หลังเลิกเรียนในตอนเย็น
“นี่พวกแก เย็นนี้ไปกินชาบูหม้อไฟกันปะ หิวอะ” สไมล์เอ่ยปากชวนพวกเราทุกคนให้ไปหาอะไรกิน นางบ่นหิวมาตั้งแต่บ่ายกว่า ๆ เอาเถอะถ้าเป็นเรื่องกิน พวกเรายกให้สไมล์เป็นที่หนึ่ง
“ไปดิ ไปไหนไปกัน” ฌิรินกับฉันพยักหน้าเห็นด้วย เว้นก็แต่คาเรนที่รีบปฏิเสธออกมาก่อน
“ไม่ดีกว่า พวกแกไปกินกันเลยสามคน พอดีวันนี้ฉันมีนัดดูหนังแล้วอะ”
“หูยไรอะ อีกแล้วนะแกคาเรน พักนี้ติดผู้ชายเกินไปปะ ใช่ซี้พอมีแฟนแล้วหายหัว งั้นอย่ามาเช็ดน้ำตาหัวเข่าทีหลัง แล้วกลับมาซบอกฉันก็แล้วกัน” ฌิรินมองค้อน พูดแซวแบบขำ ๆ
ความจริงพวกเราไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้คิดมากด้วยที่เพื่อนหรือคนใดคนหนึ่งจะมีแฟน เว้นก็แต่ฉันนี่แหละ ที่แอบเป็นห่วงคาเรนนิดหน่อยที่คบกับหมอนั่น แต่ที่แน่ ๆ ไม่ได้รู้สึกอิจฉาหรืออะไรเลยนะที่เห็นว่าแฟนเพื่อนหล่อและรวยมากแค่ไหน
แต่ต้องไม่ใช่กับรุ่นพี่วิศวะหน้าหล่อแต่แบดบอยคนนั้น!
ฉันก็แค่กลัว
กลัวว่าเพื่อนตัวเองจะกลายเป็นเหยื่อให้เสืออย่างพี่ไคโรคาบไปกินเล่น ๆ จนได้แต่คิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาเรนอยู่ห่างจากคนแบบนั้นได้มากกว่า
ที่หน้าตึกคณะ
พวกเราก็ยืนรอส่งคาเรนที่เพิ่งจะเดินแยกไปอีกเป็นรอใครบางคนที่หน้าตึก จนกระทั่งเห็นรถซุปเปอร์คาร์คันเมื่อเช้าเข้ามาจอด แต่เชื่อไหม คาเรนรีบขึ้นรถทันที ไม่แม้แต่พาคนคุยของนางมาแนะนำให้พวกเรารู้จักเลยสักคน
เชื่อแล้วอะ …ว่าหวงความหล่อของผู้ชายคนนี้เอามาก ๆ
“กรี๊ดดดด นั่นใช่ไหมคนคุยของคาเรน โห หล่อมากกกก วาสนานางถึงมาก” ฌิรินเอ่ยปากชมไม่หยุด ส่วนสไมล์ก็ร่วมกรี๊ดหนักเข้าอีกคน เอาเข้าไป
“จริงพี่เขาหล่อมากกกกกก อยากได้ผู้ชายแบบนี้”
ฉันได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ มองพวกนางสองคนคลั่งผู้ชาย นี่ขนาดพวกนางสองคนเห็นพี่เขาแค่แวบ ๆ ตอนรุ่นพี่เขาลดกระจกรถเรียกคาเรนเองนะ ยังกรี๊ดกันขนาดนี้
ถ้าพวกหล่อนรู้ว่าเขาเป็นเสือผู้หญิงและเป็นคนที่ทำอะไรกับฉันในคืนนั้น ได้เจอเขาใกล้ชิดแบบท้องชนกันแบบฉันสงสัยช็อก รับรองจะกรี๊ดกันไม่ออก แต่ช่างเถอะฉันปล่อยให้สองนางกรี๊ดกร๊าดหนุ่มรุ่นพี่คนนั้นต่อไป ก่อนที่จะพยายามนึกหาวิธีค่อย ๆ คุยกับคาเรน
จะหาทางบอกเพื่อนยังไงดี ดูคาเรนน่าจะชอบและหวงผู้ชายคนนั้นมาก ฉันจะทำยังไงดีที่จะไม่ให้บัวช้ำน้ำขุ่น
เฮ้อ...งานยากเหมือนกันนะเนี่ย
แต่ในที่สุด ฉันก็นึกออกระหว่างที่เราอยู่บนรถ TAXI!!
“เออพวกแก ฉันไม่อยากไปกินชาบูหม้อไฟแล้วอะ พวกเราเปลี่ยนไปดูหนังกันบ้างดีปะ” ฉันเสนอเพราะโรงหนังก็อยู่ไม่ไกลจากมอ.เรา แถมยังอยู่ทางเดียวกับร้านชาบูหม้อไฟที่พวกเราจะไปอีก
ซึ่งถ้าให้เดา คาเรนก็คงไปดูหนังกับหมอนั่นที่นี่แหละ
“อ้าว แล้วถ้าพวกเราไปดูหนัง จะไม่เจอคาเรน กับแฟนมันเหรอ” สไมล์ทำหน้าเอ๋อ ๆ มองฉัน
“เจอแล้วไงอะ ดีซะอีกพวกเราจะได้ทำความรู้จักแฟนคาเรนด้วยไง ก็เมื่อกี้ไม่เห็นนางพาคนคุยของนางมาแนะนำให้พวกเรารู้จักเลย งั้นพวกเราไปเซอร์ไพรส์นางดีกว่า” ฉันออกไอเดียเล่น ๆ ไม่ได้กะไปเป็นก้างขวางคอคาเรนกับผู้ชายคนนั้นอะไรหรอกแต่ตั้งใจจะขัดขวางเลยล่ะ ฉันจะพยายามหาวิธีบอกคาเรนให้ระวังตัวมากที่สุดถ้าจะคบคนแบบนั้น
“ว่าไงพวกแก จะไปไม่ไป ถ้าไปฉันเลี้ยงเอง”
“ถามได้ไปดิมีคนเลี้ยงนิ"
“ใช่ ไม่พลาด ไปจ้า”
ยัยฌิรินกับยัยสไมล์ตอบแทบจะทันทียัยสองคน
ตอนเสียตังค์ทำอึกอัก พอบอกเลี้ยงเท่านั้นแหละ ตอบพร้อมเพรียงกันทันที ให้มันได้อย่างงี้สิคุณเพื่อนรักทั้งสอง
“งั้นก็เลสโก! พี่TAXI คะ เปลี่ยนโลค่ะ” สไมล์เอ่ยบอกคนขับอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงหนังในเวลาแทบจะไล่เลี่ยกับคาเรน
ที่หน้าโรงหนัง
พอนางหันมาเห็นพวกฉันเท่านั้นแหละ ถึงกับออกอาการเลิ่กลั่กออกมาเลย
“พะ พวกแก มาทำอะไรที่นี่ ไหนว่าจะไปกินชาบูกันไง”
“เอ้า ก็อยากดูหนังเหมือนแกอะ ไม่ได้เหรอ” ฌิรินยิ้มกริ่ม ก่อนมองหาใครบางคนคนนั้นเหมือนฉัน เพราะเห็นคาเรนยืนอยู่คนเดียวไม่มีรุ่นพี่ที่ว่ายืนอยู่ด้วย
“แล้วไหนอะ แฟนแกอยู่ไหน ไปไหนละ” สไมล์ไม่เก็บอาการเลย นางชะเง้อชะแง้สุด ๆ ทำหน้าเหมือนอยากเห็นคนหล่อคนนั้นเต็มที่
“นี่ อย่าบอกนะว่า พวกแกตามฉันมา เพราะอย่างเจอพี่เขาอะ” คาเรนจ้องหน้าพวกเราทีละคน
“บอกไว้เลยนะ คนนี้ห้ามยุ่ง” นางขู่พวกเราฝ่อ ๆ เหมือนลูกแมว
เชื่อแล้วจ้าว่าหวงแฟน
...
“คาเรน”
เสียงเรียกจากด้านหลังของคาเรน พร้อมการปรากฏกายของรุ่นพี่คนนั้นที่กำลังเดินตรงมา ทำเอาทั้งสไมล์กับฌิรินเก็บอาการไม่มิดพากันสะกิดกันไปมาตัวบิด จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดอยู่ที่พวกเรา สายตาคมคู่นั้นไล่มองทีละคน ก่อนจะมองสบตามาที่ฉัน เรียวคิ้วหนาขมวดกันเล็กน้อยแล้วคลายลงแล้วหันไปมองที่คาเรน
ใช่! เขากำลังทำเป็นเมินสายตาของฉันที่จ้องอยู่
“ใครอะคาเรน นี่เพื่อนเราเหรอ”
“อื้อใช่ กลุ่มคาเรนเอง บังเอิญพวกนางอยากมาดูหนังเหมือนกัน” คาเรนเอ่ย
“งั้นก็เอาดิ ดูหลาย ๆ คนก็สนุกดี มีตั๋วกันยัง พี่เลี้ยงเองล
เขาเอ่ยยิ้ม ๆ แต่ไม่มองหน้าฉัน หมั่นไส้อะ ทำเป็นตัวเป็นสุภาพบุรุษสายเปย์ต่อหน้าสาว แต่คงมีแต่ละมั๊ง ที่รู้ว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนยังไง
“พวกเรายังไม่ได้ซื้อตั๋วเลยค่ะ แต่ถ้าพี่จะซื้อให้ก็ขอบคุณมากนะคะ” ฌิรินไม่ปฏิเสธก่อนหันไปสะกิดสไมล์ให้พูดต่อ
“ว่าแต่…แล้วคาเรนจะไม่แนะนำให้เรารู้จักพี่เค้าให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ” สไมล์ยิ้มตัวบิดพลางสะกิดแขนคาเรนอีกต่อ ให้รีบแนะนำให้พวกเราได้รู้จักคนคุยของนาง
“ย่ะ จะแนะนำให้” คาเรนมองค้อนสองนางเป็นพิธี ก่อนจะหันไปยิ้มให้พี่เขา สองมาตรฐานชัด ๆ
“นี่พี่ไคโรนะ เรียนอยู่คณะวิศวกรรมโยธาปี4” เขายกยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก มองพวกเราเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนละสายตามองไปที่หน้าคาเรนต่อ
“ส่วนนี่ยัยฌิรินยัยสไมล์และนี่ยัยนาบี” เราสองคนสบสายตากันทันทีเมื่อคาเรนแนะนำชื่อฉัน เห็นสายตาพี่ไคโรชะงักไปเล็กน้อย เขาคงจะจำฉันได้แหละ แต่ก็ทำเป็นหลบสายตาหันไปยิ้มให้กับยัยคาเรนที่ตอนนี้ยื่นมือไปเกาะแขนของเขาอยู่
“เจอกันอีกแล้วนะคะ” ฉันพูดขึ้น ตั้งใจจะให้ทั้งคาเรนและเพื่อนทุกคนสงสัย ทว่าเพราะประโยคนั้นทำให้พี่ไคโรหันมาสบตากับฉัน แต่เป็นด้วยสายตาที่ชาเฉย พอ ๆ กับใบหน้าหล่อเรียบนิ่งของเขา
เขาจ้องมองฉันก่อนจะพูดขึ้น…
“น้องน่าจะจำคนผิด เพราะว่าพี่เหมือนจะไม่เคยเจอน้องมาก่อนนะครับ?”
กึก...เพล้งง
หน้าแตกยับ หน้าฉันชาวาบไปทันที