Chapter.4 โดนแทง

1430 คำ
Chapter.4 โดนแทง ทุกคนต่างอลหม่านกับการ(แกล้ง)หมดสติของเจ้าสาว หัวใจเธอเต้นรัวสั่นขณะอยู่ในวงแขนของโลเรนโซ่ผู้ทำสีหน้าตื่นตระหนกเป็นห่วงเป็นใยรีบอุ้มพาเธอขึ้นรถขับไปยังห้องพัก มีทีมแพทย์รอแสตนด์บายไว้เรียบร้อย มือของเขายังกุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ท่ามกลางเสียงพูดคุยของครอบครัวทั้งสองฝั่งยืนห้อมล้อมรอบเตียง ‘หึ..’ ..เสแสร้งเก่งเช่นกัน “หนูมาโอะพักผ่อนน้อยน่ะค่ะ และเมื่อเช้ายังเล่าให้ดิฉันฟังอีกว่านอนไม่หลับทั้งคืนเพราะตื่นเต้นมาก” มาดามอลิซเซ่อธิบายให้ครอบครัวเจ้าสาวได้คลายความกังวลใจอีกระรอก หลังจากหมอตรวจวินิจฉัยอาการแล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เหตุที่ต้องแกล้งทำเป็นหมดสติเพราะเธอพูดภาษาญี่ปุ่นไม่เนียนเอาเสียเลย มาดามอลิซเซ่กลัวว่าครอบครัวมาโอะจับได้จึงใช้แผนการนี้ไปพลางๆ แล้วหลังจากนั้นเธอต้องเตรียมเรียนภาษาอย่างหนักหน่วง เธอนอนแน่นิ่งพยายามกำหนดลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติไปพร้อมกับรับน้ำเกลือเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่อึดอัดมาก จนกระทั่งช่วงเวลาอันแสนทรมานได้สิ้นสุด เมื่อทุกคนอันตรธานออกไปจากห้อง เหลือก็แต่เพียงเขา.. “นี่!” โลเรนโซ่ยกเท้าขึ้นพาดขอบเตียง ปลายรองเท้าสีดำขัดมันวาวเขี่ยสีข้างเจ้าสาวยิกๆ ‘ไอ้คนนิสัยเสีย!’ ส่วนมือที่จับมือเธอนั้นก็รีบสลัดทิ้งอย่างแรง “นี่ เลิกแสดงละครได้แล้ว” วาโยเบ้ริมฝีปากลุกพรวดขึ้นนั่งท่าขัดสมาธิพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก ..แต่ไม่โล่งใจ หากต้องอยู่กับโลเรนโซ่เพียงลำพังเช่นนี้ ริมฝีปากชมพูระเรื่อบูดบึ้งเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้มออกช้าๆเมื่อ อดัม พี่ชายของเขาย่างกรายเข้ามา โลเรนโซ่ยิ่นคิ้วเมื่อเพ่งมองแก้มขวาของเขา “นั่นหน้าไปโดนอะไรมาน่ะ?” แววตาลอกแล่กของวาโยผู้รู้ดีว่ารอยนี้ได้มาจากไหน ทว่า อดัม กระแอมเป็นเชิงบอกกรายๆว่า ‘อย่าได้ปากเปราะเชียววาโย’ หญิงสาวเป็นอันรับรู้ ก้มต่ำมองมือที่ติดอยู่กับสายน้ำเกลือขณะหูกำลังฟังสองพี่น้องคุยกัน “ห่วงเรื่องของนายเถอะ” อดัมหยุดยืนที่ปลายเตียง สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คดำ “เอาล่ะ วันนี้เหนื่อยกันมามากแล้ว นายควรพักเรื่องรังแกเจ้าสาวของนายและกลับบ้านกัน ..โดยไม่ต้องก่อเรื่องอะไรเพิ่มอีก” วาโยรับฟังแล้วอดไม่ไหวที่จะโพล่งถาม “ไปไหนคะ?” “ก็ไปอยู่เรือนหอของเธอกับโลเรนโซ่ไง” “คือ จะให้ฉันอาศัยอยู่กับ..เอ่อ เจ้าบ่าว ไม่เอาค่ะ ฉันขอร้องล่ะอย่าเอาชีวิตฉันไปเสี่ยงตายเลย” เธอพนมมืออ้อนวอนขอเสียงสั่น “ชิ” คนรับฟังทำได้แค่กรอกตาพร้อมสบถออกมา “อย่างกับฉันอยากอยู่กับเธอนักล่ะนังโง่” พื้นที่บ้านออกจะกว้างขวางหากไม่ต้องการเจอหน้าทั้งชาติภายใต้หลังคาเดียวกันก็ยังได้ และที่สำคัญ ควรถามเขาเถอะว่าจะอยู่บ้านหรือเปล่า “เอาล่ะ” ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ถ้าหล่อนไม่อยากอยู่ด้วย พี่ก็รับเลี้ยงไว้แล้วกันนะ” อดัมอ้าปากเตรียมปฏิเสธ เขารีบแทรก “ก็ไหนว่าไม่อยากให้ฉันก่อเรื่องทำร้ายยัยนี่อีกล่ะ? นะ พามันไปอยู่ด้วยเลย แฟร์ดี” พอน้องชายเดินผิวปากออกไปจากห้องแล้ว คนเป็นพี่ยืนกุมขมับอย่างคิดไม่ตก อดัมวกกลับมาเพ่งแววตาดุใส่วาโย “หยุดมองฉันด้วยสายตาซาบซึ้งอย่างนั้นได้แล้ว ฉันไม่ใช่ฮีโร่ของเธอ ทุกอย่างที่ฉันทำเพราะคำสั่งของแม่” “ค่ะ หนูรู้” เธอก้มต่ำ ตอบรับเสียงอ่อน “รู้แล้วก็รีบตามสามีเธอไปซะ” เขาย่างสามขุมเข้ามาใกล้หญิงสาว ฉวยจังหวะที่เธอเผลอดึงสายน้ำเกลือออกให้วาโยอย่างง่ายดาย ฟึ่บ “โอ๊ย” “ไม่เจ็บ ดูสิ ไม่มีเลือด” “เอ่อ..?” นั่นสิ เธอไม่เจ็บจริงๆด้วย หญิงสาวโค้งศีรษะให้ก่อนเดินลงเตียงออกไปตามเจ้าบ่าวผู้ไม่แยแสเธอเลยสักนิด อันที่จริง หากเลือกระหว่างโลเรนโซ่ กับ อดัม เธอคิดว่าอยู่ร่วมชายคากับผู้พี่ยังรู้สึกปลอดภัยกว่า เมื่อนึกถึงการกระทำอันป่าเถื่อนของโลเรนโซ่แล้ว หญิงสาวสลัดศีรษะขับไล่ภาพเหตุการณ์อันชั่วร้าย ว่าแล้วเธอจึงหยุดฝีเท้า หันกลับไปต่อรองกับอดัม “อันที่จริง หนูทำความสะอาดบ้านได้ดีเลยนะคะ เป็นคนสวน คนรับใช้หรือจะเป็นบอดี้การ์ด หรืออะไรก็ได้ ขอแค่ได้อาศัยอยู่บ้านคุณ” เมื่อคนฟังเงียบ แววตาคมดุเพ่งจ้องมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คงประเมินและตัดสินไปแล้วว่าเธอชอบเขา จึงรีบกลับคำ “เอ่อ อยู่เรือนหอก็ได้ค่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวรีบเดินดุ่มๆเปิดประตูออกไป เสียงของโลเรนโซ่จงใจพ่นออกมาดังๆหวังให้พี่ชายได้ยินขณะที่เขากำลังจับมือทักทายกับ‘โซฟียา’ ภรรยาของอดัม ผู้มีสะโพกดินระเบิดแต่เอวคอด ผิวสีแทน ใบหน้าสวยสมบูรณ์เสียจนวาโยมองตะลึงค้าง “ผมกับภรรยาก็กำลังหาที่ดินเนอร์กันอยู่พอดี หวังว่าคุณและพี่ชายจะไม่รังเกียจผมและภรรยานะครับ” โลเรนโซ่มองโซฟียาด้วยแววตาแพรวพราวจนผู้เป็นสามีอย่างเขากระแอมขัดการสนทนาเบาๆ “อะฮึ่ม มีอะไรกันหรือเปล่า?” เขาจำใจต้องรีบปล่อยมืออกจากพี่สะใภ้อย่างเสียดายก่อนเดินไปอธิบายกับพี่ชายด้วยท่าทียียวนกวนประสาท “พอดีผมกับเมียกำลังหาที่ดินเนอร์ เลยอยากฝากท้องที่บ้านพี่ชายสักมื้อจะว่าอะไรไหมครับ” วาโยประเมินคนทั้งสามแล้วขบตรองอยู่ในใจ ‘ไอ้นี่ แอบรักพี่สะใภ้ใช่ไหมนะ?’ “ใช่มั้ยมาโอะ” เธอสะดุ้งวาบเมื่อโลเรนโซ่เรียกเธอเสียงดุจึงรีบไหลไปตามน้ำ “ออ ค่ะ ใช่ค่ะ” “นายหาเรื่องจะทิ้งเมียไว้ที่บ้านฉันต่างหาก” เขาเอ่ยกับน้องชายเสียงเบา หมั่บ โซฟียาเดินนวยนาดเข้ามาควงแขนสามี เธอขยับริมฝีปากบวมเจ่อด้วยสุ้มเสียงออดอ้อน “นะคะคุณ เราจะได้ทำความรู้จักกับมาโอะให้มากขึ้นไงล่ะคะ นะคะ” อดัมกรอกตาขึ้นด้านบน จำใจเดินตามเกมส์ของโลเรนโซ่อย่างเลี่ยงไม่ได้ บรรยากาศภายในสวนใจกลางคฤหาสน์หลังใหญ่ของอดัมกับโซฟียา สามีภรรยาผู้ใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกันมากว่าสองปีแต่ไร้วี่แววจะมีทายาท เจ้าของบ้านจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้พร้อมพรั่ง ทั้งนักดนตรีไวโอลีนชื่อดังที่โซฟียาโปรดปรานยังยืนทำหน้าที่ขับกล่อมบรรเลงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง วาโยกวาดสายตามองดูรอบๆในใจเต้นเร่าให้กับความเลิศหรูทุกตารางนิ้ว อีกใจกำลังสะกดตัวเองว่าเธอก็ใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน เธอคือคุณหนูมาโอะ อย่าได้เผลอทำตัวตื่นเต้นกับบรรยากาศโดยรอบนี้เด็ดขาด เธอโปรยยิ้มอ่อนให้กับโซฟียาอย่างเป็นมิตร ทว่าหล่อนกลับเบ้ปากเล็กน้อยชนิดที่ชายทั้งสองไม่รู้เท่าทัน มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่มองกันออก นอกจากจะนั่งเท้าคางพลางจิบไวน์ขณะฟังเสียงไวโอลีนแล้วเธอยังจับสังเกตเห็นแววตาที่หล่อนลอบมองดูโลเรนโซ่อยู่บ่อยๆ ส่วนผู้เป็นสามีก็มัวสนใจกับการลิ้มรสอาหารมากกว่าเครื่องดื่มมึนเมา เขากำลังใช้ส้อมและมีดหั่นเนื้อแกะย่างกับซอสพอร์ชินีเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ ‘คนอะไร ขนาดทานอาหารยังดูดี ดูน่าเกรงขาม’ เธอชื่นชมอดัมภายในใจ พอกลับมามองที่สามี.. “แค่กๆ” ควันบุหรี่ตัวบ่อนทำลายบรรยากาศโขมงคลุ้งออกจากปากโลเรนโซ่ และจงใจพ่นใส่หน้าเธอเต็มๆ หญิงสาวเบือนหน้าออกอีกทาง ซึ่งประจวบเหมาะกับจังหวะที่เธอเห็นบอดี้การ์ดคนหนึ่งยืนหันหลังห่างจากโต๊ะอาหารประมาณสามวากำลังล้วงเอาวัตถุบางอย่างออกมา ชั่วพริบตานั้น ไวกว่าเธอที่เตรียมส่งเสียงร้องทักเสียอีก บอดี้การ์ดผู้ทรยศกระโจนเข้าหาอดัมอย่างรวดเร็ว “ห๊ะ!” แต่ทว่า ..วาโยถลาตัวล้มทับกลายเป็นโล่กำบังให้ ฉั่บ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม