นั่นยังไม่ทำให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะเอาเขามาเป็นคนรักให้จงได้ รุ้งพรายทำมากกว่านั้น ด้วยการส่งรูปเธอกับเขาในชุดว่ายน้ำไปให้แฟนของคริษฐ์ดู ใส่ร้ายป้ายสีว่าเขามีใจให้เธอ ทั้งที่ก็แค่การไปว่ายน้ำตามประสาพี่น้องทั่วไป
‘ส่งรูปบ้า ๆ พวกนั้นไปให้มลเขาเข้าใจผิด
จิตใจเธอทำด้วยอะไรรุ้ง’
‘ก็รุ้งรักพี่คริษฐ์’
‘แต่พี่ไม่ได้รักรุ้ง’
‘แต่รุ้งรักของรุ้งมาตั้งนาน พี่มลมาทีหลังรุ้งอีก’
‘รักพี่หรืออะไร ความรักมันไม่ใช่แบบที่รุ้งทำหรอกนะ แบบนี้มันเหมือนเด็กใจแตกมากกว่า ต่อไปนี้ห้ามมาบ้านพี่ห้ามมายุ่งกับพี่หรือมลอีก’
‘รุ้งจะมา !’
‘รุ้งพราย !’
‘รุ้งจะมาพี่คริษฐ์จะทำไม คุณป้าพิมพ์ก็ไม่เคยห้าม’
‘ยัยเด็กบ้า ! ดีอยากรู้ว่าต่อไปจะกล้ามาอีกไหม’
คริษฐ์จ้องเธอแบบแปลก ๆ จากนั้นเขาก็ดันตัวเธอเข้ากับผนังห้องนอน รุ้งพรายเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในเรื่องนี้ เพราะทุกครั้งคริษฐ์จะไม่หยาบคายถึงเพียงนี้ อย่างมากก็แค่ด่าทอที่เธอทำเป็นหูทวนลม
‘รู้อะไรไหมรุ้ง ผู้ชายทุกคนบนโลกนี้เขาสามารถมีอะไรกับผู้หญิงที่เขาไม่รักได้ง่าย ๆ ถ้ารุ้งอยากได้พี่ก็จะสนองให้ ก็ดีเหมือนกันมันจะได้จบ ๆ กันไป’ มือทั้งสองของเธอถูกรวบขึ้นเหนือศีรษะ
‘พี่คริษฐ์ !’ เสื้อของเธอถูกเขากระชากจนยืดย้วย
‘พี่จะนอนกับรุ้ง จากนั้นก็จะแต่งงานกับมล รุ้งก็ได้อย่างที่ต้องการถือว่าพี่ช่วยสนองให้ไง อยากร่านดีนัก เห็นอ่อยมานานแล้วนี่ พี่ก็น่าจะสงเคราะห์ให้ได้’
‘พี่คริษฐ์ไม่ !’ คริษฐ์จูบเธอครั้งแรก แต่เป็นจูบที่รุ้งพรายต้องจดจำไปจนวันตาย เพราะมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกลียด กระแทกกระทั้นรุนแรงจนริมฝีปากบวมเป่ง ทุกการสัมผัสหยาบคายทั้งหมด
‘หลังจากเป็นของพี่แล้ว
ก็ออกไปจากชีวิตพี่ด้วยนะยัยเด็กใจแตก !’
ตอนนั้นมือของเธอเย็นเฉียบ เนื้อตัวแข็งทื่อก่อนจะถูกเขาล่วงล้ำไปมากกว่าการจูบและสัมผัสภายนอก เธอก็ออกแรงผลักเขาออกสุดฤทธิ์แล้ววิ่งลงจากห้องนอนของเขาไป มุดลอดรั้วกลับบ้านของตัวเองไปในสภาพที่ไม่กล้าให้มารดาได้เห็น บทเรียนคราวนั้นทำเธอตระหนักถึงความจริงว่าเขาเกลียดและไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำ รุ้งพรายไม่กล้าเข้าเฉียดใกล้บ้านของคริษฐ์ ประจวบเหมาะกับบิดาต้องการให้เธอไปอยู่ด้วย หญิงสาวจึงตัดสินใจไปจากที่นี่ไปให้พ้นกับความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนนี้
เจ็ดปีผ่านไปทุกคนก็ต้องเติบใหญ่ขึ้น ความคิดก็ต้องเปลี่ยนไปจากเดิม ในวันนี้รุ้งพรายมองย้อนหลังไปในวันวาน หญิงสาวเห็นแค่เด็กสาวใจแตกคนหนึ่งที่ทำอะไรไม่คิด พอได้ใช้ชีวิตกับบิดาทุกอย่างมันเปลี่ยนไป มุมมองความคิดการใช้ชีวิตต้องจริงจังและมีเหตุมีผล รุ้งพรายเปลี่ยนไปแต่หัวใจของเธอยังคงเดิม เธอไม่รู้ว่าเขาจะเปลี่ยนคนรักมาแล้วกี่คน แต่สำหรับเธอในหัวใจยังคงมีเขาแค่คนเดียว ตัดไม่ขาดสลัดไม่หลุดเหมือนฝังอยู่ในจิตสำนึกของเธอไปเสียแล้ว
หลังเก็บเสื้อผ้าอาบน้ำเสร็จหญิงสาวก็เปิดหน้าต่างออกมองดูรอบ ๆ บริเวณบ้าน บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ด้านข้างคริษฐ์จะนอนห้องไหน แล้วเขาเป็นอย่างไรบ้างตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมานี้ อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม เพราะกลัวความอยากรู้อยากเห็นจะเป็นแรงจุดไฟรักในอดีตขึ้นมาอีก พอแล้วไม่อยากรู้สึกอับอายขายหน้าแบบนั้นอีกแล้ว หันหลังกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วปิดเปลือกตาลง นานพอสมควรก่อนที่มารดาของเธอจะขึ้นมาปลุกให้ลงไปกินข้าว
“กับข้าวของโปรดของรุ้งทั้งนั้นเลยนะลูก” นางอำไพเลือกทำแต่ของโปรดของลูกสาวทุกจาน
“ขอบคุณค่ะแม่ทำเสียเยอะเลยจะกินหมดไหมนี่” รุ้งพรายนับจานกับข้าวแล้วก็มีถึงสี่อย่างด้วยกัน ลำพังสองคนจะกินหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ต้อนรับการกลับมาของลูกสาวแม่ทั้งทีเหลือก็ใส่ตู้เย็นเก็บไว้กินพรุ่งนี้ต่อได้อีก กินเข้าไปเยอะ ๆ รุ้งผอมไปนะแม่ว่า”
“หืม ไม่จริงมั้งแม่รุ้งน่ะหุ่นพอดีแล้วนะ” คนเป็นลูกก้มลงมองรูปร่างของตัวเองพร้อมกับแย้งมารดาไปด้วย
“จ้าหุ่นดีแล้วก็ยังต้องกิน อ้อพรุ่งนี้แม่ต้องไปทำความสะอาดบ้านคุณพิมพ์เขานะรุ้ง รุ้งอยู่บ้านคนเดียวไปก่อนนะลูก”
“ทำความสะอาดบ้านคุณป้าพิมพ์ ?” หญิงสาวงุนงงเพราะเป็นเรื่องใหม่ที่เธอเพิ่งได้ยิน
“จ้ะ ช่วงหลายปีมานี้เวลาแม่บ้านเขาไม่อยู่หรือลากลับบ้านไปนาน ๆ คุณพิมพ์ก็จะมาจ้างแม่ไปทำความสะอาดบ้านแทน นี่ป้าพุดกับหลานสาวก็ลากลับไปทำบุญกระดูกให้บรรพบุรุษ เห็นว่าจะอยู่ต่างจังหวัดต่อเลยสักอาทิตย์หนึ่ง คุณพิมพ์เลยมาจ้างแม่ทำงานบ้านช่วงนี้”
“เอ่อ แล้วแม่ก็ทำเหรอคะ”
“งานเล็กงานน้อยก็เงินนะลูก อีกอย่างคุณพิมพ์ให้ค่าจ้างแพงด้วยแม่เลยทำ ใครจ้างแม่แม่ก็ทำหมดแหละดีกว่าอยู่เฉย ๆ”
“แล้วขนมของแม่ล่ะคะ”
“ก็เตรียมเอาไว้ให้ลูกค้าเหมือนปกตินั่นแหละ ลูกค้ามาเอาตอนไหนก็ค่อยมาเอาของให้ จากนั้นก็ไปทำความสะอาดต่อ”
“งั้นเอางี้นะคะ พรุ่งนี้รุ้งไปช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านคุณป้าพิมพ์ดีกว่า จะได้เสร็จเร็ว ๆ”
“รุ้งจะทำได้เหรอลูก”
“แม่ยังทำได้เลย ทำไมรุ้งจะทำไม่ได้ล่ะ ก็แค่ทำความสะอาดบ้านแค่นี้เอง”
“ก็ได้ ๆ ความจริงแม่อยากให้รุ้งพักผ่อนนาน ๆ นะ ไม่ต้องมาออกแรงออกเหงื่อแบบแม่หรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ นอนคืนเดียวก็หายเหนื่อยแล้ว ทำความสะอาดก็แค่ช่วงเช้าไม่ใช่เหรอคะ จากนั้นก็มีเวลานอนอีกตั้งเยอะตั้งแยะ” หญิงสาวยิ้มให้มารดา ไม่อยากให้ท่านต้องทำงานหนักเพียงลำพัง อะไรที่ช่วยได้รุ้งพรายก็อยากแบ่งเบา
“แน่ใจเหรอรุ้งว่าจะไปทำความสะอาดกับแม่” คนเป็นแม่เลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย เพราะการไปทำความสะอาดบ้านของนางพิมพ์พรนั้นก็เสี่ยงกับการเจอหน้ากับใครบางคนด้วย
“แน่ใจค่ะ” รุ้งพรายพยักหน้าให้มารดา
“พรุ่งนี้วันอังคาร แม่ว่าพี่คริษฐ์เขาคงไปทำงานแต่เช้า” นางอำไพพูดเหมือนรู้ถึงความลำบากใจของลูกสาว
“ค่ะ ไม่เจอก็ดี” รุ้งพรายฝืนยิ้มออกมา แค่เห็นหลังคาบ้านใจก็สั่น ถ้าเห็นคริษฐ์ตัวเป็น ๆ ใจเธอจะเต้นแรงขนาดไหน
“ไม่อยากรู้เรื่องของพี่คริษฐ์เขาเลยเหรอรุ้ง”
“รู้ไปก็เท่านั้นแหละค่ะ รุ้งทำไม่ดีกับพี่คริษฐ์เอาไว้เยอะ เลยไม่อยากสร้างความลำบากใจให้พี่เขาอีก”
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วลูก แต่แม่ว่ารู้ไว้หน่อยก็ดีนะ”
“แม่ก็” หญิงสาวมองค้อนมารดาเล็กน้อย
“พี่คริษฐ์เขายังไม่ได้แต่งงานนะ” แค่ประโยคนี้ของมารดาช้อนที่ตักข้าวเข้าปากของคนเป็นลูกก็ค้างชะงัก เหมือนสิ่งที่คิดเอาไว้ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาบอก ‘พี่จะแต่งงานกับมล’
“พี่คริษฐ์เคยบอกว่าจะแต่งงานกับพี่มลนี่คะแม่”
“ก็เกือบ นั่นแหละลูก จู่ ๆ ฝ่ายหญิงก็เงียบหายไปเลย มารู้ทีหลังจากคุณพิมพ์ แกบอกว่าผู้หญิงไปเจอคนใหม่เลยเลิกกัน ส่วนพี่คริษฐ์เราก็มีแฟนใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่แม่ก็ไม่เห็นจะตกลงแต่งงานกับใครสักที ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนจะยังโสดอยู่นะอายุก็สามสิบสี่ไปแล้ว ยังไม่เห็นมีใครเป็นตัวเป็นตนสักที”
นางอำไพเล่าไปพร้อมกับสังเกตสีหน้าลูกสาวไปด้วย แต่สิ่งที่นางเห็นก็คือแววตาประหลาดใจแต่ไม่ใช่ตื่นเต้นและยินดีเหมือนในอดีต ลูกสาวของตนเมื่อก่อนนั้นแววตาแพรวพราวทุกครั้งที่เอ่ยถึงผู้ชายที่ชื่อ คริษฐ์
“เหรอคะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับรุ้งอยู่ดี ต่างคนต่างอยู่ดีกว่าค่ะแม่ รุ้งอายกับเรื่องในอดีตไม่รู้ทำไปได้ยังไงแต่ละอย่างน่าขายหน้าจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พี่คริษฐ์จะรำคาญและด่ารุ้งในตอนนั้น”
“ลูกแม่โตขึ้นแล้วจริง ๆ คิดไม่ผิดเลยที่ส่งลูกไปอยู่กับพ่อ”
“อยู่กับพ่อจะมาทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ ไม่ได้ค่ะแม่ ทุกวันก็ต้องทำงานช่วยกัน พ่อค่อนข้างจริงจังกับชีวิตของคนงานในไร่และครอบครัวมาก พ่อสอนรุ้งให้จริงจังกับชีวิตของตัวเองด้วย กว่าจะปรับตัวได้ก็สองปีโน่นแหละค่ะ”
“แต่มันคุ้มใช่ไหมรุ้ง” นางอำไพเห็นข้อดีของการส่งลูกสาวไปอยู่กับอดีตสามี คุ้มค่ากับเวลาที่ห่างหายกันไป ขืนอยู่กับตนเองคงได้กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจเหมือนในอดีตแน่
“ค่ะคุ้มค่ามาก รุ้งแข็งแรงขึ้นเยอะ ไม่งอแงเอาแต่ใจแบบเมื่อก่อนแล้วนะแม่ แม่สบายใจได้แล้วนะไม่ต้องมาซักผ้าล้างจานให้รุ้งอีกต่อไป รุ้งทำเป็นหมดแล้วนะแม่”
“ได้ยินแบบนี้แม่ก็สบายใจ” นางอำไพรู้ตัวดีว่าเลี้ยงลูกมาแบบผิดวิธี ตามใจจนเกือบจะเสียผู้เสียคน โชคดีที่มีจุดเปลี่ยนให้รุ้งพรายได้คิดได้
หลังอาหารมื้อค่ำสองแม่ลูกก็ช่วยกันล้างจานจากนั้นก็นั่งดูโทรทัศน์พูดคุยกันตามประสาคนห่างกันไปนาน ราวสามทุ่มก็แยกย้ายกันขึ้นนอน
แสงไฟสว่างวาบขึ้นในห้องที่เคยมืดสนิทมาหลายปี ชายหนุ่มบนชั้นสองของบ้านหลังด้านข้างถึงกับแง้มม่านหน้าต่างเพื่อดู ห้องนอนห้องนั้นคริษฐ์จำได้ดีว่าเป็นของใคร
‘รุ้งพราย’
มือรูดเนกไทออกแล้วโยนลงตะกร้าผ้า ตามด้วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตไปด้วย คริษฐ์เพิ่งเดินเข้าห้องมาเขายังไม่ได้เปิดไฟภายในห้อง เพราะแสงสว่างจากข้างบ้านเรียกความสนใจจากเขาก่อน ยัยเด็กแก่แดดนั่นกลับมาแล้วหรือว่าแค่นางอำไพเปิดไฟในห้องนอนของลูก ซึ่งก็ผิดปกติไปจากทุกวัน เพราะห้องนอนห้องนั้นไม่เคยมีแสงสว่างนับตั้งแต่เจ้าของห้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเมื่อเจ็ดปีก่อน ชายหนุ่มปิดม่านที่แง้มไว้นิด ๆ แล้วเปิดไฟภายในห้องนอน พยายามคิดถึงงานที่จะทำในวันพรุ่งนี้มากกว่าเรื่องของยัยเด็กใจแตกในอดีตนั่น