ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมผมหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว
“ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้”ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้อง
ตำหนักฮ่องเต้
“ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า
“เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน”ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป
“จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์”ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด
“ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที”
“จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า”สีหน้าเป็นกังวล
“เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป”
ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด ยอมจากมาโดยดี ขันทีหนุ่มเปิดประตูให้ไทฮองไทเฮา ก่อนจะก้าวมายืนก้มหน้าข้างๆ จางหลง
“เจ้ามีอะไรเสี่ยวซาน”เหลือบตามอง
“ฝ่าบาท เขาเล่ากันว่านางถูกโบยจนสลบไสลไม่แน่อาจตายไปแล้ว เพราะลักลอบได้เสียกับองครักษ์ผู้หนึ่ง”
“เจ้าเชื่อเรื่องนั้นไหม”ถามเพราะรู้ว่าเสี่ยวซานต้องการจะพูดอะไร
“เขาเล่ากันว่านางไม่สุงสิงกับใครมาเพียงคนเดียว วันๆ แทบจะไม่พูดจากับใคร แล้วเช่นนั้นจะแอบลักลอบ ได้เสียกับองครักษ์ได้อย่างไร”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร นางอาจพูดกับองครักษ์ผู้นั้นมากหน่อยก็ได้”
“ฝ่าบาทเรื่องในวังหลังมักมีการใส่ร้ายป้ายสี ฝ่าบาทไม่เคยสนใจเรื่องราวเหล่านั้นอยู่แล้วจึงมีบางเรื่องที่อาจยังไม่รู้”
“งานราชสำนักสำคัญที่สุดการเป็นอยู่ของราษฎรเองก็สำคัญไม่น้อย เรื่องวังหลัง เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้นไม่ว่าฮองเฮาหรือสนม ข้าล้วนทำไปตามหน้าที่เพื่อไม่ให้บกพร่อง หาได้มีความรักใคร่มาเกี่ยวข้อง”
จางหลงเอนหลังลงนอน หลับตาลงช้าๆ เรื่องที่ไทฮองเฮากับเสี่ยวซาน พูดเมื่อครู่ทำเอาเขาคิดมากอย่างนั้นหรือ ไม่เลยเขาไม่เคยคิดมากและใส่ใจ ในเมื่อสนมของเขามีถึงหกตำหนักสามพันนาง จะให้ใส่ใจทุกคนได้อย่างไรกัน จะว่าไปนางคงเป็น หนึ่งในสนมคืนเดียว ด้วยกระมังแม้แต่ใบหน้าหรือชื่อของนางเขาจึงไม่อาจจดจำ
ไหนจะเรื่องการรักษาบัลลังก์แห่งนี้ไว้อีกเล่า
ซินเฟย ชันกายลูกขึ้นรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผลที่หลัง จนไม่อาจขยับตัวได้อีกต่อไปนอนแผ่หราบนลานกว้างในตำหนักเย็น หลับตานอนเอาแรงเสียหน่อยคงจะดีขึ้น ในเมื่อตอนนี้แม้แต่แรงจะขยับตัวยังไม่มี แผลถูกโบยบาดลึกน่าจะตายไปเสียแต่ เมื่อยังไม่ครบร้อยทีแล้ว ซินเฟยกัดฟันทน และยังไม่ตายจึงถูกนำตัวมาไว้ที่นี่ คงคิดว่าอย่างไรเสียก็คงต้องตายอยู่ดี
“กินน้ำเสียหน่อย”ร่างเลือนรางเหมือนในความฝันพยุงตัวซินเฟยก่อนจะจ่อถ้วยน้ำลงบนริมฝีปากแห้งผาก
“เจ้าไม่ผิดใช่ไหม สวรรค์จึงมีตาให้เจ้ารอดมาเช่นนี้”ซินเฟย ยิ้มเศร้าๆ ผิดหรือไม่ผิดก็ไม่อาจโต้แย้ง ลูกในท้องของใครซินเฟยรู้ดี แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกของใครไม่รู้ที่อยู่ๆ ก็มีคนเห็นผ่านเข้าออกยังห้องของซินเฟยสองสามครั้งทั้งๆ ที่ซินเฟยไม่เคยรู้จักคนผู้นั้นมาก่อน แล้วฮองเฮาก็ส่งมาคนจับเขาตัดหัวทันที ส่วนจินเฟยก็ถูกโบยเสียจนปางตาย
“เพื่อรักษาพระเกียรติของฝ่าบาท ข้าฮองเฮาในฐานะผู้ดูและวังหลังจึงมีบัญชาให้โบยนางร้อยที”
“คนที่ถูกส่งมาที่นี่หากผิดก็จะตายไปเสียหากไร้ความผิดเช่นเจ้ากับข้า มักจะมีชีวิตยืนยาว ข้าพยุงเจ้าลุกไม่ไหวตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้” ร่มใบหญ่เก่าครำคร่าถูกกางกันแดดลมให้ซินเฟย ผมขาวโพลนบนศรีษะ นางคงอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ซินเฟยหลับตาลงอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงความปวดแสบที่บาดแผลเมื่อหญิงคนนั้นนำยาสมานแผลที่บดขึ้นเองมาป้ายที่แผ่นหลังที่ชุ่มไปด้วยเลือด
ตำหนักชิงหนิงกง
“ฝ่าบาท เครื่องเสวยวันนี้ล้วนเป็นของชอบของฝ่าบาท ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้าขึ้นลง นั่งบนโต๊ะเสวยพุ้ยข้าวใส่ปากหลังจากที่ขันทีทดสอบพิษเรียบร้อยแล้ว
“นางทำผิดอะไร”ใบหน้ายังเรียบเฉยแต่แววตาไหววูบ
“ฝ่าบาทอย่าทรงกังวลไป ซูจินสำเร็จโทษนางไปแล้วนางแอบลักลอบมีอะไรกับองครักษ์ชั้นต่ำจนตั้งครรภ์ป่านนี้นางคงตายไปเสียแล้วถูกโบยถึงร้อยที”ใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“ดีแล้ว…”คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ
“ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย”เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ
“ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย”ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆ อย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหาก
ซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย
“ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างใน กับข้าแล้ว หิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า”
ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า
“อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน”มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา
“เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว”ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวันนี้อย่างนั้นหรือ
“เขาเป็นลูกของใคร”ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตา เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ช่างเถอะ เขาไม่สมควรได้เกิดมา ในเมื่อไร้ซึ่งความรักมีเพียงความเฉยชา”
“สวรรค์เปิดทางให้เจ้าต่างหาก พักผ่อนเสียเจ้าเสียเลือดมากไป ข้าจะออกไปขอแบ่งยาจากท่านหมอมาให้เจ้า”ซินเฟยพยักหน้าก่อนจะหลับตาลงช้าๆ