ลูกชายท่านประธาน

1259 คำ
วันนี้มินตราตื่นเช้าเป็นพิเศษ เธอตื่นเต้นมากที่จะได้สัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกไปเรียนรู้งานที่ออสเตรเลีย เธอใฝ่ฝันมานานว่าอยากไปทำงานต่างประเทศ เธอเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เสื้อผ้าหน้าผมเธอเลือกสรรมาอย่างดีว่าเป็นชุดที่ดีที่สุด มินตราลงทุนซื้อน้ำหอมแบรนด์เนม ขวดแรกในชีวิต เพื่อที่จะฉีดไปสัมภาษณ์ในวันนี้โดยเฉพาะ “โหยายมิน ทำไมวันนี้แกสวยขนาดนี้เนี่ย สัมภาษณ์คัดเลือกไปเรียนรู้งานนะยะ ไม่ได้ส่งใบสมัครผู้เข้าประกวดนางงาม” เมทินีร้องทัก เมื่อเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองเดินเข้ามา “แกอย่าทำให้ฉันเสียความมั่นใจสิ กว่าจะทำใจออกจากห้องมาได้ไม่ง่ายเลยนะแก” ตอนนี้มินตราได้ย้ายออกไปอยู่ห้องส่วนตัวแล้ว เพราะเกรงใจเมทินี ถึงแม้ว่าเพื่อนจะยินดีให้อยู่ด้วย แต่เพราะเมทินีมีแฟนที่ต้องเจอกัน อยู่ด้วยกันบ้าง หากเธอยังพักอยู่ด้วยก็จะทำให้พวกเขาไม่สะดวก “ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย สวยจ้า วันนี้แกสวยมาก ฉันว่ายังไงแกก็ผ่าน แผนกแกแต่ละคนนี่แบบ…แล้วตัดภาพมาที่แผนกฉัน ฉันไม่กล้าหวังอะไรเลย” เมทินีพูดต่อ “ฉันขอไปกินกาแฟก่อนนะ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย กลัวเบลอ” มินตราขอแยกตัวออกไปชงกาแฟที่ครัวเล็กๆ ของออฟฟิศ “แกๆๆ เห็นลูกชายคุณ สมิธหรือเปล่า ที่แผนกฉันเม้าส์กันว่าเขาจะมาร่วมสัมภาษณ์วันนี้ แล้วถ้าใครได้ไปนะ คุณโนอาจะเป็นคนดูแลทีมเองด้วยนะ” ลลิตาวิ่งจากแผนกของเธอ มาหาเมทินีที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “ใคร โนอาไหนของแก” เมทินีที่ฟังเพื่อนไม่ค่อยเข้าใจถามซ้ำ “สวัสดีค่ะคุณโนอา เชิญทางนี้ค่ะ” เสียงพนักงานประชาสัมพันธ์พูด พร้อมกับเดินไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “คนนี้ไงแก ลูกชายคุณสมิธ” ลลิตากระซิบบอกกับเพื่อนของเธอ “สมคำร่ำลือ หล่อมาก แค่เดินผ่านยังเสียว” “ยายเมย์!!! แกมีแฟนแล้วนะ” “แกก็มีค่ะ” “แต่ถ้าเราไม่มี เขาก็ไม่เอาเอามั้ยวะ” ลลิตาพูดขึ้น “เออ ดูแค่เป็นอาหารตาก็พอ สูงไปเอื้อมไม่ไหว” เมทินีตอบก่อนที่สาวๆ จะพากันแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง และรอถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์ มินตราเองก็กลับไปที่แผนกของเธอ และตั้งใจทำงานเหมือนกับทุกวัน แต่ก็ยังคิดกังวลกับเรื่องสัมภาษณ์อยู่ตลอด เธอค่อนข้างหวังกับโครงการนี้มาก เพราะอยากไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ “มิน เดี๋ยวไปรอหน้าห้องได้เลยนะ อีก 2 คิวก็จะถึงแล้ว” พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาบอก มินตราพยักรับ ก่อนจะหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อยของตัวเอง พร้อมกับเติมลิปสติกสีอ่อนบางๆ ให้พอดูมีชีวิตชีวา ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่หน้าห้องสัมภาษณ์ “คุณมินตราเข้ามาได้เลยค่ะ” นั่งรอเพียงไม่นาน มินตราก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ในห้องมีประธานกรรมการหลายคนนั่งเรียงกันอยู่ด้านหน้า และมีเก้าอี้สำหรับพนักงานให้นั่งอยู่ตรงหน้าของคณะกรรมการ มินตราไม่ได้สังเกต ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แต่หลังจากที่เธอนั่งในท่าที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้เหลือบมองกรรมการทุกคน และต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นโนอานั่งอยู่ในโต๊ะของกรรมการสัมภาษณ์ด้วย วันนี้เขาดูดีและมีภูมิฐานมากกว่าคืนนั้น เขาสวมชุดสูทสีดำ จัดแต่งทรงผมสุภาพ มินตราพยายามตั้งสติและยิ้มให้กับกรรมการ และไม่สนใจโนอา ที่พยายามส่งสายตาให้กับเธอ หญิงสาวได้แต่พยายามโฟกัสคณะกรรมการคนอื่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ “เชิญแนะนำตัว” หนึ่งในกรรมการพูดขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ มินตรารู้ดีว่าการสัมภาษณ์ในครั้งนี้สำคัญกับเธอมาก แม้ว่าเรื่องของผู้ชายคนนั้นจะเข้ามารบกวนเธออย่างไร ก็ต้องพยายามปัดทุกอย่างออกไป เพื่อให้เธอได้ทำตามความตั้งใจของตัวเองให้สำเร็จ “คุณเพิ่งจะหย่ากับสามีได้แค่ไม่นาน คิดว่าถ้าเขามาขอคืนดี คุณจะให้อภัยเขาหรือไม่” กรรมการเริ่มสัมภาษณ์มินตราอย่างเข้มข้น ถามคำถามเกี่ยวกับประวัติการทำงาน ทักษะความสามารถ และทัศนคติในการทำงาน มินตราตอบคำถามได้อย่างมั่นใจและตรงประเด็นทุกคำถาม แต่อยู่ๆ ก็มีคำถามประหลาด โผล่มาจากกรรมการคนหนึ่ง ที่นั่งหน้าหล่ออยู่ที่มุมสุดของโต๊ะ มินตราพยายามตั้งสติ ก่อนจะยิ้มและตอบคำถาม แม้ว่ามันจะดูไม่เกี่ยวกับการไปเรียนรู้งานเลยก็ตาม “คิดว่าไม่นะคะ เพราะก่อนจะตัดสินใจหย่ากัน ดิฉันได้คิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว” มินตราตอบอย่างชัดเจน และมั่นใจในคำตอบของตัวเอง สมิธหันไปค้อนลูกชายของตัวเอง เพราะคำถามเมื่อกี้นี้มันไร้สาระมาก แถมยังไม่เกี่ยวอะไรกับโครงการด้วย แต่คนถูกตำหนิทางสายตา กลับยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจสายตาของพ่อเลยสักนิด "โอเค ไม่มีอะไรจะแนะนำให้ปรับปรุง เพราะทุกอย่างดีแล้ว ขอให้โชคดี" ประธานสมิธกล่าวสรุป ก่อนจะผายมือเชิญให้มินตราออกจากห้องไปได้ จังหวะเดินผ่านโต๊ะคณะกรรมการ มินตราเหลือบมองไปที่โนอา ก็ยังเห็นว่าเขามองว่าที่เธอแถมยังยักคิ้วให้อีกต่างหาก แม้จะได้รับคำชมจากกรรมการ แต่มินตรากลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย เพราะเธอดันมาเจอผู้ชายที่วันไนท์ด้วยในห้องสัมภาษณ์ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ "เป็นไงบ้างแก ทำไมทำหน้าแบบนั้น" เมทินีและลลิตาที่สัมภาษณ์ไปก่อนแล้ว มายืนดักรอเพื่อนของพวกเธอ เพื่อจะถามความรู้สึก แต่พอเห็นสีหน้าของมินตราแล้ว ก็คิดว่าอาจจะได้รับคำแนะนำเหมือนๆ กัน "ก็โอเคแก ฉันตอบคำถามได้ แล้วกรรมการก็ไม่ได้ว่าอะไร" "กรรมการไม่ว่าอะไรยังทำหน้าเครียดขนาดนี้ ถ้าโดนด่าแบบยายลิน จะไม่ร้องไห้ออกมาเลยเหรอ" เมทินีพูดต่อ "นั่นสิ ไม่ได้โดนด่าแกจะทำหน้าเครียดไปทำไม ฉันนะโดนด่าตั้งแต่เดินเข้าไปเลย" ลลิตาพูดบ้าง "ช่างเหอะ ฉันขอไปกินกาแฟอีกสักแก้วนะ รู้สึกว่าร่างกายต้องการคาเฟอีน" "ไปด้วยๆ ฉันก็อยากกินกาแฟ" สามสาวพากันเดินไปที่ห้องครัวของออฟฟิศอีกครั้ง และพากันพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกขณะที่เข้าไปสัมภาษณ์ มินตราดูจะเป็นคนเดียวที่มีแนวโน้มว่าน่าจะได้ผ่านการคัดเลือก เพราะทั้งเมทินีและลลิตา นอกจากจะมีคู่แข่งที่แข็งมากๆ แล้วตอนสัมภาษณ์ก็ยังถูกตำหนิค่อนข้างเยอะ "ถ้าพวกฉันไม่ได้ไป แล้วแกได้ไปคนเดียวจริงๆ คงจะคิดถึงแกแย่เลย ไปตั้ง 3 ปีแหนะ" ลลิตาพูดขึ้นขณะที่เดินกลับมาจากห้องครัว "แกก็รีบพูดเกินไป ผลสัมภาษณ์ยังไม่ออกเลย" มินตราตอบกลับอย่างถ่อมตัว "หวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะครับ คุณมินตรา"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม