ เราจะเรียนปฏิบัติมากกว่าทฤษฎีซึ่งมันทำให้พวกผมมีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้พอสมควร นอกจากเรียนในห้องเรียนแล้ว นักศึกษาทุกคนต้องออกฝึกงานตามสถานประกอบการณ์อย่างน้อง 1 ภาคเรียน เพราะแบบนี้พวกผมถึงไม่ต้องเรียนมากก็สามารถทำงานได้ พอเข้ามหาลัยหลักสูตรปี 1 ก็เริ่มจากพื้นฐานก่อนซึ่งพวกผมเคยผ่านมันมาแล้ว "แล้วกูต้องทำงานอะไร" "หึหึ กูไม่รู้" "ไอ้สัสเปอร์ มึงไม่รู้แล้วจะให้กูช่วยงานเชี่ยไรห้ะ" "กูต้องรอจากเบื้องบนสั่งมาก่อนเว้ย ซึ่งตอนนี้กูเองก็ยังไม่รู้ แฮะๆ " คนจากเบื้องบนก็คือแม่มันนั่นแหละครับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม