“เลียตรงนั้นอีกหน่อยสิ..”
“ทำแรงกว่านี้ได้ไหม..”
“นายกำลังทำให้ฉันคลั่ง..”
....
ยิ่งนึกถึงเรื่องน่าอายเมื่อคืนยิ่งปวดหัว
“พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูขอโทษT^T” ฉันได้แต่โทษตัวเองในใจ คือฉันจะไม่อะไรเลยเว้ย ถ้าเมื่อคืนมันจะไม่ใช่ครั้งแรกของฉัน แถมยังเป็นใครก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ เขาเป็นรุ่นพี่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน
โอยยยย จะบ้าตาย ทำไงดีวะเนี่ย
“แกเป็นอะไรของแกนาบีดีดดิ้นไปมาอยู่ได้” ยัยฌิรินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ เพราะตอนนี้ขนาดเข้ามาในคลาสเรียนและกำลังเรียนอยู่แท้ ๆ แต่ฉันก็คิดถึงแต่เรื่องเมื่อวานไม่ยอมหยุด แถมยังมีแต่ภาพ18+ อยู่ในหัวเต็มไปหมด
“ฮื่อฉันจะทำยังไงดีพวกแกT^T” ฉันพูดพร้อมกับอยากจะร้องไห้ออกมา
“มีเรื่องอะไรกัน ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่า?”
เสียงของยัยคาเรนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนเอ่ยทักก่อนจะเลื่อนเก้าอี้เข้ามาสุมหัวกับพวกเรา
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้..” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงเบา
โชคดีที่ตอนนี่เป็นเวลาพักเบรกพอดีฉันเลยเล่าออกมาได้ แถมเพื่อนๆ ฉันก็ยังพร้อมใจกันขยับเข้ามาสุ่มหัวเพื่อฟังใกล้ ๆ อีก
“เมื่อวานฉันพลาดมีวันไนต์กับผู้ชาย”
“เฮ้ยยยย ยัยนาบี!”
ทั้งสามคนประสานเสียง ฉันมองเพื่อนหน้าสาวทั้งสามคนที่พร้อมใจกันเรียกชื่อฉันโดยพร้อมเพรียง
“พวกแกอย่าเพิ่งจ้องฉันกันแบบนั้นดิ เครียดอยู่เนี่ย”
“บ้าไปแล้วแก แล้วแกจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับผู้ชายคนได้ไหม”
“จำได้ดิ ทำไมจะจำไม่ได้ พวกแกจำรุ่นพี่ที่พวกไอ้ตินชวนพวกเราไปดูแข่งรถไหม” นั่นเป็นข้อมูลที่ฉันกับเพื่อนรู้ รู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นชื่อแซ่อะไรไม่รู้เลย
“หา ผู้ชายคนนั้นเหรอ” ฌิรินทำหน้าตกใจ ในขณะที่สไมล์ถอนหายใจออกมา พลางทำท่าลุกขึ้นยืน
“งั้นพวกเราก็เดินไปถามพวกไอ้ตินจบ ๆ ไป พวกมันรู้จักพี่เขาแน่”
“เฮ้ยอย่า! พวกแกจะบ้าเหรอสไมล์ ขืนไปถามพวกมัน ฉันอายตายห่า”
ฉันรีบห้ามพวกนาง ก่อนที่เรื่องราวไปกันใหญ่ เรื่องแบบนี้น่าอายจะตายไปรู้ถึงไหนอายถึงนั้น
“อ้าว แล้วแกจะรู้ได้ไงว่าเขาเป็นใคร”
“อ่า ฉันคิดว่าพี่เขาน่าจะเรียนคณะวิศวะ”
“คณะวิศวะ?”
ถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ เพราะฉันจำได้รางๆ ว่าเห็นเขาใส่สร้อยเกียร์อยู่ และตอนที่เขาเคลื่อนไหวอยู่บนตัวฉัน เกียร์ของเขาก็เคลื่อนไหวไปมาจนติดตา
“งั้นถ้ามีเกียร์ ก็ต้องเรียนคณะวิศวะแหละ”
ฌิรินกอดอก ในขณะที่คาเรนยังคงเงียบกริบไม่แสดงความเห็นใด ๆ ออกมา ก่อนที่สไมล์จะนึกอะไรออกแล้วทำหน้าตาตกใจ
“เชี่ย คณะวิศวะมอ.เราด้วย โคตรเชี่ยเลยนะแก”
“ทำไมอะ” ฉันหันไปถามอย่างสไมล์ด้วยสีหน้าตื่นไม่แพ้กัน
“แกบ้าไปแล้วเหรอยัยนาบี แกไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องผู้ชายคณะวิศวะของมหาลัยเรารึไง!”
ยัยสไมล์พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังจนฉันเริ่มวิตก
“ขะ …ข่าวอะไรอะ” ฉันเอ่ยถามซึ่งตอนนี้ความกังวลของฉันมันนำหน้าไปแล้ว
“แกเคยได้ยินข่าวที่มีผู้หญิงโดนผู้ชายคณะนั้นแอบถ่ายตอนมีเซ็กส์แล้วเอาไปปล่อยลงเน็ตปะ”
“เชี่ยย…” ทั้งฉันยัยคาเรนและฌิรินต่างสบถออกมาพร้อมกันทันที
“ไม่ใช่แค่นั้นนะยังมีพวกที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคแต่ก็ยังหลอกสาวไปนอนให้ติดโรคตามพวกมันอีกด้วย” มาถึงตรงนี้ฉันก็เกิดความเครียดขึ้นมาทันที
“และที่แย่ที่สุดคือไรรู้ปะ?”
“ไรวะ”
“ท้องไง!”
“หะ!” ฉันเบิกตาโตทันทีกับคำว่าท้องเดี๋ยวนะเมื่อคืนฉันกับผู้ชายคนนั้นเราได้ป้องกันรึเปล่าวะ โอ้ย จำไม่ได้เลยจำให้ได้สิวะยัยนาบี!
“แล้วนี่แกได้ป้องกันกันรึเปล่า” ยัยคาเรนถามฉันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนฉันก็พยายามนึกอย่างสุดความสามารถ
จนกระทั่ง …
“ป้องกัน! ใช่!..เขาใส่ถุงยางอยู่ฉันจำได้แล้วเพราะฉันได้กลิ่นช็อกโกแลต ใช่ ๆ มันคือถุงยางกลิ่นช็อกโกแลตแน่ ๆ ” ฉันเอ่ยขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจที่นึกออก แต่ใบหน้าเพื่อนแต่ละคนรวมถึงคนรอบข้างต่างมองฉันด้วยสายตาประหลาด
กรี๊ดดดด นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย!!
“เออ งั้นถ้าแกมั่นใจว่าเขาป้องกันก็ดีแล้ว แต่ ฉันว่าแกควรไปคุยกับผู้ชายคนนั้นหน่อยไม่ดีกว่าเหรอ” คราวนี้เป็นยัยสไมล์ที่พูดขึ้น
“ไปทำไม โอยไม่เอา ฉันอาย..พวกแกไม่รู้หรอกว่าฉันเมาและทำบ้าอะไรไว้ขนาดไหนขนาดตัวฉันยังแทบจะรับตัวเองไม่ได้เลย” ฉันยกมือขึ้นจนแทบจะทึ้งหัวทั้งสองข้าง
จะถามหาความรับผิดชอบอะไรก็ไม่ได้ เพราะฉันเป็นฝ่ายที่ชวนเขา แน่นอน ถ้ามั่นใจว่าเขาป้องกันฉันก็หายห่วงเรื่องท้องไส้ เพราะฉันมั่นใจว่าเราสอดใส่กันตอนเขาสวมถุงยางแล้วแน่นอน แถมยังคลายกังวลเรื่องโรคติดต่ออีก
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันกลัวมากที่สุดก็คือการโดนแอบถ่ายนี่สิ
“แล้วถ้าเกิดเขาแอบถ่ายคลิปขึ้นมาแกจะทำไงแกต้องไปคุยให้รู้เรื่องนะเว้ย!” ยัยฌิรินเริ่มไซโคอีกคน จนฉันแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
“จริงนาบี ฉันว่าไปถามให้รุ่นพี่คนนั้นเคลียร์เถอะ แกควรเก็บความอายตัวเองไว้ก่อน เพราะถ้ามีคลิปหลุดขึ้นมามันไม่ใช่แค่อายนะ เรื่องใหญ่นะแก” ตามมาด้วยยัยคาเรนที่ยิ่งพูดให้ฉันจิตตกเข้าไปใหญ่
“แต่พวกแกคิดว่า เขาจะบอกความจริงกับฉันเหรอ ถ้าเขาแอบถ่ายจริงๆ ใครจะกล้าบอก”
“ก็ถ้าฝ่ายนั้นไม่ยอมบอก แกก็ขู่ไปเลยว่าจะไปแจ้งตำรวจและถ้ามีคลิปหลุดออกมาจริง ๆ เขาจะกลายเป็นผู้ร้ายทันที!” ยัยคาเรนเสนอ
“ว่าแต่ฉันจะไปหาเขาเจอได้ยังไงกันแม้จะรู้ว่าอยู่คณะวิศวะแต่คนในคณะก็มีตั้งกี่ร้อยคนแถมชื่อ…ก็ยังไม่รู้อีก” ฉันเอ่ยหน้าเศร้าแม้ว่าเขาจะดูหล่อจนดูเด่นมากก็ตาม แต่ความจริงแล้วผู้ชายคณะนี้มีคนหล่อเยอะมาก จนนึกว่าเป็นคณะที่รวมผู้ชายหน้าตาดีเอาไว้ซะอีก
“เอาเถอะ ไว้ฉันจะถามคนที่ฉันคุย ๆ อยู่ที่คณะวิศวะมาให้ ว่าแต่นอกเหนือจากสร้อยเกียร์แล้ว แกจำอะไรอีกได้ไหม”
ฉันส่ายหน้า ก่อนที่ทั้งฉัน ฌิริน และสไมล์ หันไปมองคาเรนพร้อม ๆ กัน
“เดี๋ยว แกว่าอะไรนะคาเรน แกมีคนคุยที่คณะวิศวะอ่อ”
“ได้ไงวะ มีอะไรไม่บอกเพื่อนเลยนะ”
“ฮั่นแน่ เก็บเงียบเลยนะแก”
เราสามคนพร้อมใจกันโวยวายใส่คาเรนโดยไม่ได้นัดหมาย และเปลี่ยนเป้าหมายจากเรื่องของฉัน เป็นเรื่องของคาเรนทันที
“ก็ เออประมาณนั้นแหละ แค่คุย ๆ กันเฉยๆ ธรรมดา เอาไว้ถ้าฉันจริงจังแล้วอยากจะเปิดตัว จะบอกพวกแกก็แล้วกัน อ่อละก็อีกอย่าง พวกแกลืมไปแล้วหรือไงว่าพี่ชายฉันก็อยู่วิศวะเหมือนกันจำไม่ได้เหรอ ไว้จะถามพี่ฉันให้” คาเรนยักไหล่มองหน้าพวกเราทุกคน
“จำได้ยะ ว่าพี่ชายแกก็อยู่วิศวะ และแกก็หวงพี่ชายแกมาก ไม่เคยบอกชื่อ ไม่เคยพามาให้พวกเรารู้จัก” สไมล์คว่ำปากมองค้อน ก่อนหันไปพยักพเยิดหาแนวร่วมสนับสนุนความคิดกับฌิริน