Chapter.6 สองเงาและเสียงกระเส่าในสวนNc+++
“นี่นายทำอะไรลงไปน่ะ” เสียงแหบห้าวจากอดัมตำหนิน้องชาย ดวงตาถลึงวาวเตือนกรายๆไม่ให้เขาเขวี้ยงชามซุปใส่เธอเหมือนที่เคยทำกับแม่บ้านสาวเมื่อปีก่อน
โลเรนโซ่ค่อยๆบรรจงวางชามลงชนิดเบามืออย่างยียวน
ใบหน้าของเขาโน้มตัวลงกระซิบบอกกับเธอ “อย่าสะเออะมายุ่งกับฉันอีก จำไว้”
แล้วเดินผิวปากจากไปอย่างอารมณ์ดี
เธอนั่งตัวสั่นเหมือนลูกไก่โดนน้ำ รู้สึกจุกในอก ลำคอตีบตัน
“นี่ โอเคมั้ย?”
อดัมรับเอาผ้าจากสาวใช้มาซับตามหัวไหล่และผมเผ้าที่เหนียวเหนอะให้วาโย
“แล้วโดนแผลรึเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอปาดน้ำซุปเหนือคิ้วเงยหน้าขึ้นยิ้มแฉ่ง แต่นัยน์ตารื้นแดงก่ำ มองหน้าอดัม แล้วเสียงครวญครางของโซฟียาที่มีอะไรกับน้องชายแทรกเข้ามา
“คุณเคยโดนน้องชายทำร้ายมั้ยคะ?”
“ประจำอยู่แล้ว” เขาตอบภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งคาดเดายาก
เหมือนเขารู้ แต่ ไม่รู้สิ..
“เดี๋ยวนะ นี่ เธอร้อนมั้ย” อดัมทักท้วงชวนเธอตกอกตกใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่อุ่นๆ”
“อุ่นบ้าสิ ตรงแก้มและคอเธอแดงมากผิวเธอจะพองได้นะ”
“ห๊า”
นั่นสิ .. เธอมัวแต่บอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่รู้สึกร้อนผ่าว
ว่าแล้วหญิงสาวก็วิ่งจ้ำอ้าวกระวนกระวายไร้สติเพราะกลัวเสียโฉม งานนี้มาดามอลิซเซ่ได้ด่าเธอกระเจิงแน่
ร่างบางหยุดยืนตรงน้ำพุขนาดใหญ่เด่นตระหง่านอยู่กลางบ้าน
เธอรีบเอาหัวจุ่มลงไปโดยไม่สนสี่สนแปด แม้ว่าอดัมที่เดินตามหลังจะคอยบอกว่าไม่ให้เธอวิ่ง
“อย่านะ อย่านะ ผิวฉันจะพุพองไม่ได้เด็ดขาด”
สองมือเล็กกวักน้ำเข้าใส่ตัวจนเปียกโชกไปหมด
“ก็ฉันบอกว่าห้าม วะ …วิ่ง..?”
อดัมหยุดยืนอ้าปากค้าง ตาจับจ้องอยู่ตรงเสื้อสีขาวเปียกแนบกับเนินหน้าอกอวบตูมแสดงให้เห็นว่าเธอซ่อนรูปแค่ไหน
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
เธอรีบยกมือปิดหน้าอก วิ่งเตลิดขึ้นไปยังห้องบนชั้นสอง
คนก่อเรื่องยืนดูดบุหรี่อยู่นอกระเบียงหลังห้องประจวบเหมาะที่วาโยวิ่งเข้ามาโดยไม่รู้ฟ้ารู้หมอก เธอถอดเสื้อผ้าและยกทรงออกเพื่อก้มมองดูแผล
แต่
“แค่กๆ”
โลเรนโซ่สำลักควันเมื่อเห็นสองเต้าขาวเด่นตระหง่านของเธอตรงนั้นกับยอดถันสีชมพูอ่อน
“ว้ายย”
วาโยตกใจวิ่งหายเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เธอยกมือขึ้นคลำอกที่สั่นรัวเมื่อหัวใจเธอเต้นแรงเกินปกติ แม้เธอจะถูกเขาลวนลามตั้งแต่วันแรก แต่ใช่ว่าจะกล้าเปลื้องผ้าให้เห็นขนาดนั้น
“โอ๊ย วันนี้มันเป็นวันบ้าอะไรกันนะเนี่ย”
เธอกลัวเหลือเกิน
ก๊อก ก๊อก
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อโลเรนโซเคาะประตูห้องน้ำ
“นี่ ฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว ถ้าอยากนอนหนาวตายในห้องน้ำต่อก็เชิญ”
ผ่านไปนานสักครู่จึงค่อยๆยื่นคอออกมา สายตามองซ้ายขวาปลอดโลเรนโซแล้วจึงโล่งอก
“เห้อ”
คืนนี้เธอจะรอดไหมนะ
ไม่รู้แหละ ต่อให้เธอจะอัปลักษณ์ในสายตาเขาแค่ไหน แต่ความกระสันของผู้ชายห้ามได้ที่ไหนกัน ถ้าตราบใดวันแรกที่เจอกันยังกล้ายัดไอ้นั่นเข้าปากเธอ
ว่าแล้วพวงแก้มก็เห่อร้อนขึ้น
ห้าทุ่มห้าสิบนาที เธอยังนอนไม่หลับ สองมือกระชับผ้าห่มไว้แน่น ดวงตากรอไปมาเตรียมระแวดระวังการจู่โจมของผีร้ายอย่างโลเรนโซ่
หวังว่าเขาจะค้างคืนที่อื่นไม่กลับมาด้วยสภาพเมามายแล้วรังแกเธอนะ เพราะขนาดตอนที่สติยังเต็มร้อยยังร้ายเกินรับไหว
“ฟู่ว”
ในที่สุด เธอก็ทนนอนบนเตียงไม่ได้ ไม่มีทางข่มตาหลับ
ร่างบางเดินย่องฝ่าความสลัวตรงโถงทางเดินทอดลงไปสู่บันไดชั้นล่าง
ยามดึกสงัดเสียงเดียวที่เด่นสุดคงไม่พ้นน้ำพุตรงสวนใจกลางบ้านของอดัม
เธอมุ่งหน้าตรงไปทางนั้นหวังให้บรรยากาศดีๆบรรเทาความเครียดที่มีอยู่ในหัวสักประเดี๋ยวดีขึ้นค่อยกลับขึ้นไปนอน
เพราะทุกครั้งที่เธอรู้สึกเศร้าหรือสิ้นหวังในชีวิต เธอจะนั่งมองผืนน้ำที่ไหนสักที่ แล้วเปรียบเทียบกับผืนน้ำเน่าเต็มไปด้วยขยะหมักหมมที่บ้านเล็กแคบมุงสังกะสีของเธอ ตอนเด็กๆเธอมักแอบไปนั่งกอดเข่าริมน้ำเน่าแทบทุกวัน พอโตขึ้น ก็ปลอบใจตัวเองเสมอ ว่า
“เอาวะ อย่างน้อยๆ ผืนน้ำที่เธอยืนมองมันก็ดีขึ้น ทำให้เธอสดชื่นกว่าแต่ก่อน”
และตอนนี้ รู้สึกว่าได้รับเอาความสดชื่นที่หรูหราขึ้นมาอีกหลายระดับ
แม้ไม่ใช่เจ้าของ แต่การได้อาศัยในคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงโรม บ้านของอภิมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจนประเมินค่าไม่ได้ ก็ถือว่าเก่งที่สุดแล้ว
“อาห์ …ซี้ดดด”
วาโยหยุดฝีเท้า เอียงคอตั้งใจฟังเสียงให้แน่ชัดอีกครั้ง
พั่บ พั่บ..
“ซี้ดดด”
เอาล่ะ เธอไม่ได้หูฝาด
เดาว่าคงเป็นโซฟียาและโลเรนโซ่คู่เดิมจอมวิตถารชอบแสวงหาความตื่นเต้นแน่ๆ
“อู้ววว เสียวครับ”
แต่…
เป็นเสียงผู้ชายที่ครวญคราง และร้องลั่นตามจังหวะการถูกกระแทก นั่นแปลว่าผู้ชายถูกกระทำ..!
“ซี้ดด คุณครับ ผมเสียว เสียวเหลือเกิน ใส่มาอีก ใส่เข้ามาอีกผมยินดีรับ อ่าส์”
และนั่นไม่ใช่เสียงของโลเรนโซ!!
เท้าเล็กถอยร่นกลับไป แต่ทว่า ความอยากรู้อยากเห็นทำให้อดใจไม่ไหว เปลี่ยนฝีเท้าให้ขยับก้าวไปข้างหน้า
ตั๊บ ตั๊บ…
เสียงการสอดใส่กระแทกกันอย่างหนัก ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเงาที่เห็นเป็นการร่วมรักระหว่าง ชายและชาย
“...”
ไม่มั่นใจ แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนๆหนึ่ง
และใครคนนั้นที่เธอมั่นใจกำลังเป็นฝ่ายรุก อัดกระเด้าเสียบรูบั้นท้ายชายร่างสูงที่กำลังถูกมือฝ่ายรุกกดใส่บ่อน้ำพุอย่างทุลักทุเลแต่ยังยกก้นขึ้นสู้แม้แทบจะยืนไม่อยู่
“อู้วว เสียวครับ ผมเสียวรู”
เธอยืนขาแข็ง ชาชืดไปทั้งตัวแม้เห็นเพียงเงายังเดาได้ว่าเป็นใคร
คุณอดัม!?
“หะ..
หมั่บ
เธอเกือบเผลอส่งเสียงอุทาน แต่ทว่ามีมือปริศนารีบปิดปากและลากเธอออกมาได้ทันก่อนถูกจับได้
เธอไม่ขัดขืนวิ่งไปตามแรงดึงของมือนุ่มๆและหอมกลิ่นโลชั่นบำรุงมือกลิ่นอ่อนๆของหญิงปริศนา เมื่อทั้งสองเข้ามาภายในห้องพักที่เปิดสว่าง เธอจึงรู้ว่าเป็น นาตาเลีย ลูกสาวคนกลางของมาดามอลิซเซ่ เธอเป็นผู้หญิงสวย มั่นใจ สูงร้องแปดสิบ ทรงผมหยักศกเลยบ่าเล็กน้อยแต่เธอมักจะรวบตึงไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เห็นกรอบหน้าคมสวยชัดเจน เธอเจาะจิวที่จมูกข้างหนึ่งและใบหูทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยต่างหูเล็กๆเรียงรายกันจนไม่มีพื้นที่ว่าง
เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเห็นเพียงผ่านๆตอนงานแต่งกำมะลอนั่น
“คะ คุณ มาที่ได้ได้ยังไงกันคะ?”
“เอ๊า ก็นี่บ้านพี่ชายฉัน ฉันจะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้ และนี่ก็ห้องนอนของฉันด้วย ฉันต่างหากล่ะที่ต้องถามเธอ อยากอยู่ที่นี่จนยอมเสี่ยงตายขนาดนั้นเลยไงจ๊ะ?”
“เอ่อ เปล่าค่ะ มันเหตุสุดวิสัย”
“เหอะ แล้วเป็นไงล่ะ เจออย่างนี้แล้วอยากอยู่ต่อไหม”
เธอยังตกใจไม่หาย แววตายังเหม่อไปถึงภาพติดตาเมื่อครู่
แหมะ
นาตาเลียวางมือบนบ่าหญิงสาวพลางปลอบ
“เธอน่ะหลงรักคนผิดแล้ววาโย”
“หือ?” วาโย อย่างนั้นเหรอ “คะ คุณเรียกฉันว่า..”
“ใช่ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่มาโอะ”
“ออ นั่นสินะคะ พี่น้องย่อมไม่มีความลับต่อกัน”
นาตาเลียรีบตอบทันควัน “ใครบอกกันล่ะ ฉันสืบเอง พี่น้องทั้งสามไม่มีใครไว้ใจกันขนาดนั้นหรอก”
นาตาเลียอธิบายพลางเหวี่ยงกระเป๋าเป้จากกลางห้องไปที่กลางเตียงนอนได้อย่างเหมาะเจาะ วาโยยืนมองหล่อนถอดสเว็ตเตอร์ตัวโคร่งผ่านศีรษะจนผมลอนใหญ่สยายเริงร่า ท่อนบนเหลือแต่เสื้อกล้ามอวดหน้าอกไร้บรา เห็นหัวนมทั้งสองชัดเจน วาโยสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองเหมือนพยายามให้เธอผ่อนคลายลดความเขินอายและท่าทีเกรงอกเกรงใจออกไปให้หมด
เจ้าของห้องร่างสวยต้นแขนขึ้นกล้ามนูนๆเล็กน้อยเข้ากันดีกับกางเกงยีนส์เข้ารูปที่สวม เธอรูดยางรัดผมคู่ใจจากข้อมือเพื่อรวบผมตึงก่อนดึงมือวาโยมานั่งโซฟานุ่มฟูนอกระเบียง
“รอนี่ เดี๋ยวฉันหาเครื่องดื่มมาให้”
“ขะ ขอบคุณค่ะ”
นาตาเลียเธอเป็นสาวมั่นอายุ35ปีที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง เก่งเรื่องปีนผาและพวกกีฬาเอ็กส์ตรีมแต่เธอก็รักสวยรักงามเช่นกัน
เธอมุ่งมั่นกับธุรกิจเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬาและเธอไม่ถูกคาดหวังให้ดูแลธุรกิจของตระกูลเพราะเธอดูอ่อนแอสุดในพี่น้องสามคนในสายตาพวกผู้ใหญ่
“แล้ว พี่ชายฉันไม่บอกหรือไงว่าหลังสี่ทุ่มห้ามออกเดินเพ่นพ่าน”
นาตาเลียเอ่ยถามพร้อมยื่นเบียร์ให้เธอหนึ่งกระป๋อง
“บอกค่ะ แต่ฉันลืม แฮ่” เธอเกาศีรษะแกร็ก
“เธอนี่น๊า”
“แล้ว ถ้ามีกฎทำไมคุณถึงเข้ามาได้ โลเรนโซ่อีก เห็นออกจากบ้านไป”วาโยถามด้วยน้ำเสียงไม่กล้าตั้งแง่ มือเล็กค่อยๆแงะเปิดกระป๋องคงหงุดหงิดลูกตานาตาเลียเธอจึงอาสายื่นมือดึงห่วงเปิดฝาอลูมิเนียมให้
ฟึ่บ
“มา ดื่มกัน”
กระป๋องแคนทั้งสองชนกันก่อนยกซดหนึ่งอึก
“เห้อ ก็เราต่างรู้ดีกันอยู่แล้วไง ก็นะ พี่ชายฉันประมาณว่า ชอบผู้ชายก็ใช่ เกลียดผู้หญิงเลยก็ไม่เชิง ..เราต่างเคารพรสนิยมกันและกันจึงพยายามไม่เดินไปบริเวณนั้นก็สิ้นเรื่อง”
วาโยหัวขวับไปมองหน้า เธอนึกว่าคำถามเมื่อครู่ถูกปัดทิ้งไปแล้ว
“แต่คืนนี้เผอิญฉันเห็นเงาเธอเลยแอบตามมาดูว่าเธอจะทำอะไรน่ะ ขอบอกเลยว่าถ้าถูกจับได้เธอตายแน่ แล้วอย่าเผลอพูดไปล่ะว่าเจออะไร”
นาตาเลียยื่นหน้าเข้าใกล้เธอพร้อมเอ่ยกำชับเสียงกระซิบ
“ละ แล้ว ฉันจะกลับห้องได้ยังไงคะ”
“หือ นี่เธอร้องไห้เหรอ ร้องไห้ทำไม เห้อ ไม่เป็นไรน่า คืนนี้นอนห้องนี้กับฉันสาวน้อย” นาตาเลียบรรจงปาดน้ำตาให้
“เห้อ อกหักเลยสินะ”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันแค่ตกใจนิดหน่อย”
วันนี้ทั้งวันเธอเจอเหตุการณ์มากมายแต่ยังพยายามตั้งรับมันได้ตลอด ความรู้สึกที่มีต่ออดัมคือเห็นใจที่เขาถูกภรรยาสวมเขาโดยน้องชายตัวเอง แต่แล้วทุกอย่างที่เห็นเมื่อครู่กำลังทำให้สมองเธอเริ่มฉุกคิดปะติดปะต่อถึงเหตุ และผล
ก็นะ ต่อให้พี่ชายจะไม่ชอบผู้หญิงโลเรนโซ่ก็ไม่ควรไปยุ่งกับเมียพี่ชายอยู่ดี
“ทีนี้เข้าใจยังว่าทำไมโซฟียาถึงไม่ท้องสักที”
“แต่ถึงยังไงน้องชายก็ไม่ควรไปยุ่งกับพี่สะใภ้นะคะ อุ๊ย” เธอเผลอหลุดปากจนได้!! บ้าจัง วาโย
“เฮ้ เรื่องนั้นฉันก็รู้ แต่เธอนี่สิ เพิ่งมาอยู่ไม่ทันไรก็รู้หมดแล้ว แม่สาวน้อยอันตราย” นาตาเลียว่าพลางขยับไหล่มาชนไหล่เธอเบาๆ
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องคิดมาก” เธอยักไหล่ “โลเรนโซ่น่ะจอมจัญไรของแท้ หัวแข็ง มุทะลุถึงขั้นบ้าดีเดือด มีความสุขที่ได้ทำลายความรู้สึกคนอื่น
ส่วนพี่ชายก็เก่งเรื่องน้ำอดน้ำทน ทำทุกอย่างเพื่อตระกูลอัลเบอโต เป็นการเป็นงานกว่าโลเรนโซ่สายเลือดแท้ๆอีก แต่ได้รับแค่คำตำหนิและสายตาที่ไม่ถูกยอมรับ นี่แหละ ครอบครัวแปลกแห่งศตวรรษ ยังมีเรื่องแปลกๆอีกเยอะที่เธอยังไม่รู้” วาโยนั่งฟังตาปริบ ยังค้างเติ่งกับคำว่า อดัม ไม่ถูกยอมรับ?
นึกถึงตอนมาดามอลิซเซ่ตบหน้าลูกชายและตำหนิแล้วก็อ๋อ ได้ทันที
ถึงว่าล่ะ ไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่เอง
“ฉันสงสัยจัง ทำไมเธอถึงได้กล้ามากับมาดามผีดิบอย่างแม่ฉันได้”
“ความยากจนไงคะ ที่บ้านฉันยากจนมาก มากเสียจนคุณนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ แล้วพอได้รับโอกาสที่ต้องได้จับเงินจำนวนมหาศาลฉันจะรออะไรล่ะ” เธอยิ้มแห้ง
“เธอมาจากครอบครัวยากจนขาดแคลนการศึกษา แต่ทำไมถึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีจัง”
“ความจนทำให้ฉันต้องพยายามกว่าคนอื่นหลายเท่า ฉันเริ่มฝึกจริงๆจังๆตอนม.ปลายพอออกมาเรียนมหาลัยเช่าหอพักอยู่คนเดียวว่างๆก็จะพยายามคุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ดูหนัง ฟังข่าวก็ภาษาอังกฤษล้วนๆ ใครๆก็บอกว่าฉันหัวไวและฉลาดได้พ่อค่ะ” เธอยิ้มอย่างภูมิใจในตัวเอง
“แต่เธอก็แปลกแฮะ แทนที่จะชอบโลเรนโซ่กลับชอบอดัมแทน”
“อ๋อ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ อันที่จริง ความตั้งใจแรกของฉันคือการรับจ้างเป็นเมียโลเรนเซ่ด้วยความเต็มใจ
ย้ำนะคะว่าฉันน่ะเต็มใจพลีกายให้โลเรนโซ่ตั้งแต่เห็นภาพเค้าครั้งแรกแล้ว ความหล่อของเค้าน่ะทำให้อารมณ์ซึมเศร้าฉันหายเป็นปลิดทิ้งเชียว
นี่ล่ะสาเหตุอีกอย่างนึงนอกจากเรื่องเงิน” เธอเอ่ยออกมาโต้งๆโดยไม่มีการเขินอาย แต่คนฟังอย่างนาตาเลียแทบจะสำลักเบียร์ออกมาทางจมูก
เมื่อดวงตาสีเทาปรายหางตามองผู้มาใหม่เป็นอันสำลักเข้าจริงๆ
แค่ก แค่ก
“เป็นอะไรมากมั้ยคะ” วาโยรีบเข้าไปลูบหลังและอกด้วยความเป็นห่วง
แต่แล้วมืออีกข้างของเธอกลับถูกมือหนาของโลเรนโซ่คว้าหมั่บไว้แน่นก่อนลากให้เดินตามเขาจนหัวคะมำ
“มานี่”
“ว้ายย นี่ปล่อยฉันนะจะพาฉันไปไหน”
“ก็กลับห้องเธอไง”
“นี่ ค่อยๆคุยกันสิ ฉันเป็นคนพาเธอมาเอง” นาตาเลียเข้ามาช่วยขวางอีกแรง
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม่นี่ไม่ควรออกมาเดินเพ่นพ่านในเวลาแบบนี้” เขาบอกกับพี่สาวก่อนหันกลับมาจ้องเธอเขม็ง “จะเดินตามฉันมาดีๆหรือให้ลาก?”
“ตะ แต่ ฉันว่า ฉันอยากนอนห้องนี้กับคุณนาตาเลี…
ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยความประสงค์ได้จบประโยค โลเรนโซ่กระชากเธอลอยวืดไปตามแรงดึงของเขา