เช้าสดใส ซินเฟยรู้สึกว่าบาดแผลค่อยเบาเทาความเจ็บปวดลงบ้างแล้ว แต่อาการปวดท้องยังคงอยู่
“แม่นางน้อยวันนี้ เจ้าคงต้องลุกขึ้นมานั่งบ้างได้แล้ว ข้าลงมือทำของกินมาให้เจ้า ที่นี่ไม่มีสิ่งใดให้เลือกกินมากนักมีเพียงอาหารแห้งที่นานจะมีคนนำมาส่งเสียทีข้าเลี้ยงไก่ไว้เก็บไข่มันมาทำอาหารเพื่อบำรุงร่างกายเจ้าให้ฟื้นตัว”
“ซินเฟยขอบคุณอาวุโสมากที่ช่วยเหลือ”ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดมาบ้างแล้ว
“เจ้ากับข้าล้วนพบกันโดยลิขิตสวรรค์ ข้าไม่ช่วยเจ้าเจ้าอาจตายแต่หากข้าช่วยเจ้า เจ้าจึงมีชีวิตรอดดิ้นรนต่อสู่ต่อไป ขอเพียงเจ้าอย่าท้อถอย หากไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อให้เง็กเซียนก็ช่วยเจ้าไม่ได้”
จางหลงยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ปล่อยตัวเองล่องลอยไปกับสัมผัสนั้น ค่ำคืนที่เขาโยนป้ายรายชื่อสนม จากสามสิบสิบคนเหลือเพียงคนเดียวลงบนถาดที่ขันทีเสี่ยวซานนำมาวางให้ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะพลิกดูชื่อของนางด้วยซ้ำไป งานในราชสำนักชวนให้วุ่นวาย ค่ำคืนที่ไร้ซ่งความเหน็บหนาว มิใช่ความเหน็บหนาวของเขาที่ต้องการคนมาอุ่นเตียง แต่เป็นเพราะเขามองเห็นใบหน้างดงามที่ไม่อาจละสายตาอย่างนั้นหรือ เพียงแต่เหลือบตามองยามนางเผลอ แววตาใสซื่อโศกสลดนั่นต่างหากที่ชวนให้เขาไม่ไล่นางไปเสียในคืนที่เหน็ดเหนื่อยนี้ เอ่ยทักเพียงแผ่วเบา
“เจ้ามาแล้วหรือ”ร่างบางนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง ข้างเปลวไฟไหวระริกกระทบเสี้ยวหน้าหวาน
“ซินเฟยมาแล้ว ฝ่าบาทจะทรงสรงน้ำหรือไม่”เขาไม่จำแม้กระทั่งชื่อ นางลุกขึ้นเดินมาหมายจะปลดอาภรณ์ออกให้แต่อีกคนกลับเดินถอยห่าง เขาถูกเลี้ยงมาโดยฮ่องเต้ผู้เป็นบิดา ที่มีงานราชสำนักรัดตัวมารดาที่เป็นสนมเอกตายไปตั้งแต่เขายังเล็ก พ่อที่เป็นถึงฮ่องเต้ไม่เคยปกป้อง คอยแต่สั่ง..สอน ไม่เคยโอบกอดมีแต่กฎระเบียบนานาให้ปฏิบัติ
“ข้าจัดการเองได้”ปลอดอาภรณ์ออกก่อนจะเดินไปแช่น้ำอุ่นที่นางเตรียมไว้ให้ มือบางตามเขาไปลูบไล้ขัดถู แต่ถูกกางกั้นไว้ก็ในเมื่อบางอย่างในกายเพิ่มขีดความร้อนจนเกือบระงับใจไม่อยู่
“เจ้าไปรอข้างนอกนั่น”ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อย
ร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้
เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือ
หากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่า
เฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆ จนเขาแปลกใจไม่มีเสียงร้องไม่มีคำพูดหลุดออกมา ไม่มีความออดอ้อนเหมือนสนมนางอื่น ราชสำนักและบ้านเมืองสำคัญอย่างที่ถูกสั่งสอนมา เรื่องในวังหลังเองก็ถูกสอนว่าห้ามละเลย แต่ร่างบางที่นอนระทวยอยู่บนแท่นนอนในค่ำคืนที่ผ่านมาทำเอาเขาสุขสม จนแทบไม่อยากจากลา ติดใจรสสวาทนางอย่างนั้นหรือ ทั้งที่ร่างสวยแค่เพียงบิดตัวขยับหนีแข็งขืนด้วยความเจ็บปวดหาใช่ความเสแสร้งหรือสุขสมเหมือนสนมนางอื่น
เขาลุกออกจากที่นอนยาม ทิ่ว (โฉ่ว) เท่ากับ เวลา 01.00 น. จนถึง 02.59น.ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกว่ายังไมพอ เช้านี้มีงานในราชสำนักล้นมือ ไม่วายที่จะกดริมฝีปากกับหน้าผากเนียนอย่างนุ่มนวล เหมือนจะสั่งลา
ปกตินางสนมที่ถูกเลือกป้ายมักจะถูกชำระล้างในเช้าวันถัดมาเพราะจางหลงจะออกจากห้องในยาม จี๋ (ซื่อ) เท่ากับ เวลา 09.00 น. จนถึง 10.59 น.ของอีกวัน พวกนางจึงไม่มีทางที่จะตั้งครรภ์ได้ ฮองเฮาเองเข้มงวดกับเรื่องเหล่านี้และเป็นสิ่งเดียวที่จางหลงไม่เคยรู้มาก่อน เรื่องนี้ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายออกไป
แต่ซินเฟยกลับถูกทอดทิ้งให้นอนเพียงลำพังก่อนจะหยิบอาภรณ์มาสวมใส่ก้าวออกจากห้องไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ร่างกายบอบซ้ำ นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของซินเฟย ในเมื่อสนมสามพันนางหกตำหนักตามกฎมณเทียรบาลจะเป็นไปได้อย่างไรที่ซินเฟยจะพบกับฮ่องเต้อีกครั้ง
กลับไปในห้องพักด้วยร่างกายที่บอบซ้ำอยู่ในนั้นเงียบๆ เพียงลำพังไม่หวังจะให้จางหลงเรียกตัว เพราะแต่เดิมเขาก็ไม่เคยเรียกตัวใครเป็นพิเศษอยู่แล้ว
แล้วเขาก็ลืมเลือนนางไปซินเฟยคิด