สำนักกงกง
ร่างสูงโปร่งของจางเสี่ยวหมิงก้าวออกมาจากห้องตรวจร่างกาย ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงด้านหน้าห้องตรวจรวมกับเหล่าบุรุษคนอื่นๆ ที่เข้าวังมาพร้อมกัน ซึ่งหลังจากตรวจร่างกายเสร็จแล้ว ผู้ที่ยังไม่ถูกตัดองคชาติจะถูกส่งตัวเข้าสำนักหมอหลวงเพื่อทำการตัดความเป็นบุรุษออกจากกาย
ส่วนผู้ใดได้ตัดองคชาติแล้วหรือมีสภาพที่ไม่สามารถเจริญพันธุ์ได้ก็จะให้ยืนรออยู่หน้าห้องตรวจเพื่อรอคำสั่งและคัดเลือกเหล่าขันทีแยกย้ายไปประจำตามพระตำหนักของวังหน้าและวังหลังภายในพระราชวังต้าหมิงกง ในขณะที่ด้านหน้าของสำนักกงกงปรากฏร่างของจินเต๋อ ซึ่งเป็นกงกงขั้นสอง คอยถวายการรับใช้ให้แก่องค์ฮ่องเต้ เป็นผู้นำพระบรมราชโองการแต่งตั้ง จางเสี่ยวหมิง ให้เป็นขันทีขั้นห้าประจำหอสมุดหลวงในราชสำนักฝ่ายในพร้อมนำตัวเข้าเฝ้าตามคำพระบัญชา
ทันทีที่จินเต๋อปรากฏกายด้านหน้าสำนักกงกง เหล่ากงกงและขันทีน้อยใหญ่ต่างพากันออกมาจากห้องอย่างพร้อมเพรียงกันพร้อมถวายความเคารพเป็นการใหญ่
“ท่านจินเต๋อมาที่สำนักกงกงมีเหตุสิ่งใดอย่างนั้นหรือขอรับ ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์สิ่งใดให้สำนักกงกงจัดหาเช่นนั้นหรอกรึ” กงกงซึ่งประจำสำนักเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ข้าถือพระบรมราชโองการของฝ่าบาทมา จางเสี่ยวหมิง! รับพระบรมราชโองการ” ประโยคสุดท้ายจินเต๋อเรียกชื่อบุคคลตามพระบรมราชโองการทันที
ทันทีที่ได้ยินประกาศเรียกชื่อ ร่างสูงโปร่งของหนุ่มน้อยแซ่จางก้าวออกมาจากแถวทันที พร้อมก้มลงคุกเข่าหมอบลงกับพื้นเพื่อรอรับพระบรมราชโองการ
“เจ้าน่ะหรือคือจางเสี่ยวหมิง” จินเต๋อเอ่ยถามกลับไปทันที
“ขอรับกงกง ข้าน้อยมีนามว่าจางเสี่ยวหมิง” หนุ่มน้อยตอบกลับไปโดยมิเงยหน้าขึ้นมามอง
จินเต๋อยืนสำรวจมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยหน้ามนตรงหน้า พร้อมเอื้อมมือรับพระบรมราชโองการขององค์ฮ่องเต้จากขันทีผู้ติดตาม เมื่อเหล่าขันทีน้อยใหญ่และทุกชีวิตในสำนักกงกงเห็นเช่นนั้น ต่างนั่งลงคุกเข่ากับพื้นอย่างพร้อมเพรียงเป็นการถวายความเคารพจักรพรรดิของตน
“ด้วย จางเสี่ยวหมิง เป็นผู้รอบรู้และมีความสามารถแตกฉานเหมาะสมที่จะถวายการรับใช้ในหอสมุดหลวง ภายในราชสำนักและฝ่ายในตลอดจนถึงวังหน้า องค์จักรพรรดิจึงประกาศแต่งตั้งให้ จางเสี่ยวหมิง ดำรงตำแหน่งขันทีขั้นห้าประจำหอสมุดหลวงนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” จินเต๋ออ่านประกาศเสียงดังกึกก้องก่อนจะยื่นพระบรมราชโองการส่งให้กับหนุ่มน้อยหน้ามนตรงหน้า
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์จงทรงพระเจริญหมื่นๆ ปี” เสี่ยวหมิงเอ่ยถวายพระพร พร้อมเอื้อมมือรับพระบรมราชโองการจากจินเต๋อกงกง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและสับสนไปหมดที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้
“แตกต่างจากหนังจีนย้อนยุคที่เคยดูอย่างสิ้นเชิงเลยวุ้ย ของจริงอลังการและมีมนต์ขลังจริงๆ เลย” เสี่ยวหมิงรำพึงอยู่ภายใจก่อนจะได้ยินจินเต๋อเอ่ยขึ้น
“ขันทีจาง ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทรงงาน ตามข้ามาโดยเร็วเถิด” จินเต๋อเอ่ยพร้อมหันกายเดินกลับไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว
คำกล่าวของจินเต๋อทำให้เสี่ยวหมิงถึงกับชะงักงันไปโดยพลัน ด้วยไม่คิดว่าองค์จักรพรรดิจะมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าทันทีเพราะภาพเหตุการณ์ในชาติอดีตยังจำได้มิเคยลืมเลือน
“นี่ข้าต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ทันทีเลยอย่างนั้นเหรอ ถ้าเกิดฝ่าบาทเห็นข้าแล้วจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ในอดีตอีกหรือไม่หนอ” เสี่ยวหมิงเริ่มหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเมื่อล่วงรู้ว่าต้องเข้าเฝ้าจักรพรรดิที่ได้คร่าชีวิตตนเมื่อชาติอดีต
“แต่จะว่าไปข้าวิตกไปทำไมในเมื่อตอนนี้ข้าอยู่ในร่างของบุรุษหาใช่ร่างของลี่เซียนแม้แต่น้อย ปอดแหกไปได้สินะ” หนุ่มน้อยรำพึงอยู่ภายในใจโดยไม่ทันสังเกตว่าจินเต๋อหันกลับมามอง เมื่อรู้สึกว่าขันทีซึ่งเพิ่งถูกแต่งตั้งไม่ยอมเดินตามหลังตนมา
“เจ้ามัวชักช้าอยู่ไยเหตุใดจึงมิตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท หากทรงทำให้รอนานหัวจะหลุดออกจากบ่าไปโดยไม่รู้ตัวนะขันทีจาง!” จินเต๋อบอกเสียงเข้ม
“ขอประทานโทษขอรับ ข้ามัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เข้าเฝ้าก็เลยทำอะไรไม่ถูก ไปเดี๋ยวนี้แล้วขอรับกงกง” เสี่ยวหมิงเอ่ยพร้อมรีบเก็บพระบรมราชโองการไว้ใต้ชายแขนเสื้อของตนอย่างรวดเร็วพร้อมรีบรุดเดินตามจินเต๋ออย่างไม่รอช้า ร่างสูงโปร่งของเสี่ยวหมิงเดินตามกงกงคนสนิทขององค์ฮ่องเต้ไปติดๆ ท่ามกลางสายตาของบรรดากงกงและเหล่าขันทีที่มองตามหลังเป็นตาเดียวกัน
“คนจากสกุลจางผู้นี้จู่ๆ ฝ่าบาทก็ทรงแต่งตั้งให้เป็นขันทีขั้นห้าก้าวกระโดดข้ามหน้าข้ามตาผู้อื่นยิ่งนัก ตำแหน่งนี้ต้องถวายงานใกล้ชิดฝ่าบาทและจะต้องมีความรู้ความสามารถพอตัว หาไม่แล้วจะรับใช้ใกล้ชิดมิได้ ข้าอยากรู้นักเชียวว่าคนผู้นี้มีความสามารถถึงเพียงนั้นเลยเหรอ เจ้าล่วงรู้หรือไม่ว่าขันทีผู้นี้มาจากสายขุนนางผู้ใด” หัวหน้าสำนักกงกงเอ่ยถามกงกงที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับตน
“ข้าเห็นในสมุดประวัติบันทึกเอาไว้ว่า พำนักอยู่ที่จวนใต้เท้าจ้าวเทียนอี้ขอรับ” กงกงคนดังกล่าวตอบกลับไป
“ที่แท้ก็คนของท่านแม่ทัพจ้าวอย่างนั้นหรอกรึ... เห็นทีต้องราย งานให้ใต้เท้าเว่ยล่วงรู้เสียแล้ว ว่าใต้เท้าจ้าวเทียนอี้ส่งคนของตนเข้ามาถวายงานคอยรับใช้ฝ่าบาทอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่อยู่ใกล้ฝ่าบาทต้องจับตาดูทุกคน” หัวหน้ากงกงเอ่ยพร้อมเรียกขันทีส่วนตัวของตนก่อนจะกระซิบกระซาบเพื่อส่งข่าวไปรายงานให้อัครเสนาบดีเว่ยเฟ่ยหลงให้ล่วงรู้