Chapter.5 เริงสวาทในห้องพักฟื้นNc20++
กว่าหนึ่งเดือนที่เธอนอนพักรักษาตัวอยู่บนเตียงภายในบ้านของอดัม
เธอคิดว่าชีวิตอันไร้ค่านี้จะสิ้นสุดตั้งแต่โดนมีดจ้วงแทงบนตัว!
แต่เดชะบุญที่เธอยังไม่ตายไปเสียก่อน เพราะมีดแทงทะลุซี่โครงซ้าย และโชคดีอีกที่ไม่โดนปอด
‘เป็นไงล่ะ อยากอาศัยอยู่ที่นี่นัก สมใจอยากนักไหมล่ะนังวาโย’
เธอก่นด่าตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
แม้จะนอนแน่นิ่งเป็นผักแต่หูของเธอได้ยินแทบทุกอย่าง เหมือนฝัน แต่แน่นอนว่าคงไม่ใช่ความฝัน
เสียงของมาดามอลิซเซ่ที่เอ็ดตะโรให้กับการเจ็บป่วยของเธอว่ากำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยาก
เสียงของอดัมที่เอาแต่ขอบคุณเธอทุกครั้ง
เธอได้ยินทุกอย่าง แม้กระทั่งเสียง…
“ซี้ดดด”
เสียงครางกระเส่าอันน่าอุบาทว์ของโซฟียากับไอ้บ้าโลเรนโซ่ที่กำลังโจ๋งครึ้มกันในห้องพักฟื้นของเธอจนเตียงสั่นสะเทือน
ตั๊บ ตั่บ…
เสียงโหนกหน่อเนื้ออัดกระเด้าใส่บั้นท้ายใหญ่สะบึมกระเพื่อมรุนแรง
“อู้วว แน่นทุกดอกเลยค่ะ ซี้ดด เข้ามา เข้ามาอีก อ๊าๆๆ จุก ทั้งจุกทั้งแน่น ซี้ดด”
ทั้งสองฉวยโอกาสว่ามาเยี่ยมดูอาการของเธอ แต่ความจริงแล้วกลับใช้ห้องที่เธอนอนป่วยเป็นสถานที่เริงรัก
กระจ่างชัดแล้วว่าทั้งสองไม่ได้แค่มีใจให้กัน แต่ดันมีอะไรกันจนถึงไหนต่อไหนแล้ว น่าสงสารอดัมจริงๆ
“อู้ว ใกล้แล้วใช่มั้ยคะ ตะแตกใน..ฉันเลยค่ะ อุ๊วว อู้ววว ซู้ดดด”
โลเรนโซ่เร่งกระหน่ำจังหวะ มือหนึ่งรวบผมยาวไว้แน่น อีกมือฟาดก้นสลับข้างไปมาจนเป็นรอยแดง
ส่วนจังหวะกระแทกกระทั้นนั้นรุนแรงและรวดเร็วราวกับมีเสียงคนปรบมือให้กับเธอที่นอนป่วยเป็นผักโง่ๆอยู่
พั่บ พั่บ พั่บ
หากแต่เสียงคล้ายปรบมือที่ว่านี้ มันมีเสียงโหยหวนของโซฟียาที่ครางราวกับสุนัขโดนเชือด ช่างดุเดือดเผ็ดมันเหมือนรบราฆ่าฟันกันมากกว่าร่วมรัก เหมือนเจ็บแต่คงไม่เจ็บ เพราะหล่อนร่ำร้องบอกว่ารักโลเรนโซ่เหลือเกิน บางทีเธอเองก็ยังคอยลุ้นแทนโซฟียา หวังว่าฝ่ายชายที่ครางต่ำจะหลุดครางบอกว่ารักตอบบ้าง แต่ไม่มีเลยสักครั้ง
เธอเฝ้ารอลุ้นไปกับสองคนนั่นให้รีบๆเอากันให้เสร็จเถอะ เธอจะนอน
แต่ทว่า
“อูยยย ที่รักขา แทงเข้ามาด้านหลังสิ อื้มม แทงเข้ามา เย..ให้แตกคาตูดใหญ่ๆนี่เลยค่ะ ซี้ดดด”
“--!”
ให้ตายเถอะ
เธอเบื่อจะนอนฟังเสียงทุเรศแบบนี้อีกแล้ว
ฮึ่บ..!
ร่างบางออกแรงเฮือกใหญ่ในการพยายามดีดดิ้นขยับร่างกาย
แต่เหมือนว่ามีเพียงนิ้วที่ขยับให้สองคนนั่นเห็น
“อ๊ะ!”
โซฟียาที่อยู่ในท่าโก้งโค้งมือขยุ้มปลายเตียง สายตาจับจ้องมองนิ้วของวาโยให้แน่ใจ ในขณะที่บั้นท้ายรับการกระแทกจนหัวสั่นหัวคลอน
ตั่บ ตั่บ
“อู้วว ดะ เดี๋ยวค่ะ มีบางอย่างเคลื่อนไหว อ๊ะ อย่าค่ะ หยุดก่อน”
“อะไรวะ!”
โลเรนโซ่สบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ไม่มีทางหยุด เขาเร่งอัดใส่จนเตียงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ตอนนี้ วาโยเองก็ชักทนไม่ไหวเช่นกัน
ใบหน้าเรียวซีดเผือดมีเครื่องอ๊อกซิเจนครอบอยู่กำลังส่ายหน้าไปมา
“มะ มันฟื้นแล้วค่ะ ซี้ดดด เร็วๆค่ะ ระ ..รีบแตก”
โซฟียาเอามือปิดปากกลั้นเสียงครางเอาไว้
เจ้าของท่อนเอ็นใหญ่อัดกระทุ้งเข้าลึกสุดทว่าดวงตาคมเข้มจดจ้องมองหญิงสาวบนเตียง ในใจเผลอจินตนาการว่ากำลังสอดแทรกตัวตนเข้าไปภายในร่องของหญิงสาว
“อ่าส์..”
เสียงแหบต่ำหลุดครางออกมา วาโยได้ยินแล้วขนลุกวาบ น้ำกามสีขาวขุ่นพ่นใส่เต็มร่องก้นสะบึมที่ส่ายไปมายั่วยวน
เปรี๊ยะ
“อุ๊ยย”
มือใหญ่ฟาดก้นโซฟียาเต็มแรง
“รีบย้ายตูดเธอออกไปเร็ว!”
ว่าแล้วร่างใหญ่ก็เดินโทงเทงหายเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนโซฟียานั้นรีบดึงแพนตี้สีแดงที่อยู่ตรงข้อเท้าขึ้นมาสวม จัดแจงกระโปรงยาวทรงสอบให้เรียบร้อยก่อนเดินขาถ่างออกไป
ดวงตากลมสวยมองตามโซฟียาจนกระทั่งประตูปิดลง
หมั่บ
แล้วโลเรนโซ่ก็ยื่นสิ่งของบางอย่างเป็นของขวัญต้อนรับการฟื้นของเธอ
นั่นคือกระบอกปืน!
ใบหน้าคมเข้มโน้มลงใกล้พวงแก้มซีดเผือดไม่ถึงคืบ เสียงแหบต่ำกระซิบพร้อมลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหู
“ถ้าปากสว่างล่ะก็ เธอตายจริงแน่”
วาโยนิ่งทื่อ แทบไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่มีบางอย่างที่เคลื่อนไหว นั่นคือหยดน้ำตา
ลิ้นสากลากเลียติ่งหูให้สัมผัสหวามสั่น ก่อนเก็บปืน
โลเรนโซ่จ้องมองสีหน้าตอบสนองของเธอแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมแหกปากร้องลั่น
“เธอฟื้นแล้ว เฮ้.. หมอ หมออยู่ไหนโว้ยเธอฟื้นแล้ว”
..........................................
อดัม ผู้เป็นเจ้าของบ้านยืนกอดอก รับฟังผลตรวจร่างกายของเธอจากคุณหมอซึ่งเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากฟื้นได้หนึ่งสัปดาห์ เธอสามารถเดินเหินปกติ แต่อาจงดการวิ่งสักหน่อยเพราะกลัวกระทบแผล
เธอกวาดสายตามองรอบๆห้องขาวสะอาดเมื่อวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ที่นี่ ในใจขอบคุณเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยสามารถยื้อชีวิตเธอไม่ให้สิ้นสุดลงในวัย22ปี หากเธอถูกแทงที่บ้านเกิด เหตุการณ์คงเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามทั้งหมด
เมื่อคุณหมอและพยาบาลออกไปแล้ว อดัมเพ่งจ้องสีหน้าเธอนานสักพัก ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมจนคนถูกมองชักวางตัวไม่ถูก
“แม่ฉันเค้าก็เห็นด้วยที่จะให้เธออยู่ที่บ้านฉันต่อ”
“ออ ค่ะ” คำสั่งของมาดามอลิซเซ่ถือว่าเป็นคำประกาศิตห้ามมีข้อโต้แย้ง
“และฉัน ก็อยากให้เธออยู่ด้วยเหมือนกัน”
มุมปากบางลอบยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
พอมาถึงห้องโถงกว้างใหญ่ อดัมหยุดยืนตรงหน้าบอดี้การ์ดชายผมทองทรงเรียบแปล้ใบหน้าของเขาขาวจนมองเห็นกระเล็กๆบนสองโหนกแก้ม แววตาของเขาดูสดใสเป็นประกายอายุคงไล่เลี่ยกันกับเธอ
“นี่ 705 บอดี้การ์ดฉัน”
คิ้วโก่งขมวดขึ้นอย่างสงสัย ทำไมชื่อถึงได้แปลกนัก
อดัมอธิบายเสียงเรียบขณะเดินนำ
“บอดี้การ์ดของที่นี่ทุกคนจะถูกเรียกรหัสเป็นตัวเลขแทนชื่อน่ะ”
“ออ เข้าใจแล้วค่ะ”
ร่างบางในชุดลำลองสีขาวตัวโคร่งเดินดุกดิกตามร่างใหญ่กำยำในชุดสูทซึ่งเดินนำหน้าพาเธอขึ้นไปยังชั้นสอง
“ห้องของเธออยู่ตรงนั้น” มือใหญ่ผายไปตรงฝั่งซ้ายซึ่งมีบอดี้การ์ดชายผิวสีผมหยักโศกหน้าบึ้งตึงยืนเฝ้าอยู่
“เข้าไปสิ ไม่ต้องกลัว นั่นคือ 736 ลูกน้องคนสนิทของโลเรนโซ่”
“ค่ะ”
มือเล็กผลักเปิดประตูบานสูงใหญ่เข้าไป เห็นคนข้างในกำลังนอนเอกเขนกขายาวคู่นั้นสวมกางเกงยีนส์ยกวางพาดพนักโซฟา ส่วนท่อนบนปล่อยเปลือยไม่สวมเสื้อ เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นรอยสักของเขา
ปึง!
วาโยตกใจราวกับเห็นผี รีบปิดประตูลงดังปึง!
หมุนตัวกลับหันหลังให้ประตูเตรียมจะวิ่งหนี แต่อดัมยืนขวางอยู่ตรงหน้า
“โลเรนโซ่ น้องชายฉันก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย ในฐานะที่เขา เป็นสามีเธอ” อดัมเน้นย้ำคำสุดท้าย
สีหน้าตื่นกลัวของเธอแบ่งรับแบ่งสู้ “คะ.. คนละห้องได้มั้ยคะ?”
“ตั้งแต่มีเหตุการณ์หนอนบ่อนไส้รหัส884ที่จะฆ่าฉันก็ไม่มีอะไรให้น่าไว้ใจสักอย่าง ฉะนั้น ต้องแสดงให้เนียนหน่อย ไม่มีสามีภรรยาที่แต่งงานใหม่แยกห้องนอนกันอยู่หรอก”
เธอทำหน้าจ๋อยสนิท
“ข้าวของเครื่องใช้สำหรับเธอถูกเตรียมไว้ข้างในนั้นหมดแล้ว สั่งอาหารได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ เดินเหินไปได้รอบบ้าน หากไปในที่ไม่เหมาะไม่ควรบอดี้การ์ดบริเวณนั้นจะบอกเธอเอง คนที่นี่ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้แม่บ้านเขาจะไม่เอ่ยปากตอบคำถามจากเธอง่ายๆ อย่าเสียเวลาไปชวนคุย ทุกคืนหลังสี่ทุ่มต้องอยู่แต่ในห้องห้ามลงมาเดินเล่นสุ่มสี่สุ่มห้า เข้าใจใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ดี งั้นเธอก็รีบไปล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทานมื้อเช้ากับฉันและโซฟียา ออ อย่าลืมปลุกโลเรนโซ่ลงมาด้วยล่ะ”
ร่างกำยำเดินจากไปแล้ว ปล่อยให้เธอต้องยืนรวบรวมความกล้าที่จะต่อสู้กับคนที่ดุยิ่งกว่าผี
เธอเดินวนไปมา มือเล็กเอื้อมจะแตะท่อนแขนล่ำ
ขวั่บ
แต่เขาคว้าข้อมือเล็กไว้ทันและบีบมันอย่างแรง
“โอ๊ย”
เสียงร้องอันเจ็บปวดทำให้นึกถึงตอนที่เธอโดนแทงอย่างเจ็บปวด มือหนาจึงรีบคลายออก
“มีอะไร?!”
“..เอ่อ คุณอดัมบอกให้ฉันชวนคุณลงไปทานมื้อเช้าด้วยกันน่ะค่ะ”
เธอฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรพยายามทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ แต่หัวใจอีกคนกลับเต้นรัวสั่นรีบเบือนหน้าออกไม่อยากมองรอยยิ้มเธอนาน
“คิดว่ายิ้มแล้วสวยหรือไง ยัยอัปลักษณ์ รำคาญลูกตา ไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันตามไป”
ร่างใหญ่ลุกพรวดเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้เธอยิ้มค้าง คลำหน้าไปมาพร้อมกับความสงสัย
“ฉันไม่สวยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
วาโยลอบกลืนน้ำลายให้กับเมนูพาสต้าซอสเห็ดทรัฟเฟิล เธอมองทุกคนที่เริ่มรับประทานแล้วจึงกล้าหยิบส้อมขึ้นมาเตรียมสวาปาม
“นี่ทำอะไรของเธอ” โซฟียาทำหน้าแหยเมื่อเห็นเธอใช้ส้อมตัดเส้นพาสต้าให้เป็นเส้นเล็กๆบนจานก่อนตักเข้าปาก
มือหนาของอดัมวางที่ตักภรรยาไม่ให้ถือสา
“มาโอะ ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคงไม่ถนัดเมนูอิตาเลียนเท่าไหร่นัก?” โซฟียาเหน็บต่อ
เธอเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มแฉ่ง “ค่ะ ปกติฉันชอบพิซซ่าเสียมากกว่า ยิ่งหน้าฮาวายเอี้ยนฉันยิ่งชอบมาก”
พอเธอพูดจบ ทุกคนก็เงียบกริบเหมือนว่าเธอพูดอะไรผิดไป จนหญิงสาวตัวเล็กลีบลง
แต่ในฐานะที่เธอเป็นคนช่วยชีวิต อดัมจึงแก้ต่างให้
“ออ ที่นี่ไม่นิยมฮาวายเอี้ยนน่ะ”
โซฟียาทำหน้าคลื่นไส้เธอ ไม่อยากจะเสนวนาต่อจึงจิบชาให้โล่งคอ กรอกตามองบนพยายามไม่แยแสรสนิยมแย่ๆของมาโอะ
“อิ่มแล้วค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”
ร่างอวบลุกจากโต๊ะรับประทานอาหาร เดินเชิดหน้าออกไปพร้อมกับบรรดาบอดี้การ์ดที่คอยยื่นแว่นกันแดดและสเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดที่มือเธอโดยไม่ต้องทำอะไรเองเลย
วาโยมองกลับมายังโต๊ะอาหารสถานการณ์อึมครึมที่เธอประสบอยู่ เธอชักกินไม่ลงแล้วสิ จะลุกหนีไปก่อนก็กลัวเสียมารยาทจึงยกชามซุปราวิโอลีให้กับโลเรนโซ่ผู้เป็นสามี
“ทานซุปนี่สิคะ”
โลเรนโซ่ตวัดดวงตาขุ่นเคืองใส่หญิงสาว เขาเอื้อมมือหยิบชามซุปยกขึ้นมา
แล้วจากนั้น บนศีรษะเธอถูกราดด้วยน้ำซุปไหลเอื่อยช้าๆลงมาตามกรอบหน้า บ่า จนไหลลงลำตัว