Chapter.8 Lesbian girl .
วาโยสังเกตพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปของโลเรนโซ่ตั้งแต่บนโต๊ะรับประทานอาหารเช้า เธอผู้ไม่ชอบปล่อยวางความสงสัยจึงคอยเดินตามและแกล้งทำทีท่าว่าบังเอิญเจอกันในสวนด้านนอกคฤหาสน์
“บังเอิญจังนะคะ คุณก็ออกมารับลมบ่มแดดเหมือนกันสินะ”
ร่างบางยืนบิดตัวม้วนใกล้ๆเก้าอี้ที่เขากำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่
“ถ้าบอกเหตุผลที่เดินตามฉันมาถึงนี่ไม่ได้ฉันยิงทิ้งแน่!” มาเฟียหนุ่มเปล่งเสียงตอบกลับงึมงำเพราะริมฝีปากกำลังคาบบุหรี่มืออีกข้างกำลังหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุด
“เอ่อ..ฉันอยากจะขอบคุณเรื่องเมื่อคืนค่ะ”
“เรื่อง?!”
เธอยังคงยิ้ม เพิกเฉยต่อสีหน้าที่ดุดันของเขา “เรื่องที่คุณโทรเรียกหมอเมื่อคืน ..ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงฉัน”
“สงสาร ไม่ใช่เป็นห่วง” เขาเอ่ยเสียงห้วนจัด
“โธ่ ไม่เอาน่า แค่พูดตรงๆตามความรู้สึกข้างในก็ได้มั้ง ดูอย่างฉันสิคะ ดีใจก็ยิ้ม ชอบก็บอกว่าชอบ”
“มาทางไหนไปทางนั้น อย่ามากวนประสาทฉัน”
วาโยถือวิสาสะขยับเข้าไปใกล้ ใบหน้าโน้มลงต่ำหวังให้ดวงตาคมเข้มคู่นั้นสบตามองกัน
แต่เขาเบือนหน้าไปอีกทางพลางพ่นควันบุหรี่ออก
“นั่นไง คุณหลบสายตา หวั่นไหวก็บอกมาเถอะน่า”
เขายิ้มอย่างยอมจำนน ทิ้งบุหรี่ลงพื้น ใช้เท้าขยี้มันจนมอด ก่อนหันมาขยี้คนต่อ
โลเรนโซ่ใช้เท้าเตะข้อพับเธอจนเสียหลัก
ตุ๊บ!
“โอ๊ย”
จากนั้นมือใหญ่ดันร่างบางลงเอนราบกับโต๊ะ สองเท้าเล็กห้อยโตงเตงเหนือพื้นหญ้า
“ฉะ ฉันว่า ยืนคุยสะดวกกว่า”
แต่ท่อนแขนล่ำดันหัวไหล่ไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงใกล้ๆและขาข้างหนึ่งของเขากำลังขยับเข้ามากลางหว่างขาของเธอ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ.. เธอหายใจติดขัดกับการกระทำที่ไม่แยแสสถานที่ยังคงเส้นคงวาของโลเรนโซ่ กลิ่นบุหรี่จางๆและกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ช่างเป็นการผสมผสานกันที่ลงตัวระหว่างสวรรค์และนรก ..ในคนๆเดียว และใกล้แค่เอื้อม
“ฉันไม่อยากจ้องนานเพราะอะไรรู้มั้ย”
ดวงตากลมสวยจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเทาเข้มคู่นั้น
“...เพราะว่า ฉันมองเธอทีไรแล้วรู้สึกเหมือนกำลังยืนมองหมาจรจัดผอมๆตัวนึงกำลังเริงร่าอยู่ในกรงขัง หมาตัวนั้นยังแกว่งหางเบิกบานดีใจที่ได้กินของอร่อย
มันน่าเวทนาจนไม่กล้ามอง มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนให้ของอร่อยจะใส่ยาพิษลงไปวันไหน?
ฉันเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้น่ะ”
เธออึ้ง
“เฮ้! ทางนั้นน่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”
เสียงของนาตาเลียดังขึ้นแทรก เธอเป็นห่วงวาโย และรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ซีนหวานของทั้งคู่
ร่างสูงใหญ่ก้าวถอยออกจากเธอที่ค่อยๆดันข้อศอกขึ้นด้วยความทุลักทุเล นาตาเลียจึงรีบยื่นมือเข้าช่วย
“นี่ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่าค่ะ” วาโยยังคงยิ้มและส่ายหน้า
แว้บหนึ่งเห็นภาพมาดามอลิซเซ่ผู้ป้อนอาหารให้หมาจรจัดอย่างเธอ
“ไม่เอาน่า ฉันรู้หรอกว่าน้องชายฉันเป็นคนยังไง ไม่ไหวก็บอก”
“ไหวค่ะ” เธอรีบตอบด้วยรอยยิ้ม “อย่างน้อยๆเค้าก็ไม่คิดจะจุดไฟเผาฉันเหมือนวันแรกที่ได้เจอกัน และเมื่อเช้าก็ไม่ได้เอาซุปราดหัวฉันด้วย”
“เห้อ เธอนี่มันแกร่งจริงๆ” นาตาเลียยืนกอดอกชื่นชมหญิงตัวเล็กแต่หัวใจเธอช่างแข็งแกร่งเกินตัว
“แต่รู้มั้ย? นั่นไม่ได้การันตีว่าเค้าจะดีกับเธอขึ้นเรื่อยๆนะ นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย”
ดวงตากลมสวยรีบลดลงมองต่ำเมื่อไม่ต้องการให้รู้ว่าเธอเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วย
“มานี่ ฉันจะพาไปทำอะไรสนุกๆ”
“คะ”
นาตาเลียจับมือนำพาหญิงสาวร่างบางขึ้นรถซูเปอร์คาร์สีแดงคันหรูขับพาวาโยออกไปเปิดหูเปิดตานอกคฤหาสน์
“โห ..” หญิงสาวเบิกตาโตมองประตูบานใหญ่ทึบที่กำลังเลื่อนเปิดอัตโนมัตินำพาเธอออกสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก
“จะพาฉันไปไหนคะ”
“พาไปผ่อนคลาย” เจ้าของรถคันสีแดงฉูดฉาดเปิดประทุนรถออก
“ว้าว” วาโยเบิกตาโตยิ้มกว้างออกรับสายลมที่ปะทะใบหน้า
“นี่ รวบผมให้ฉันที” นาตาเลียยกข้อมือขวาของเธอที่มียางรัดผมอยู่
“ออ ได้ค่ะ”
วาโยค่อยๆรวบให้เธอระหว่างขับรถอย่างเบามือ
สองสาวกำลังสนุกกับเพลงจังหวะสนุกที่เปิดตลอดเส้นทางลงเขา
อีกฝั่งเป็นผาสูงชัน ตาลาเลียยังเล่าถึงเรื่องราวในอดีตที่สามพี่น้องเคยทำกิจกรรมร่วมกันที่นี่
“ตอนเด็กๆพวกเรามักจะชวนกันมาปีนเขา สนุกสุดๆเลยล่ะ”
คนฟังได้แต่ยิ้มแหยๆ
..สนุกงั้นเหรอ น่ากลัวสิไม่ว่า
ลัมโบร์กินีสีแดงสดอันคุ้นตาจอดหน้าสปาหรูมีพนักงานต้อนรับยืนรอไว้ล่วงหน้า
“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่น่ะ” เธอกระซิบบอกวาโยให้หายข้องใจเมื่อพนักงานดูเกรงขามนาตาเลีย
“ออ ค่ะ”
“รับรองว่าฉันจะเนรมิตให้เธอสวยสะบัดเป็นคนละคนเลยล่ะ” เธอขยิบหางตาก่อนนำพาหญิงสาวไปยังห้องนวดและขัดตัว
สองสาวอยู่ในชุดผ้าขนหนูสีขาวเพียงผืนเดียวกำลังนอนพังพาบโดยมีพนักงานนวดน้ำมันอโรมาให้
“ไง ดีไหม?”
“ดีมากๆเลยล่ะค่ะ”
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอผ่อนคลาย”
“ขอบคุณค่ะ” วาโยเคลิ้มปริ่มจะหลับ
แต่ทว่าเมื่อได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดครอบครัวของมาดามอลิซเซ่ผู้จ้างวานแล้วเธอจึงอยากเอ่ยถามบางอย่างให้หายสงสัย
“คุณนาตาเลียคะ ฉันอยากรู้มากจริงๆ ว่าทำไมมาดามท่านถึงได้ตามหาคนอย่างฉันเจอได้”
นาตาเลียผงกศีรษะส่งสัญญาณให้พนักงานทั้งสองระวางมือและออกจากห้องไป แล้วเธอจึงเดินลงมา
วาโยลุกพรวดขึ้นนั่งเตรียมจะเอ่ยขอโทษ แต่ทว่าอีกคนกำลังยิ้มอ่อนพลางถือถ้วยที่มีเนื้อครีมสีขาวมาพอกบนแผ่นหลังให้วาโยอย่างอ่อนโยน
“แม่ฉันน่ะเป็นแม่มด ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนก็สามารถหาคนที่หน้าเหมือนมาโอะเจอเสมอ อย่างเช่นเธอไงล่ะ”
“หือ?”
นาตาเลียขำพรืดออกมา “นี่เธอเชื่อจริงเหรอ?”
“นั่นสินะคะ” เธอหัวเราะร่าออกมาอย่างเบิกบาน
“สิ่งที่เธอสงสัยมันก็เกี่ยวโยงกับตระกูลฟุกิฮาระที่เธอแสร้งปลอมตัวเป็นทายาทนั่นแหละ”
นาตาเลียเริ่มเกริ่นสิ่งที่วาโยสงสัยขณะทั้งสองกำลังแช่ตัวในบ่อน้ำร้อน รอบทิศมีวิวเทือกเขาโดโลไมท์ให้ชื่นชมสบายตา
ครานี้วาโยหันขวับไปมองนาตาเลียอย่างใคร่รู้
“ครอบครัวของเราทำธุรกิจสีเทามากมายอันนี้เธอพอจะรู้แล้วใช่ไหมล่ะ?” เมื่อวาโยพยักหน้าเธอจึงพูดต่อ
“พวกเราเกือบมีพร้อมหมด ทั้งอำนาจ เงินทอง และอิทธิพลที่แผ่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า แต่สิ่งเดียวที่พวกเราขาดก็คือชิ้นส่วนสำคัญทางเทคโนโลยี ตระกูลฟุกิฮาราะก่อตังบริษัทซอฟแวร์ขนาดใหญ่และยังมีบทบาทเงียบๆต่อการประดิษฐ์และสืบค้นข้อมูลได้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย นั่นก็เท่ากับว่า ‘ฟุกิฮาระ’คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ ‘แอลเบอโต’ ต้องการ เราจึงพยายามทำทุกอย่างให้ได้เกี่ยวดองกัน”
“ละ แล้ว ตอนนี้คุณหนูมาโอะตัวจริงอยู่ไหนคะ?”
“นอนป่วยเป็นผักอยู่น่ะสิ พวกเราไม่อยากให้ทางนั้นรู้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ บริษัทชั้นใต้ดินที่วิจัยงานทางการแพทย์และอุปกรณ์ทำลายล้างสูงคงได้รื้อถอนจนหมด เพราะหัวใจสำคัญจะถูกถอดถอนออก”
“….เธอคงสงสัยสินะว่าใครเป็นคนทำ”
วาโยกระพริบตาปริบ เธอไม่กล้าเอ่ยถามอยู่แล้ว
“นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้” นาตาเลียยักไหล่พร้อมทำหน้าเศร้า “แต่ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นฝีมือของน้องชายฉัน”
“ละ โลเรนโซ่ ทำหรือคะ” เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ..เขาไม่อยากแต่งจนถึงขนาดทำร้ายผู้หญิงได้ลงคอเลยหรือ?
“ใช่ เจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธ นั่นเลยทำให้พวกเราเก็บข่าวไว้เงียบและรักษาอาการป่วยของมาโอะอย่างเงียบๆ”
วาโยอยากเขกหัวตัวเองนักที่กล้าไปเร้าหรือเขา กลัวว่าตัวเธอเองจะเป็นอีกรายที่ต้องนอนเป็นผัก แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครจะรักษาตัวปลอมอยู่แล้ว
เธอก็คงตาย..
ระหว่างกำลังนั่งรถกลับ หญิงสาวมองข้างทางที่เป็นหุบเหวลึกอย่างเหม่อลอย เธอนึกถึงคำนั้น
คำที่โลเรนโซ่บอก
..หมาจรจัด
“นี่ ฉันอุตส่าพาแปลงโฉมซะจนสวยสะบัดขนาดนี้ห้ามนั่งทำหน้าซึมเศร้าเด็ดขาดนะยะ”
“แฮ่ ขอโทษค่ะ”
“ไม่สนุกหรือไง”
“สนุกสิคะ สนุกมากๆเลย ขอบคุณมากนะคะที่..”
“ชู่วว.. ฉันได้ยินคำขอบคุณมาทั้งวันแล้วนะ เอาล่ะ ที่สุดท้ายก่อนกลับ ฉันจะพาเธอมาดูของสวยๆงามๆก่อนดีกว่า”
ว่าจบ นาตาเลียเลี้ยวรถไปจอดยังเชิงผาเพื่อพาชมวิวพระอาทิตย์ตก
“สวยมากเลยค่ะ”
วาโยทอดมองวิวสีเขียวบนพื้นล่างที่เป็นป่าทึบ ส่วนด้านบนมีแสงประกายสีทองของกระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า
“ใช่ เธอก็สวย”
แชะ
นาตาเลียอาสาถ่ายภาพให้หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นสีแดงแขนกุด กับรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมสั้นประบ่าถูกตัดไปเมื่อช่วงบ่าย ทำให้เธอดูน่ารักขึ้นไปอีกเท่าตัว
เธอสนุกกับการได้สลับกันถ่ายภาพบนเชิงผา
“นี่ ถ่ายคู่กันหน่อย”
วาโยที่ยืนชมวิวเพลินรีบหันขวับมาส่งยิ้มให้กล้อง นาตาเลียจัดแจงเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าให้อย่างอ่อนโยนแถมก่อนถ่ายภาพเธอยังย่อตัวลงให้ความสูงระดับเท่าๆวาโย
ใบหน้าทั้งสองแนบชิด คนหนึ่งยิ้มให้กล้องจนตาหยี อีกคนมัวแต่ปรายสายตาจ้องมองใบหน้าหวานละมุนของสาวเอเชียผู้มีเสน่ห์ล้นเหลือ
“ได้ยังคะ?” วาโยถามเสียงงึมงำรอดไรฟันเพราะกำลังยิ้มค้างจนเหงือกแห้ง
“อือฮื้อ”
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองนานเกินไปเธอจึงค่อยๆปรายมองอีกฝ่าย
วาโยขนลุกซู่ สัมผัสได้ถึงความไม่ปกติบางอย่าง
ชั่วพริบตานั้น ความสงสัยเป็นอันถูกเฉลยเมื่อนาตาเลียกำลังยื่นมือมาแตะใบหน้าชื่นชมเครื่องหน้าจิ้มลิ้มของเธอตาเป็นประกาย
“เธอน่ารักจัง”
นาตาเลียค่อยๆลูบศีรษะเล็ก เธอยืนค้างวางตัวไม่ถูก
“นิ่งๆ เฉยๆไว้คนสวย เดี๋ยวทุกอย่างจะเรียบร้อยดี”
เธอยิ้มอย่างงงๆ และทำตาม
พอริมฝีปากนาตาเลียประกบ
จุ๊บ
“อุ๊ย”
วาโยสะดุ้งโหยง ถอยร่นออกห่าง
“ไม่เอาน่า จะไปไหน”
นาตาเลียพยายามเดินเข้ามาหาเธอ
“เธอแค่เปิดใจสาวน้อย ฉันอยากให้รู้ว่าฉันชอบเธอมากนะ”
“มะ ไม่ค่ะ ฉะ ฉันไม่ได้ชอบคุณแบบนั้น”
เธอตกใจ วิ่งหนีกระเจิง
“นี่ จะไปไหน ดะ เดี๋ยว!!”
นาตาเลียกระโดดขึ้นรถที่เปิดประทุนเอาไว้ ขับตามหญิงสาว
แต่ดันมีรถคันหนึ่งปาดหน้ารับตัววาโยขึ้นรถไปเสียก่อน
เป็นรถของอดัม
“บ้าเอ๊ย”
นาตาเลียทุบพวงมาลัยอย่างหัวเสีย
นิยายเรื่องนี้สนับสนุนLgbtq ทุกท่านค่ะ