หลังจากกลับมาจากผับฉันก็เข้าFacebookไปยังเพจคณะของวิศวะทันที ตอนนี้ฉันจำหน้าตาของพี่เขาได้แม่น หล่อขนาดนั้นแสดงว่ายังไงก็น่าจะมีเจ้าตัวโลดแล่นอยู่หน้าเพจบ้างแหละ
“นี่ไง!” ฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อในที่สุดก็เจอใบหน้าหล่อๆ นั่นสักทีแถมยังอยู่ในโพลอันดับหนุ่มหล่อของคณะวิศวะอีกด้วย
“ไคโร..”
ฉันเอ่ยชื่อของอีกฝ่ายออกมาเบา ๆ ขนาดชื่อยังเท่ห์เลยให้ตายเถอะ เมื่อรู้ชื่อแล้วฉันเลยเอาชื่อของเขาไปหาข้อมูลต่อแต่มันมีน้อยมากกว่าที่ฉันคิดเลยแหละ แค่ชื่อนามสกุลจริงในเฟสยังไม่ลงรายละเอียดมาให้เลย เพราะส่วนใหญ่คนที่ลงโพสต์คือลงแค่ไปอยู่ตามโพสต์หนุ่มหล่อซะมากกว่า
สาว ๆ งี้ กดไลค์กันตรึม แหงสิหล่อซะขนาดนี้
ความชอบงานอดิเรก ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเหมือนคนอื่นที่มีงานอดิเรกแบบพวกรุ่นพี่บางคนที่เล่นกีตาร์ร้องเพลงหรือเป็นนักกีฬาอะไรเลย
แต่ชอบรถมากเป็นพิเศษ
อ่า...มิน่าเขาถึงไปแข่งรถ เพราะว่าชอบรถมากนี่เอง แต่ก็นะสุดท้ายแล้ว เขาก็แค่เป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เจ้าชู้ก็แค่นั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าฉันกับเขาน่าจะอยู่คนละโลก สาบานได้ว่าฉันจะไม่เข้าไปยุ่งหรืออะไรเกี่ยวกับเขาอีกเด็ดขาด ถึงแม้ฉันจะเสียตัวให้อีกไปแล้ว แต่ก็ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันเองก็ไม่ชอบเป็นของเล่นของใครเหมือนกัน
แค่ลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าตัวเองต้องเผลอใจไปรักผู้ชายอย่างรุ่นพี่ไคโรก็จิตตกแล้วอะ คิดดูสิ วัน ๆ นึงฉันต้องมานั่งเครียดว่าคนที่ฉันชอบวันนี้เขาจะควงสาวคนไหนกันน้าแบบนี้เหรอ?
ยี้ไม่เอาเด็ดขาด
ช่างเถอะ ....หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก
เช้าวันต่อมาที่มหาวิทยาลัย
หลังจากที่ฉันคิดดีแล้วว่าควรเลิกคิดมากเรื่องรุ่นพี่คนนั้น ได้แต่คิดว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก
ทว่า....
อยู่ ๆ รถซุปเปอร์คาร์คันหรู คันที่ไม่เคยคุ้นตาหรือเคยเข้ามาจอดที่คณะนิเทศของเราเลยสักครั้ง เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าตึก ทุกคนรวมถึงฉันต่างจับจ้องซุปเปอร์คาร์คันนั้นเป็นตาเดียว
จนกระทั่ง
WTF!
สองตาของฉันเบิกกว้าง เมื่อเห็นคาเรน ลงมาจากลงของผู้ชายคนนั้น และเป็นเขาที่เปิดประตูรถเดินตรงเข้ามาคาเรนที่เดินนำออกมาไม่กี่ก้าว
“เดี๋ยว... ลืมกระเป๋าแหนะยัยบ๊องส์”
เขาส่งกระเป๋าในมือยื่นให้คาเรน พร้อมกับเอามือลูบหัวเพื่อนฉันด้วย
“ขอบคุณค่า ก็แหม คนมันขี้ลืมนี่นา”
“ที่หลังอย่าลืมไว้บนรถใครอีกละ”
“รู้ละน่า ห้ามบ่น”
เขาโยกหัวคาเรนเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเอง มียัยคาเรนที่ยืนยิ้มแล้วเอี้ยวตัวหันหลังกลับไปมอง พลางยกมือบ้ายบายส่งกลับไปให้
ยะ อย่าบอกนะว่า คนคุยของคาเรนที่ว่าอยู่คณะวิศวะ
เชี่ย...
รถซุปเปอร์คาร์หรูแล่นออกไป ในขณะที่ฉันยืนเหม่ออยู่ที่เดิม จนกระทั่งคาเรนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า
“ยัยนาบีมายืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้”
“นะ นั่นใคร” ฉันถามออกไปทั้งเสียงสั่น ภาวนาให้นาบีแค่ติดรถคนรู้จักมาลงที่คณะเท่านั้น อย่าได้บอกว่าเป็นคนคุยหรือเป็นคนรู้จักแบบสนิทชิดเชื้ออะไรเลย
“แกถามถึงใคร” คาเรนหันไปมองด้านหลังก่อนหันมามองหน้าฉันอีกที
“ฉันสิ ต้องถามแกว่านั่นใคร แกลงรถใครมา แล้วรถแกไปไหนทำไมถึงให้ผู้ชายคนนั้นมาส่ง”
“อ่อ คือพอดีรถฉันเสียตรงทางด่วนเมื่อเช้า แล้วเออฉันก็เลยโทรให้พี่เขาก็ไปรับ ว่าแต่แกถามทำไมอย่าบอกนะว่าแกเห็นเขาหล่อมากเลยแอบมอง อย่านะเว้ยคนนั้นเขาเป็น ....”
“อย่าบอกนะว่า ผู้ชายช็อปวิศวะคนนั้นคือคนที่แกคุย ๆ อยู่!”
ฉันพูดสวนคาเรนทั้งที่ทั้งที่นางยังไม่พูดไม่จบ คือมันจะไม่อะไรเลยเว้ย ถ้าผู้ชายที่ขับรถมาส่งมันไม่ใช่พี่ไคโร ผู้ชายที่เมื่อคืนยังนัวหญิงคนอื่นอยู่อีกคน แล้ววันนี้ดันมาอยู่กับเพื่อนสนิทของฉันอีก
ช่างสมกับฉายาเพลย์บอยตัวพ่อเป็นที่สุด
“ถ้าฉันบอกว่าใช่ แล้วแกจะว่ายังไง”
“แต่รุ่นพี่คนนั้นเขาเจ้าชู้มากเลยไม่ใช่เหรอ เมื่อวานพวกยัยสไมล์กับฌิรินก็บอกอยู่ ว่าผู้ชายคณะวิศวะของมอ.เราน่ากลัวมากแค่ไหน”
ใช่ ผู้ชายคนนั้นมันไม่เหมาะกับลูกคุณหนูอย่างคาเรนเลยสักนิด ถึงแม้ว่าตอนที่ฉันเห็นรุ่นพี่ไคโรอยู่กับยัยคาเรนบรรยากาศมันต่างมันจะดูอบอุ่นออกจะแนว ๆ น่ารัก ไม่เห็นเหมือนเวลาที่เขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นก็ตามที แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากให้เพื่อนสุดที่รักของไปฉันหลงกลไอ้ใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์นั่นเด็ดขาดแล้วหลวมตัวพลาดอย่างฉันเป็นอันขาด
หรือ...ฉันควรจะบอกคาเรนไปเลยว่าเขาคืนคนที่วันไนต์กับฉันในคืนนั้น
แต่ถ้าคาเรนไม่เชื่อละ จะหาว่าฉันอิจฉาที่นางควงแฟนหล่อหรือเปล่านี่สิ
“แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันนาบี ฉันรู้ว่าพี่เขาเจ้าชู้ แต่เขารับปากฉันแล้วว่าจะมีแค่ฉันเป็นที่หนึ่ง โอเคปะ ส่วนแก รวมถึงยัยสไมล์ ยัยฌิริน ห้ามมอง ห้ามยุ่ง ห้ามคิดอะไรกับพี่เขาเด็ดขาด”
“อ่า...” โดนดักคอแบบนี้พูดไม่ออกเลยฉัน
“ไฮ ยัยคาเรน ยัยนาบีคุยอะไรกันอยู่”
ในขณะที่ฉันได้แต่เหวอกับคำพูดของคาเรนจนทำอะไรไม่ถูก ยัยฌิรินกับยัยสไมล์ก็เดินมาจากด้านหลังพร้อมกับส่งเสียงทักทายดังลั่น ทำให้บทสนทนาระหว่างฉันกับคาเรนจบลง ก่อนที่ยัยคาเรนจะเดินเข้าไปสมทบกับกลุ่มเพื่อน
“ขึ้นเรียนกันเถอะพวกแก ใกล้เริ่มละ” ยัยฌิรินเอ่ยบอก ทำให้ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองและพบว่ามันก็ใกล้ได้เวลาเรียนแล้วเลยพากันขึ้นเรียนกันก่อน
เฮ้อ งั้นช่างมันก่อน เอาไว้เรื่องรุ่นพี่คนนั้น ฉันค่อย ๆ พยายามหาทางบอกยัยคาเรนอีกหลังจบคลาสก็แล้วกัน