“เมื่อสักครู่ข้าได้ยินเจ้าส่งเสียงร้องดั่งเช่นอิสตรี! นี่เจ้า! เจ้าเป็นพวกตัดชายเสื้ออย่างนั้นรึ!” เทียนอี้กล่าวพร้อมรีบยกแขนแข็งแกร่งของตนเองออกจากลำคอของหนุ่มน้อย ท่ามกลางอาการแก้ตัวของเสี่ยวหมิงอย่างเป็น พัลวัล
“ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ก็ท่านบอกกับข้าเองว่าให้ทำตัวแนบเนียนให้สมเป็นขันที จะต้องมีจริตและกิริยาอาการดั่งเช่นอิสตรีมิใช่หรอกหรือขอรับ” เสี่ยวหมิงหาเหตุอธิบายดำน้ำเอาตัวรอด
“แต่ข้าว่ามันออกจะสมจริงเกินไปกระมัง แนบเนียนเกินไปแล้ว เสียงหวีดร้องเมื่อครู่ทำให้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นหญิงหาได้เป็นชายเลยเชียวนะ” เทียนอี้ยังคงคลางแคลงใจไม่เลิกไม่แล้ว
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะให้ข้าทำเช่นไร! เดี๋ยวก็บอกให้ข้าใส่จริตให้แนบเนียนสมเป็นขันที พอทำตามก็บอกว่าแนบเนียนเกินไป ข้าทำตามท่านไม่ถูกแล้วนะท่านอาจารย์” เสี่ยวหมิงแกล้งบ่นพึมพำ พร้อมทำท่าทางกระเง้ากระงอดแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดด้วยความลืมตัว
“นั่นปะไร เจ้าแสดงท่าทีเช่นนี้อีกแล้ว แต่จะว่าไปท่าทางเมื่อครู่นี้ก็แนบเนียนสมเป็นขันทีนักเชียว... เอาเถอะเจ้าจะทำอะไรจงพิจารณาตามความเหมาะสม แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าส่งเสียงร้องดั่งเช่นอิสตรีออกมาอีก หากผู้ใดเห็นเจ้ามีอาการเช่นนั้นจะกลายเป็นพวกตัดชายเสื้อ ทำให้เจ้าอยู่ภายในราชสำนักไม่ได้รู้หรือไม่” เทียนอี้อธิบายให้ฟังอย่างละเอียด
ศิษย์รักหน้ามนพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันและเริ่มเข้าใจกับสิ่งที่แม่ทัพรูปงามพยายามเตือน
“ข้าพอจะเข้าใจแล้วขอรับ และจะระมัดระวังตัวเองให้ดีไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน” เสี่ยวหมิงรับคำอย่างแข็งขัน
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี เจ้าก็จงแก้ผ้าให้ข้าดู... ข้าจะสำรวจร่างบุรุษของเจ้าด้วยตาของข้าเอง” สิ้นเสียงของจ้าวเทียนอี้ เสียงของศิษย์รักร้องโวยวายขึ้นมาทันที
“อะไรนะ! แก้ผ้าให้ท่านดูอย่างนั้นเหรอ... ไม่เอา!!!” หนุ่มน้อยร้องโวยวายเป็นการใหญ่ ท่ามกลางอาการขัดขืนเมื่อถูกแม่ทัพรูปงามลากร่างของตนเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะอยู่เพียงลำพังสองต่อสองภายในห้องนอนของเสี่ยวหมิง
“เอ้า! แก้ผ้าของเจ้าออกให้หมดเดี๋ยวนี้เลย” เทียนอี้ยืนกอดอกพร้อมมองศิษย์รักที่กำลังยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก
“จะช้าอยู่ไยเล่า รีบแก้ผ้าออกให้หมด เจ้ากับข้าต่างเป็นชายเฉกเช่นเดียวกัน ไยจึงต้องอายเมื่อต้องเปลือยกายต่อหน้า รู้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้กว่าที่เจ้าจะได้เข้าไปหอสมุดหลวง ต้องแก้ผ้าเปลือยกายต่อหน้าเหล่ากงกงนับสิบเพื่อตรวจว่าได้ตัดองคชาติหรือไม่ ถ้ายังไม่โดนตัดเจ้าก็ต้องถูกตอนเสียก่อน”
“หา! ถูกตอน! ไม่เอา! ข้าไม่เอา! ก็ไหนท่านบอกกับข้าว่าไม่ต้องถูกตัดองคชาติอย่างไรเล่า” เสี่ยวหมิงส่งเสียงร้องโวยวายดังลั่นไปทั่วจวนแม่ทัพ
“นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมข้าจึงต้องให้เจ้าแก้ผ้าให้ข้าสำรวจร่างกายก่อน เพื่อที่ข้าจะช่วยเจ้ามิให้ต้องถูกสำนักกงกงตัดองคชาติของเจ้าออกไป”
คำกล่าวของจ้าวเทียนอี้ทำให้เสี่ยวหมิงหยุดร้องโวยวายทันที
“ท่านจะทำเช่นไรมีวิธีที่จะไม่ให้ข้าต้องถูกตัดองคชาติก่อนอย่างนั้นด้วยรึ” หนุ่มน้อยเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
จ้าวเทียนอี้พยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันพร้อมเอ่ยขึ้น
“ตระกูลจ้าวของข้ามีสิ่งสำคัญสืบทอดมาจากบรรพบุรุษหลายอย่าง และบางครั้งจำต้องแปรเปลี่ยนตัวเองเพื่อทำหน้าที่สำคัญเพื่อแผ่นดิน ดังนั้นด้วยเหตุนี้ข้าจึงจะให้เจ้าได้เข้าไปเป็นขันทีเพื่อให้สมจริงและแนบเนียนนั้นก็คือ ทำให้ความเป็นบุรุษของเจ้าลีบเล็กลงดั่งเช่นเด็กน้อยแรกเกิด ด้วยการอมรากทารกเอาไว้ใต้ลิ้นนับตั้งแต่คืนนี้ และตลอดเวลาที่เจ้าต้องผ่านการตรวจจากสำนักกงกง เมื่อล่วงรู้เช่นนี้แล้วก็เลิกโวยวายได้แล้ว” เทียนอี้กล่าวพร้อมล้วงเข้าไปใต้แขนเสื้อก่อนจะดึงออกมาพร้อมกับห่อผ้าที่มีรากไม้สีขาวขนาดเล็กๆ อยู่ภายในนั้น
“นั้นคืออะไรท่านอาจารย์” เสี่ยวหมิงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“นี่คือรากทารกสวรรค์ เจ้าอมรากไม้นี้จะทำให้ความเป็นชายของเจ้ากลับไปเป็นดั่งเช่นทารกแรกเกิด จะต้องอมเสียตั้งแต่วันนี้ ห้ามกินอะไรหลังพระอาทิตย์ตกดินให้อมรากทารกเอาไว้อย่างเดียวตลอดเวลาจนกว่าจะผ่านพ้นการตรวจจากสำนักกงกง และอีกรากให้ห่อเอาไว้กับองค์ชาติของเจ้าเพื่อให้ขนาดลดเท่ากับรากทารกนั้น” สิ้นเสียงของเทียนอี้ เสี่ยวหมิงอุทานออกมาดังลั่น
“หา! ลดขนาดความเป็นบุรุษของข้าเท่ารากทารกนี่เลยอย่างนั้นเหรอ” หนุ่มน้อยแทบไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้ดั่งคำกล่าวเช่นนั้น
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็คอยดู! แก้ผ้าออกให้หมดเดี๋ยวนี้ เสียเวลามามากแล้ว” แม่ทัพชื่อก้องเอ่ยเร่งเร้าด้วยความรำคาญ
“แล้วถ้ามันได้ผลจริง ข้ามิต้องมีขนาดความเป็นชายเท่ากับทารกแรกเกิดไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอท่านอาจารย์” เสี่ยวหมิงยังมิวายเอ่ยถามด้วยความกังวล
เทียนอี้ได้แต่ส่ายศีรษะไปมาด้วยความอ่อนใจ เมื่อศิษย์รักเป็นกังวลเรื่ององคชาติของตนเป็นยิ่งนัก
“องค์ชาติของเจ้าจะกลับคืนสู่ขนาดเท่าเดิมภายในเจ็ดวัน มันจะค่อยๆ กลับคืนมาเองทีละเล็กทีละน้อย นอกเสียจากไม่อยากมีองคชาติก็อมรากทารกนี้ติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ความเป็นชายของเจ้าจะเลือนหายไปสิ้นดั่งเหล่าขันทีที่ผ่านการตอนมาอย่างสมบูรณ์”
“เอื๊อก!” เสี่ยวหมิงกลืนน้ำลายลงคอทันทีเมื่อได้ยินแม่ทัพรูปงามกล่าวออกมาเช่นนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยเสี่ยวหมิงแดงก่ำดั่งลูกท้ออยู่ตลอดเวลาเมื่อนึกถึงเรื่องขนาดองคชาติ
ร่างสูงโปร่งกระมิดกระเมี้ยนเขินอายที่จะต้องแก้ผ้าต่อหน้าคนรักแม้จะอยู่ในร่างแปลงของบุรุษก็ตามที่เถอะ ก่อนจะตัดสินใจแก้ผ้าของตนออกจากร่างจนหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว ร่างเปลือยเปล่าปรากฏต่อหน้าจ้าวเทียนอี้ที่กำลังยืนกอดอกมองร่างเปลือยของศิษย์รักเพื่อสำรวจร่างกายก่อนจะถูกสำนักกงกงตรวจ
“ความเป็นบุรุษของเจ้าไม่ธรรมดาเสียนี่กระไร หากแม้นมีฮูหยินแล้วไซร้เจ้าคงได้บุตรจากนางหัวปีท้ายปีเลยเชียว ดูรึขนาดองคชาติของเจ้ามีขนาดเกินบุรุษปกติทั่วไปยิ่งนัก พอข้ามาเห็นแล้วแบบนี้ทำให้สบายใจขึ้นมากว่าเจ้านั้นเป็นบุรุษจริงๆ หาใช่อิสตรีแม้แต่น้อย”
คำกล่าวของเทียนอี้ทำให้เสี่ยวหมิงแปลกใจยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ท่านหมายความว่าอย่างไรข้าไม่เข้าใจ!”
เทียนอี้คลี่ยิ้มออกมาบางๆ พร้อมยื่นถุงผ้าที่บรรจุรากทารกเอาไว้ให้ศิษย์รัก
“ทำตามที่ข้าบอก ถ้าจะให้ดีเจ้าจงอมรากทารกสวรรค์เสียตั้งแต่ตอนนี้จะได้ทันเวลา ท้องยิ่งว่างไม่ได้กินอะไรรากทารกยิ่งส่งผลดีมากขึ้น แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาดูความเปลี่ยนแปลงว่ารากทารกทำให้ความเป็นบุรุษของเจ้ากลับไปเป็นดั่งเช่นทารกน้อยแรกเกิดหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะมาตรวจร่างกายของเจ้าอีกครั้งก่อนเข้าวัง” ขุนพลหนุ่มกล่าวพลางเดินเอามือไพล่หลังพร้อมก้าวออกไปจากห้องนอนส่วนตัวของเสี่ยวหมิง
ท่ามกลางสายตาของศิษย์รักที่มองตามหลังร่างของอาจารย์ไปจนลับสายตา ร่างเปลือยเปล่าของบุรุษยังคงยืนอยู่กลางห้องเช่นนั้นในมือมีห่อผ้าที่บรรจุรากทารกอยู่ตรงหน้า
“นี่น่ะเหรอรากทารกในสมัยโบราณ มีของแปลกประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอ ไม่เคยอ่านเจอในตำราประวัติศาสตร์จากที่ไหนมาก่อนเลย ดีล่ะ ข้าก็อยากรู้นักว่าเจ้าจะมีสรรพคุณดั่งคำกล่าวของท่านพี่เทียนอี้จริงหรือไม่”
หนุ่มน้อยรีบใส่เสื้อผ้าดั่งเดิม ก่อนจะหาพู่กันและหมึกพร้อมกระดาษเพื่อบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับรากทารกพร้อมสรรพคุณเอาไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัวของตน โดยมิล่วงรู้เลยว่ามีสายตาของขุนพลหนุ่มมองลอดผ่านช่องลับเพื่อสังเกตศิษย์รักของตนเพื่อความแน่ใจของตนเอง
“ข้าคงจะตาฝาดจริงๆ เสี่ยวหมิงเป็นบุรุษโดยแท้หาใช่อิสตรีแม้แต่น้อย สิ่งที่ข้าเห็นว่ามีเงาประหลาดวูบวาบคงเป็นเพราะสายตาข้าพร่าเลือนไปเองกระมัง... แต่ถึงอย่างไรเสียเพื่อความแน่ใจพรุ่งนี้ก็จะรู้กัน” จ้าวเทียนอี้พึมพำเบาๆ ก่อนจะปิดช่องลับเอาไว้ตามเดิมพลางค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากห้องที่อยู่ติดกันอย่างเงียบๆ
ข้างฝ่ายเสี่ยวหมิงหลังจากที่บันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับสรรพคุณของรากทารกสวรรค์และวาดภาพรากไม้ดังกล่าวลงในสมุดบันทึกเรียบร้อยแล้ว มือบางที่ถือรากทารกอยู่ในมือก็จับเข้าใส่ปากหมายอมไว้ใต้ลิ้นตามคำแนะนำของจ้าวเทียนอี้ หากแต่มิทันจะนำรากดังกล่าวทำตามเจตนา เซียนเต่าปรากฏตัวขึ้นมาโดยพลันพร้อมเสียงร้องห้ามเอ่ยขึ้นทันใด
“อย่าเอาเข้าปากเด็ดขาดเชียวนะนังหนู!” เซียนเต่าเอ่ยห้ามปรามพร้อมรีบหยิบรากทารกออกจากปากของเสี่ยวหมิงอย่างรวดเร็ว
“อะ... อ้าว... ท่านเซียนเต่าเหตุใดจึงห้ามข้ามิให้อมรากทารกนี้ด้วยเล่า รากไม้นี้ท่านพี่เทียนอี้ให้ข้าอมไว้ใต้ลิ้นเพื่อบดบังความเป็นบุรุษของร่างนี้นะท่าน” เสี่ยวหมิงอธิบายให้เซียนเต่าฟัง
“ผิดถนัดแล้วเสี่ยวหมิง ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ว่าถ้าขืนจะดื้อดึงอมรากทารกสวรรค์นี้ไว้อีกละก็ พรุ่งนี้เช้าจ้าวเทียนอี้จะไม่มีวันที่จะเชื่อว่าเจ้าคือบุรุษอีกต่อไป”
คำกล่าวของเซียนเต่าทำให้เสี่ยวหมิงนิ่งงันไปโดยพลันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ข้าไม่เข้าใจท่านเซียน รากทารกนี้มีผลต่อข้าอย่างไรหรือขอรับ” เสี่ยวหมิงเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเซียนเต่าอธิบายตอบกลับมา
“เทียนอี้เริ่มสงสัยว่าเจ้ามีบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในกายเพราะเหตุ การณ์เมื่อครู่ที่ผ่านมาเป็นต้นเหตุ แม้ว่าข้าจะร่ายเวทกำบังให้แล้วก็ตาม แต่ถ้าผู้ครอบครองคัมภีร์อมตะกับผู้ครอบครองกุญแจบังเอิญสัมผัสถูกกันเช่นนี้ อิทธิฤทธิ์จึงสำแดงออกมา ยากที่จะห้ามอำนาจของคัมภีร์อมตะนี้ได้ ดังนั้นเทียนอี้จึงต้องการพิสูจน์ว่าเจ้า... แท้จริงแล้วเป็นหญิงหรือชายเร้นร่างกำบังมา และรากทารกสวรรค์คือสิ่งที่จะพิสูจน์ร่างบุรุษของเจ้าอยู่ในขณะนี้”
คำกล่าวของเซียนเต่าทำให้เสี่ยวหมิงถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“แล้วถ้าอมไอ้เจ้ารากไม้นี้ตามที่ท่านพี่บอกจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าอย่างนั้นหรือท่าน” หนุ่มน้อยพูดพลางจ้องไปที่รากไม้ที่อยู่ในมือของเซียนเต่าในขณะนี้
“ผลของมันอย่างนั้นเหรอ ความเป็นบุรุษจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย และนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำเพิ่มความมั่นใจให้กับเทียนอี้เข้าไปอีกว่าแท้จริงแล้วเจ้าบดบังร่างจริงที่เป็นหญิงเอาไว้ภายใน” เซียนเต่าพูดพร้อมมองใบหน้าหล่อเหลาของเสี่ยวหมิงที่กำลังนั่งฟังด้วยความรู้สึกสับสนด้วยยังมิรู้ความหมายอันแท้จริง
“เจ้ากำลังคิดว่าเทียนอี้จะมั่นใจได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้วเจ้ามีร่างที่เป็นหญิงซุกซ่อนอยู่ใช่หรือไม่”
หนุ่มน้อยพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันพร้อมเอ่ยขึ้น
“ใช่ขอรับ... ท่านพี่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าร่างที่เป็นหญิงของข้าซุกซ่อนอยู่ในร่างนี้ ข้าฟังยังไงก็ไม่เข้าใจที่ท่านกล่าวแม้แต่น้อย”
เซียนเต่าคลี่ยิ้มออกมาบางๆ พร้อมใช้พัดโบกไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“นั่นก็เพราะรากทารกนี้หากใช้กับบุรุษจริงๆ จะสามารถลดขนาดองคชาติให้กลับไปเป็นดั่งเช่นทารกแรกเกิดจริงตามคำกล่าว แต่ในทางตรงกันข้ามหากผู้ที่ใช้นั้นมิใช่บุรุษโดยแท้ รากทารกจะไม่บังเกิดผลต่อองคชาติของบุรุษผู้นั้นแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ผู้นั้นหาใช่บุรุษโดยแท้อย่างไรเล่า จ้าวเทียนอี้ฉลาดล้ำเลิศยิ่งนัก เป็นการช่วยเหลือเจ้าเพื่อให้เป็นขันทีอย่างแนบเนียนแต่ในขณะเดียวกันก็พิสูจน์ข้อสงสัยที่ติดค้างอยู่ภายในใจตนเช่น เดียวกัน”
เสี่ยวหมิงพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันทันทีเมื่อได้ฟังคำอธิบายจากเซียนเต่า
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ท่านพี่ฉลาดหาตัวจับยากเสียนี่กระไร ข้าต้องขอขอบพระคุณท่านเป็นยิ่งนักที่มาช่วยข้าครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะทำเช่นไรเล่าขอรับถ้าไม่อมรากทารกเอาไว้ พรุ่งนี้ข้าก็ต้องถูกสำนักกงกงจับตอนสถานเดียว” เสี่ยวหมิงบ่นพึมพำอย่างเป็นกังวล
“เจ้ายังมีข้าอยู่จะกลัวทำไมกันเล่า ลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นเซียนบนสวรรค์นะ ย่อมมีอำนาจที่จะทำให้เจ้าไม่ต้องถูกตอนและเทียนอี้ก็ไม่สงสัยด้วย”
คำกล่าวของเซียนเต่าทำให้เสี่ยวหมิงตาลุกวาวขึ้นมาทันที
“ท่านจะทำอย่างไรหรือขอรับ” หนุ่มน้อยเอ่ยถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“ก็ทำเช่นนี้อย่างไรเล่านังหนู!” เซียนเต่ากล่าวพร้อมหัวเราะออกมาเป็นการใหญ่ ก่อนจะใช้พัดของตนชี้ไปยังร่างของหนุ่มน้อยบริเวณองคชาติพร้อมความเป็นชายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเริ่มแปรเปลี่ยนไปแม้แต่เจ้าตัวยังรู้สึก
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ไม่จำเป็นต้องอมรากทารกอะไรนั่นเลยแม้แต่น้อย ข้าร่ายเวทให้องคชาติของเจ้ากลับไปดั่งเช่นทารกแรกเกิดแล้ว เพียงแค่นี้ก็ไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวของเจ้าอีกต่อไปแม้กระทั่งจ้าวเทียนอี้ก็เช่นกัน จะหมดสิ้นความแคลงใจในตัวของเจ้าทุกอย่าง ส่วนขนาดองคชาติเดิมของเจ้าก็จะกลับคืนมาภายในเจ็ดวันเท่ากับการใช้รากทารกนี้เช่นกัน อ๋อ... ข้าเกือบลืมไป เก็บรากทารกนี้เอาไว้ให้ดีนะ เพราะเจ้าได้ของวิเศษจากตระกูลจ้าวเข้าให้แล้วรู้ตัวหรือไม่”
คำกล่าวของเซียนเต่าทำให้คิ้วเข้มของหนุ่มน้อยขมวดเข้าหากันอีกคำรบ
“รากทารกนี้น่ะเหรอของวิเศษตระกูลจ้าว... วิเศษอย่างไรหรือท่าน” เสี่ยวหมิงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้พร้อมเสียงหัวเราะของเซียนเต่าดังกระหึ่มขึ้น
“รากทารกนี้มีคุณสมบัติใช้เป็นยาถอนพิษได้ทุกชนิด และสามารถทำให้รอยแผลทุกอย่างมลายหายไปทันทีเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นแม้แต่น้อย หากแม้นผู้ครอบครองเป็นหญิงจะคงความอ่อนเยาว์ไปถึงครึ่งชั่วคน นั่นหมายความว่าถ้าเจ้านำรากทารกนี้ไปต้มจนได้น้ำเคี่ยวสุดท้ายและดื่มเข้าไป หากเจ้ามีอายุยี่สิบในขณะที่ดื่ม เมื่อดื่มรากทารกนี้เข้าไปจะคงความอ่อนเยาว์ที่อายุยี่สิบไปถึงห้าสิบปีต่อการดื่มเพียงหนึ่งครั้ง และนอกเหนือจากนั้นก็คือช่วงอายุของเจ้าจะให้กำเนิดแต่บุตรชายเท่านั้นจนไปถึงอายุแปดสิบปี นี่คือสรรพคุณของรากทารก เป็นคุณแก่อิสตรีอย่างยิ่งยวดแต่ให้คุณแก่บุรุษเพียงบางอย่างเท่านั้น”
“ฮะ! ให้กำเนิดทารกเพศชายจนถึงอายุแปดสิบปีเลยเหรอท่านเซียน... อะไรจะขนาดนั้น” เสี่ยวหมิงถึงกับนิ่งงันเมื่อได้ยินสรรพคุณของรากทารกดังกล่าว ไม่คาดคิดว่านอกจากที่เขียนลงในบันทึกยังมีสรรพคุณล้ำเลิศถึงเพียงนี้เป็นคุณแก่อิสตรีอย่างยิ่งยวด
“ถ้าเช่นนั้นรากทารกก็เหมือนการดำรงอยู่เป็นอมตะดุจเดียวกับคัมภีร์อมตะเช่นกัน แตกต่างแค่ตรงที่รากทารกมีวันตาย แต่คัมภีร์อมตะชีวิตคงอยู่ชั่วนิรันดร... ข้าเข้าใจถูกหรือไม่ขอรับ”
เซียนเต่าพยักหน้าขึ้นลงติดกันเสียงหัวเราะยังคงดังออกมาเป็นระยะๆ
“เจ้าเข้าใจถูกแล้วนังหนู เพราะฉะนั้นเก็บของดีเอาไว้ซะ และอีกอย่างที่เจ้าควรรู้นั้นก็คือ รากทารกนี้นอกจากจะมีสรรพคุณตามที่ข้าบอกแล้ว ตราบใดที่เจ้าอยู่ในร่างของบุรุษห้ามนำไปเคี่ยวมาดื่มเด็ดขาดเพราะมันจะทำให้เจ้ากลับกลายเป็นหญิงอย่างถาวร” เซียนเต่าเอ่ยเตือนก่อนจะได้ยินเสียงเสี่ยวหมิงเอ่ยถามกลับมา
“แล้วข้าจะมีโอกาสได้ใช้รากทารกนี้ไหมขอรับ ในอนาคตข้างหน้าเมื่อได้ครองคู่กับท่านพี่เทียนอี้ข้าจะได้ใช้รากทารกสวรรค์นี้ให้กำเนิดบุตรชายแก่สกุลจ้าวเพื่อสืบทอดสายสกุลต่อไป” เสี่ยวหมิงเอ่ยคาดเดาตามความคิดของตนเอง
“เรื่องในภายภาคหน้าสวรรค์เท่านั้นที่หยั่งรู้ เมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึงเจ้าจะต้องตัดสินใจว่าจะใช้เพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น จำคำของข้าเอาไว้ฟางเซียน” สิ้นเสียงกล่าวร่างของเซียนเต่าค่อยๆ เลือนหายไปโดยพลัน
“อะ... อ้าว ไปซะแล้ว... เฮ้อ!” หนุ่มน้อยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“จะถามอะไรสักหน่อยรีบไปอีกแล้ว ชอบพูดอะไรทิ้งไว้เป็นปริศนาอยู่ร่ำไป ทำราวกับว่าข้าจะแก้ไขปริศนาหรือล่วงรู้ไปเสียทุกเรื่องเลยนะท่านเซียน” หนุ่มน้อยบ่นพึมพำก่อนจะก้มลงรีบแก้กางเกงเพื่อจับความเป็นบุรุษว่าจะมีผลเป็นเช่นไร เพียงครู่ใบหน้าหล่อเหลาก็คลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวดเมื่อมือสัมผัสได้ว่าบัดนี้ความเป็นบุรุษของร่างนี้กลับกลายเป็นดั่งเช่นทารกตามคำกล่าวของเซียนเต่าจริงๆ
“ยอดเยี่ยมเป็นบ้าเลย! สมัยโบราณมีอะไรให้ตื่นเต้นและน่าทึ่งกว่าสมัยปัจจุบันมากมายยิ่งนัก มีข้าเพียงผู้เดียวที่มีโอกาสใช้ชีวิตและเห็นความเป็นอยู่ทั้งสองภพแบบนี้ทั้งโชคดีเสียนี่กระไร” จางเสี่ยวหมิงรำพึงด้วยความดีใจที่ตนได้รับโอกาสที่มิอาจมีผู้ใดเคยได้รับมาก่อน และแน่นอนโอกาสดีที่เข้ามาเยือนจะต้องมีเหตุการณ์ที่พลิกผันและมีสิ่งที่ไม่คาดฝันตามติดมาเสมอเพราะมันคือลิขิตจากเบื้องบน