ฉันกลับมาที่อัฒจันทร์ทั้งที่ยังนึกเคืองรุ่นพี่ที่เป็นนักแข่งรถคนนั้นไม่หาย เสียแรงที่เชียร์เขาซะสุดเสียง รู้งี้เชียร์มหาลัยอื่นไปเลยซะก็ดี
มีอย่างที่ไหนมาได้ดูถูกเพราะคิดว่าฉันไปอ่อย แต่ที่เคืองสุดคือ ฉันไม่สวยตรงไหนก่อน พูดได้ไงฉันไม่ใช่ไทป์ที่เขาชอบ แล้วฉันชอบเขาตายล่ะ ชิ...
อย่าให้เจออีกแล้วกัน!
หลังจากที่พวกเราดูแข่งรถเสร็จ พวกเราก็เคลื่อนทัพกันไปตี้ที่ผับแถวหน้ามอ.ต่อ ซึ่งผับนี้เรียกว่าเป็นจุดศูนย์รวมของมหาวิทยาลัยเราเลยก็ได้
และอาจเป็นเพราะว่ากลุ่มพวกเราที่มา มีกลุ่มเพื่อนผู้ชายในคลาสเดียวกันมาด้วย ทำให้วันนี้พวกเราเลยกล้าดื่มกันแบบสุด ๆ อย่างน้อยที่มีเแต่เพื่อนสนิทกันเอง เลยคิดว่าน่าจะปลอดภัยจากผู้ชายคนอื่นที่พวกเราไม่รู้จัก
แต่ก็นะ ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย ซึ่งพวกมันกวนตีนมาก แกล้งชงเหล้าแบบเพียว ๆ ให้พวกเราดื่ม ส่วนไอ้ฉันมันก็ประเภทไม่อยากเสียหน้าไม่ได้ไง เพื่อนชงมาให้เท่าไหร่ฉันก็ดื่มจนหมดแก้วตลอด
พอแก้วทีหนึ่ง ที่สอง ที่สามผ่านไป หลังจากนั้นฉันก็นับไม่ได้แล้วว่าจัดไปแล้วกี่แก้ว …
รู้ตัวอีกที หัวหนักมาก มากจนแทบจะเอาใบหน้าราบไปกับโต๊ะที่นั่งได้เลยด้วย
“พวกมึงงงง กูอยากกลับไปนอนแล้ววะ” แทบเรียบเรียงออกมาไม่เป็นประโยค
“โหย... ไอ้นาบีอ่อนวะ ไหนว่าคอแข็งไง”
“แข็งกับผีสิ กูเมาจะตายแล้วเนี้ย"
“โห ไอ้นาบีคออ่อนสัส” พวกมันยังมีหน้ามาล้ออีก ก็นะ พวกมันเป็นผู้ชาย ส่วนฉันเป็นผู้หญิงจะไปคอแข็งเหมือนพวกมันได้ไงก่อน
“เออ กูอ่อน กูยอมรับ แต่กูง่วงเข้าใจปะ”
ฉันจำได้ลาง ๆ ว่าสมองของฉันตอนนี้คิดถึงที่นอนเป็นที่สุด ก่อนที่สายตาของฉันจะไปปะทะเข้ากับชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่กำลังมองตรงมาที่ฉัน
เขา…นั่งดื่มไม่ไกลจากโต๊ะพวกเราอีกที
และฉันจำได้ดี ผู้ชายคนนั้น คนที่เป็นรุ่นพี่นักแข่งรถที่ฉันเจอก่อนหน้านี้
สายตาเขาคมกริบ มองตรงนิ่งมาที่ฉัน แต่กลับมีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ทำให้ฉันไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้
แล้วหลังจากนั้นเหรอ....
หึ....จำได้อีกทีฉันก็อยู่บนเตียงกับชายที่ฉันสบตานั่นแหละ
แต่ก็ไม่รู้เลยว่าเราสองคนไปลงเอยจนถึงตรงนั้นได้อย่างไร
….
….
….
“เออนี่พวกแกจำได้ปะว่าฉันหายไปตั้งแต่ตอนไหน”
ฉันหันถามยัยฌิรินกับยัยสไมล์ที่มองหน้ากัน ก่อนจะพยายามช่วยกันนึก ไม่แปลกที่พวกนางสองคนจะมองหน้าแบบเอ๋อ ๆ เพราะเมื่อคืนพวกนางก็จะเมามากพอ ๆ กับฉันแหละ
“แกเหรอ น่าจะตอนไปเข้าห้องน้ำ”
“ใช่ ๆ หลังจากนั้นแกก็หายไปเลย แต่พวกเราคิดว่าแกหนีไปกลับบ้านไปก่อน”
คำพูดของยัยสไมล์ทำให้ฉันนึกประมวลความทรงจำของตัวเองทั้งหมด ก่อนที่ฉันก็เบิกตาโตขึ้นมาด้วยความตกใจ
เพราะฉัน...
จำ!ได้!แล้ว!
...
ย้อนกลับไปเมื่อคืน
“นาบีแกจะไปไหน”
“อือไปห้องน้ำเดี๋ยวมา” ฉันบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงยานคาง ก่อนจะเดินโซซัดโซเซมองหาหน้าป้ายห้องน้ำ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน
ปึก!
“อ๊ะ..ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับคนที่ฉันเดินเซไปชน ก่อนจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง
“อ้าวว นะนาย..นายสุดหล่อนี่ ชนกันอีกแล้วนะ แหะ แหะ”
ฉันชี้นิ้วใส่หน้าอกเขาด้วยรอยยิ้มของคนเมา แต่ดูจากสีหน้าของเขาที่เอาแต่มองฉันด้วยสายตาเรียบนิ่ง จนฉันไม่รู้ว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้อยู่ในอารมณ์ไหน เลยต้องรีบดึงมึงกลับทันที
“อึก...ขะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
“เธออีกแล้วสินะ ขยันอ่อยจริง ๆ หลีกไป” คำพูดที่คล้ายเป็นคำดูถูกของเขาทำให้ฉันนิ่วหน้า
“เฮ้เดี๋ยว ใครอ่อยพี่ไม่ทราบ” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ฉันไปคว้าแขนเขาที่กำลังจะเดินไป ใบหน้าหล่อนั่นหันมามองฉันพร้อมกับขมวดคิ้วคล้ายจะตั้งคำถามใส่ฉันว่ามีอะไรอีก อยู่ ๆ เขาก็ยกยิ้มที่มุมปากแล้วเจ้ามือฉันที่จับแขนของเขาออก ก่อนจะดันไหล่ฉันให้ชิดไปกับกำแพงทันที
“ก็อ่อยอยู่หรือไม่ใช่?” เขาขยับเข้ามาใกล้ แต่ยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งหล่อให้ตายเถอะ
“ทำไมอยากเป็นแฟนฉันเหรอ” ใบหน้าหล่อนั่นเอ่ยขึ้นอย่างกวน ๆ ฉันได้แต่จ้องใบหน้าเขาด้วยสายตาเลือนราง ก่อนจะเลื่อนมามองยังริมฝีปากรูปหยักของเขา ซึ่งมันดูน่าจูบชะมัดเลย
“แล้วได้ไหมล่ะ” ความเมาทำให้ฉันพูดอะไรบ้า ๆ ออกไป แต่ใจจริง คือแค่นึกอยากตั้งใจกวนตีนกลับดูบ้างก็เท่านั้น
ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้น ก่อนที่นิ้วของอีกฝ่ายจะดันปลายคางของฉันให้เลิกขึ้นสูง
“หึ ไม่เอาดีกว่า แบบเธอน่าจะจืดชืดเกินไป” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนที่สายตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วปล่อยปลายนิ้วมือจากคางของฉัน ซึ่งสำหรับฉันการที่บอกว่าฉันจืดชืดมันเหมือนโดนหักหน้าเอามาก ๆ
“งั้นก็ลองก่อนดิ จะได้รู้ว่าจืดหรือไม่จืด”
ความที่ไอ้เราก็มีนิสัยไม่ยอมคน ทำให้ฉันเชิดหน้าเถียงจ้องมองสายตากลับใส่เขาไม่ลดละ ก่อนที่จะคว้าแขนของเขาอีกข้าง แล้วเป็นฝ่ายพลิกตัวผลักเขาเข้ากำแพง และเขย่งขึ้นไปจูบเขาทันที
เอาวะเป็นไงเป็นกัน วัดกันไปเลยว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงจืดชืดแบบที่เขาคิด
“อื้มมม~”
คิดว่าอีกฝ่ายจะผลักฉันออก...
แต่เปล่าเลย
เขาจูบตอบฉันในทันทีแถมยังสอดลิ้นเข้ามาอีกด้วย ซ้ำร้ายกว่านั้นคืออีกข้างของเขาบีบเคล้นที่บั้นท้ายของฉันอย่างมันมือ แทบจะไม่สนใจเลยว่า มีใครมองมาที่พวกเราสองคนหรือเปล่า
“แฮ่ก..แฮ่ก”
การจูบแสนเร่าร้อนจบลง ส่วนฉันได้แต่หายใจหอบอยู่แบบนั้น ใบหน้าหล่อของเขามองฉันก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองแล้วมองหน้าฉันอีกครั้ง
“หึ เด็กชะมัด แค่จูบธรรมดาเธอยังหอบแฮกขนาดนี้ ไม่เคยมีใครบอกหรือไงว่าเวลาจูบเขาห้ามกลั้นหายใจ”
"ฉะ ฉัน..." ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ลิ้นรสกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ยังเจือจางอยู่ภายในริมฝีปาก
หัวใจยังคงเต้นระส่ำกับประสบการณ์จูบครั้งแรกในชีวิต มันทั้งตื่นเต้น ทั้งสับสน หัวสมองขาวโพลนไปหมด ทั้งยังรู้สึกแค้นใจไม่หายที่ลงทุนทำถึงขนาดนี้ยังโดนคนตรงหน้าดูถูก
“กลับไปนอนเถอะไป"
เขาทำท่าจะเดินจากไปอีกครั้งแต่ฉันก็คว้าเอาไว้ก่อน
“มีอะไรอีก?” เขาเอ่ยถามฉันด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจนิดๆ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจก่อนจะเอ่ยอะไรบางอย่างกับเขา
บางอย่างที่ตัวฉันเองก็ไม่คิดว่าจะพูดมันออกไปง่ายๆ แบบนี้
“งั้นไปนอนกับฉันไหม จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้จืดชืดอย่างที่พี่คิด”
.....
พอนึกเรื่องบ้า ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกทั้งหมดก็ตามด้วยเสียง
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!”
ใช่...ฉันจำได้ทั้งหมดแล้ว
“แกเป็นบ้าอะไรเนี่ยนาบีหูฉันจะแตก!”
ฉันกรีดร้องออกมาด้วยความอับอายนี่ฉันเป็นฝ่ายรุกผู้ชายก่อน แถมยังชวนเขามามีอะไรกันด้วยเนี่ยนะ
บ้าไปแล้วยัยนาบีแกพึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยเองนะเว้ย พอขึ้นปุ๊บแกก็ทำตัวใจแตกถึงขนาดนี้เลยเหรอ
จะเป็นลม…