“เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ ลี่เซียน เมื่อก่อนพ่อพยายามเคี่ยวเข็ญเจ้าให้เรียนหนังสือตั้งแต่เยาว์วัย อยากให้เจ้าเป็นสตรีที่มีความฉลาดปราดเปรื่อง ไม่โง่เขลาเบาปัญญาและต้องเสียรู้คน หากแต่เจ้ามิใส่ใจแม้แต่น้อย มาบัดนี้เมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ออกมาพ่อก็เบาใจ ถ้าเช่นนั้นนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพ่อจะหานักปราชญ์เพื่อมาสอนหนังสือให้แก่เจ้าเพื่อเตรียมตัวสอบจอหงวนตามที่หวังเอาไว้
“จริงเหรอท่านพ่อ” หญิงสาวดีใจเป็นยิ่งนักเมื่อท่านพ่อในอดีต ชาติสนับสนุนความคิดของเธอ
แทนคำตอบจางหยวนฟู่กลับพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน พร้อมเสียงของภรรยาดังแทรกขึ้นมา
“แต่ข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกออกไปไกลบ้านเช่นนั้น” จางฮูหยิน กล่าวย้อนแย้งออกมา
“เจ้าอยากให้ลูกต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในวังหลวงแทนกระนั้นสิฮูหยิน” หยวนฟู่ดุภรรยาเบาๆ
“ชีวิตนางสนมในวังลำบากลำบนกว่าที่ทุกคนคิด ใช่ว่าทุกคนจะได้เป็นคนที่โปรดปราน หากไม่ได้ถูกเรียกตัวเพื่อเข้าเฝ้าก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต ซ้ำร้ายถ้าฮ่องเต้สวรรคตสนมคนใดที่ไม่มีโอรสหรือเทพธิดาจากสวรรค์จะต้องออกบวชไปตลอดชีวิต เจ้าอยากให้ลี่เซียนมีสภาพเป็นเช่นนั้นหรอกรึ” หยวนฟู่กล่าวตำหนิฮูหยินของตนจนนางเริ่มมีใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ข้ามีลูกสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ท่านพี่ก็ล่วงรู้ว่าข้ารอคอยลี่เซียนมาตลอด แต่ถ้าจะให้เลือกก็ขอให้ลูกมีชีวิตดั่งเช่นคนธรรมดาสามัญ ตระกูลจางก็มั่งคั่งไม่เดือดร้อนเรื่องอะไรสามารถเลี้ยงทุกคนได้อย่างสุขสบายไปตลอดทั้งชีวิต การที่ลูกออกไปเผชิญโลกแบบนั้น ข้าย่อมเป็นห่วง แต่ถ้าจะให้ลูกไปเป็นสนมในวังแล้วละก็ สู้ยอมให้อยู่ในร่างผู้ชายแบบนี้และให้ไปทำตามที่ต้องการเช่นนั้นข้าก็ว่าดีท่านพี่” จางฮูหยินกล่าวเสียยืดยาว
“แล้วไป” หยวนฟู่พูดออกมาเบาๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แล้วเรื่องลี่เซียนกลายเป็นผู้ชายจะทำเยี่ยงไรให้แลดูแนบเนียนไม่มีพิรุธได้เล่า บ่าวไพร่ต้องแปลกใจเป็นแน่ที่จู่ๆ ก็เห็นบุรุษแปลกหน้าโผล่มาในฐานะคุณชายเล็กแต่ลี่เซียนกลับหายไป” หยวนฟู่กล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลก่อนจะได้ยินเสียงของเฟยเทียนเอ่ยขึ้น
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ท่านพ่อก็บอกว่าลี่เซียนเดินทางไปกับข้าเพื่อไปรักษาตัวที่ยอดเขาดอกบัวจนกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ท่านก็บอกว่าได้รับไว้เป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งจะกลายมาเป็นคุณชายเล็กของตระกูลจาง ให้ชื่อว่าจางเสี่ยวหมิงดีหรือไม่”
ทุกคนต่างเห็นชอบในสิ่งที่หลวงจีนหนุ่มให้คำแนะนำ พร้อมเสียงของจางอี้หานเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“ท่านพูดราวกับว่าจะต้องเดินทางกลับเส้าหลินในเร็ววันนี้ หวังว่าสิ่งที่ข้าคิดคงจะไม่ใช่นะ”
แทนการตอบรับหลวงจีนหนุ่มพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันเป็นคำตอบในสิ่งที่อี้หานกล่าวมา
“ข้าจะเดินทางกลับเส้าหลินทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามนี้”
คำกล่าวของเฟยเทียนทำให้จางฮูหยินยกมือขึ้นทาบหน้าอกของนาง
“ท่านมาเพียงไม่กี่วันจะอยู่ต่ออีกมิได้หรอกหรือ ไยจึงต้องรีบเร่งกลับเส้าหลินเช่นนั้นเล่า ตอนนี้ลูกๆ ทั้งแปดคนอยู่ใกล้ๆ แม่ทั้งหมดน่าจะพักผ่อนอีกหน่อยค่อยกลับ จะได้จัดหาเสบียงเพื่อใช้เดินทางไกลและเตรียมกระดาษซวนจื่อมอบให้กับทางเส้าหลินเพื่อคัดลอกคัมภีร์ต่างๆ อย่างไม่ขัดสนด้วยนะ”
“นั้นนะสิท่านอยู่ต่ออีกสักหน่อยเถิด จะได้มีเวลาจัดเตรียมข้าวของต่างๆ นำกลับไปด้วยจะได้มีใช้เมื่ออยู่ที่เส้าหลิน” อี้หานกล่าวสมทบอีกแรง
“มิต้องจัดหาสิ่งใดให้ยากลำบากหรอกพี่ท่าน และท่านแม่ด้วย ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปแล้วหมดสิ้นธุระที่ข้าจะต้องจัดการแล้วที่เหลือเป็นหน้าที่ของพวกท่านแล้วละ”
ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบเมื่อเฟยเทียนยังยืนกรานคำเดิม ก่อนจะได้ยินหลวงจีนหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อีกอย่างเมื่อลี่เซียนเดินทางไปฉางอานให้ลี่อิงติดตามไปด้วยตลอดเวลา เพราะถึงอย่างไรเสียแม้ว่าจะอยู่ในร่างของผู้ชายก็อาจมีความผิดพลาดที่จะคืนร่างกลับกลายเป็นหญิงดั่งเดิม เพราะฉะนั้นให้ลี่อิงคอยติดตามอย่าให้ห่างนะท่านพ่อท่านแม่” กล่าวพร้อมสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อก่อนจะดึงออกมาพร้อมขวดที่ทำด้วยหยกสีขาวยื่นส่งให้ลี่เซียน
“นี่คือน้ำทิพย์จากยอดเขาดอกบัวแห่งหวงซาน เจ้าจงนำติดตัวไปด้วยหากคืนร่างกลับไปเป็นหญิงจงหยดน้ำทิพย์นี้ใส่ปากสามหยดร่างจะกลับคืนเป็นผู้ชายดั่งเดิม นอกจากนี้ยังสามารถใช้ขับพิษร้ายได้ทุกชนิดไม่ว่าจะร้ายแรงเพียงใดก็ตามเพียงแค่หยดเดียว พิษร้ายจะมลายหายไปจากร่างทันที แต่ถ้าใช้น้ำทิพย์จนหมดเมื่อนั้นเจ้าจะไม่สามารถคืนร่างกลับมาได้อีกเลยตลอดทั้งชีวิต”
หญิงสาวรับขวดน้ำทิพย์จากมือพี่ชายด้วยความรู้สึกตื่นเต้นกับคุณสมบัติที่ได้ยินเมื่อครู่ที่ผ่านมา แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ตำนานน้ำทิพย์จากสวรรค์แห่งเทือกเขาหวงซาน ซึ่งระบุไว้ในหนังสือววรรณคดีจีนและประวัติศาสตร์บัดนี้มันมีอยู่จริง
“นี่น่ะเหรอน้ำทิพย์จากสวรรค์แห่งเทือกเขาหวงซาน ในที่สุดตำนานที่ได้ยินก็เป็นเรื่องจริง กรี๊ดดด!!! ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ฟางเซียนที่เธอได้มีโอกาสกลับมา จะกลับไปบอกผู้คนในภพปัจจุบันจะมีคนเชื่อฉันไหมนะ” หญิงสาวทำท่าเคลิบเคลิ้มพร้อมยกมือลูบไล้ขวดหยกตรงหน้าอย่างทะนุถนอมก่อนจะยกขึ้นมาแนบกับใบหน้าของตน ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เห็นอาการประหลาดๆ ของเธอ
“นี่คืออาการของคนที่ถูกเปลี่ยนร่างจากหญิงเป็นชายหรือจากชายเป็นหญิงของน้ำทิพย์จากสวรรค์อย่างนั้นรึเฟยเทียน” หยวนฟู่กระซิบถามหลวงจีนหนุ่ม ที่กำลังยืนมองกิริยาอาการแปลกของลี่เซียนในร่างของบุรุษเช่นกัน
“ไม่หรอกท่านพ่อ นั่นคืออุปนิสัยที่แท้จริงของนาง เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่ใฝ่เรียนรู้ แล้วอีกหน่อยท่านจะเข้าใจเอง... นี่ก็ใกล้จะยามโฉ่ว[3] แล้ว กลับไปนอนพักผ่อนเอาแรงกันเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเตรียมอธิบายเรื่องลูกชายคนที่แปดแห่งบ้านตระกูลจางกันอีก”
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับเฟยเทียน ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนแต่ก็ไม่วายที่จะเข้าไปสวมกอดลี่เซียนด้วยความรักและเอ็นดูแม้ว่าในขณะนี้จะอยู่ในร่างของบุรุษก็ตามทีเถอะ
“เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ไปพักผ่อนต่อเถอะนะ รุ่งเช้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเตรียมการ... ลี่อิงดูแลคุณหนูด้วยนะ” ประโยคสุดท้ายหยวนฟู่หันกลับไปกำชับพี่เลี้ยงคนสนิท หากแต่หญิงสาวโบกมือห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอกท่านพ่อ... ให้ลี่อิงไปพักผ่อนเต็มที่เถอะ เฝ้าข้าไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงอีกแล้ว ลี่เซียนกลับมาหาพวกท่านทุกคนแล้ว” หญิงสาวบอกพร้อมตรงเข้าคล้องแขนพ่อและแม่ดั่งที่เคยทำเป็นประจำ ทำให้จางฮูหยินหัวเราะออกมาเบาๆ ในรอบหนึ่งเดือน
“ลี่เซียนของแท้จริงๆ ด้วย... เอาละ เช่นนั้นพ่อกับแม่ก็ตามใจเจ้า... หมดห่วงแล้วคืนนี้จะได้นอนเต็มตาเสียทีใช่ไหมท่านพี่” ประโยคสุดท้ายจางฮูหยินหันกลับมากล่าวกับสามีก่อนจะค่อยๆ เดินเคียงคู่ไปด้วยกัน พร้อมร่างของอี้หานและลี่อิงต่างพากันเดินตามหลังก่อนจะแยกย้ายไปที่เรือนนอนของตน เหลือเพียงหลวงจีนจางเฟยเทียนและฟางเซียนเท่านั้นซึ่งห้องนอนอยู่ไม่ห่างจากกันมากนัก
“ท่านพี่ล่วงรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะได้กลับมา” จู่ๆ ฟางเซียนก็เอ่ยถามทำลายความเงียบ
หลวงจีนหนุ่มหันกลับมามองใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษที่มีดวงวิญญาณน้องสาวทั้งในอดีตชาติและชาติปัจจุบันแฝงเร้นอยู่ภายใน
“สวรรค์ลิขิตแล้วเจ้าจึงได้กลับมา ข้าเพียงแต่ทำตามพระบัญชาจากเบื้องบนและมีหน้าที่คอยดูแลปกป้องสิ่งสำคัญที่สวรรค์ประทานให้แก่โลกมนุษย์... เจ้าอย่าถามข้าเลยเข้าห้องไปพักผ่อนเถิด เพราะข้าก็ใคร่อยากพักผ่อนเช่นเดียวกัน” หลวงจีนหนุ่มกล่าวตัดบท พร้อมค่อยๆ ก้าวเดินถอยหลัง ก่อนจะเดินหันหลังกลับก้าวไปตามทางที่ทอดยาวเพื่อกลับไปห้องพักส่วนตัวโดยมีสายตาของฟางเซียนมองตามหลัง
“เอ้า!... จู่ๆ ก็กลับซะงั้น... ไปเสียแล้ว... อยากจะถามอะไรตั้งเยอะแยะเพราะมีท่านพี่เฟยเทียนเท่านั้นล่วงรู้ว่าเรามาจากภพปัจจุบันและมาอยู่ในร่างของตัวเองในชาติอดีต แต่ช่างเถอะ พรุ่งนี้ค่อยรอถามใหม่ก็ได้” หญิงสาวกล่าวพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องนอนตามเดิม
โดยไม่ทันสังเกตว่าร่างสูงใหญ่ของหลวงจีนหนุ่มที่กำลังเดินกลับห้องอยู่ในขณะนั้น กำลังค่อยๆ เลือนหายไปช้าๆ ก่อนจะกลายเป็นเต่าเผือกตัวมหึมาคลานต้วมเตี้ยมอยู่ตามทางเดิน พร้อมเสียงรำพึงล่องลอยออกมาจากพญาเต่าตัวดังกล่าว
“ก็เพราะเจ้าตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ก่อนตายถึงได้มีโอกาสกลับมาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้กลับมาเสียทุกคนหรอกนะถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ากอดคัมภีร์อมตะเอาไว้มีหรือจะสามารถกลับมาแก้ไขชาติอดีตของตัวเองได้ เซียนเต่าเช่นข้าก็ต้องเดือดร้อนน่ะสิเมื่อสวรรค์มีพระบัญชา”
สิ้นเสียงรำพึงรำพันเต่าตัวโตพลันคืนร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม ซึ่งในอดีตเคยเป็นเซียนหนุ่มคอยทำหน้าที่รักษาหอสมุดอยู่บนสวรรค์ ก่อนจะได้รับพระบัญชาให้มาดูแลคัมภีร์อมตะที่เบื้องบนประทานให้แก่โลกมนุษย์และมีการรักษาสืบทอดต่อๆ กันมานับตั้งแต่สร้างแผ่นดินจีน โดยมีตระกูลจ้าวที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์ซางทำหน้าที่เก็บรักษามาโดยตลอดจนมาถึงรุ่นปัจจุบันคือจ้าวเทียนอี้ ขุนพลหนุ่มคู่บัลลังก์ของถังเสวียนจงฮ่องเต้
เซียนหนุ่มรูปงามกำลังถือพัดโบกไปโบกมาพร้อมบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“กว่าข้าจะคิดหาวิธีนำเจ้ากลับมาได้เล่นเอารอยหยักบนใบหน้ามีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นไปเท่าไรแล้ว จู่ๆ จะเข้าบ้านตระกูลจางแบบไม่มีปีมีขลุ่ยมีหรือจะทำได้ ดังนั้นหลวงจีนหนุ่มผู้นั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่ข้าจะสวมรอยเข้ามาแทนหาใช่ฝีมือจางเฟยเทียนท่านพี่ของเจ้าเสียที่ไหน นอกจากจะไม่ล่วงรู้สิ่งใดแล้วยังอยู่ไกลถึงเทือกเขาซงซานและที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะฝีมือข้าต่างหากเล่านางหนู... โอ๊ย…ทรมานทรกรรมคนแก่จริงๆ เลย ต้องออกจากการบำเพ็ญตบะมายุ่งเรื่องทางโลก” เซียนเต่าบ่นพึมพำไม่ขาดสาย ร่างเต่าตัวมหึมาค่อยๆ คลานไปตามทางเดินอย่างเชื่องช้าก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด