ตอนที่ : 1 เงาอดีต

1587 คำ
1 เงาอดีต           ‘อย่ามาแก่แดดแก่ลมแถวนี้ พี่เกลียดเด็กใจแตกแบบเธอที่สุดรุ้ง !’          ความทรงจำสุดท้ายที่รุ้งพรายจำได้เกี่ยวกับคริษฐ์ พี่ชายบ้านข้างเรือนเคียงกัน เธอผิดหรือที่เห็นเขาเป็นดั่งเจ้าชาย ใฝ่ฝันอยากได้เขามาเป็นเจ้าของ รุ้งพรายไม่เคยชายตามองผู้ชายอื่นนอกจากเขา เธอก็แค่รักเขาชื่นชอบเขา เธอคิดแค่นั้นจริง ๆ            ‘รำคาญ เลิกตามสักทีจะได้ไหม !’            ตอนนั้นรุ้งพรายยอมรับว่าเธอมองคำต่อว่าของคริษฐ์เป็นเรื่องขบขันไม่เคยคิดละอายแก่ใจแม้แต่น้อย กระทั่งคริษฐ์มีคนรักเธอก็ยังตามติดเขาไม่ยอมปล่อย ใครจะห้ามจะปรามก็ไม่ยอมฟัง คิดแค่ว่าเธอมาก่อนใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ แต่เธอคิดผิด ตอนรุ้งพรายอายุสิบแปดปี เธอถูก คริษฐ์ทำโทษให้หลาบจำ นับจากนั้นหญิงสาวก็แทบไม่อยากเข้าใกล้เขาอีกเลย            “ยังคิดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่อีกหรือรุ้ง” มารดาของหญิงสาวถามพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยของลูกสาว            “ก็นิดหน่อยค่ะแม่ รุ้งไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งหลายปีทุกอย่างเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ” รุ้งพรายในปัจจุบันอายุย่างเข้ายี่สิบห้าปี เพิ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดหลังจากบิดาได้เสียชีวิตลง หญิงสาวหันหน้ามายิ้มให้มารดาซึ่งตอนนี้ท่านก็เริ่มแก่ชราลงไปตามวัย            “แต่ห้องนอนของรุ้งก็ยังเหมือนเดิมนะลูก ขึ้นไปดูกัน” นางอำไพพาลูกสาวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไม้ ซึ่งด้านล่างได้ต่อเติมเป็นปูนตั้งแต่สองปีที่แล้ว ชั้นบนมีระเบียงไม้สีขาวรอบตัวบ้าน เปิดเข้าไปภายในห้องนอนรุ้งพรายก็ยิ้มกว้างในทันที เตียงนอนขนาดเล็กกับผ้าม่านสีขาว มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้งแค่สองชิ้นเท่านั้นเอง หน้าต่างห้องนอนสามารถเปิดกว้างออกเพื่อชมทิวทัศน์ข้างบ้านได้ เมื่อก่อนหญิงสาวชอบใช้มุมนี้ในการแอบมองใครบางคน แต่ตอนนี้สภาพข้างบ้านไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว บ้านไม้สองชั้นหลังด้านข้างในอดีต ได้แปรสภาพเป็นบ้านสองชั้นร่วมสมัยซึ่งสูงกว่าบ้านกว่าของเธอ ชนิดที่ว่าต้องแหงนหน้ามองถึงจะเห็นชั้นสองของตัวบ้าน “คุณป้าพิมพ์สร้างบ้านใหม่เมื่อไหร่คะแม่” “ก็ราว ๆ ห้าปีได้แล้วมั้ง กิจการที่บ้านของคุณป้าพิมพ์เขาเจริญรุ่งเรือง รวยแบบก้าวกระโดดกันเลย” “มีรั้วกั้นสูงแบบนี้แม่กับคุณป้าพิมพ์คงไม่ได้มานั่งคุยเล่นกันเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหมคะ” “ก็ทำนองนั้นแหละรุ้ง คุณป้าพิมพ์เขาเข้าไปทำงานในบริษัทไม่ได้มาเป็นแม่บ้านเหมือนแม่นี่ แต่เขาเก่งนะดูแลบริษัทจนเจริญก้าวหน้าเป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง ยิ่งได้คริษฐ์เข้ามาดูแลช่วยก็ยิ่งรุ่งเรืองไปกันใหญ่” คำบอกเล่าของมารดาทำให้รุ้งพรายสะดุดตรงชื่อของเขาคนนั้น เหมือนเรื่องราวของเธอและเขาถูกสภาพแวดล้อมทำให้ห่างกันยิ่งกว่าเดิมอีก เมื่อก่อนเธอก็แค่ลอดรั้วไม้เก่า ๆ เข้าไปวิ่งเล่นในบ้านหลังด้านข้าง แต่ตอนนี้คอนกรีตหนาหนักสูงราวสองเมตรขวางกั้นจะข้ามไปได้อย่างไร คงต้องยอมรับสภาพที่ว่าต่างคนต่างอยู่กันไป “หิวข้าวไหมรุ้ง ขับรถมาไกล ๆ แบบนี้เหนื่อยแย่” นางอำไพเดินมาแตะไหล่ลูกสาว ที่เอาแต่ยืนมองกำแพงรั้วบ้านหลังด้านข้าง “รุ้งชินแล้วล่ะแม่ อยู่ที่ไร่ของพ่อก็ขับรถระยะไกลบ่อยครั้งเหมือนกัน” หญิงสาวบอกแบบยิ้ม ๆ บิดาของเธอมีครอบครัวใหม่ แต่ท่านก็เลี้ยงดูเธอจนจบปริญญาตรี กระทั่งท่านได้เสียชีวิตลงด้วยโรคร้าย รุ้งพรายจึงตัดสินใจยกสมบัติครึ่งหนึ่งซึ่งก็คือบ้านพร้อมที่ดินของไร่ให้กับภรรยาใหม่ของบิดา “แม่ไม่โกรธรุ้งนะคะ ที่ยกสมบัติครึ่งหนึ่งของพ่อให้แม่ฝนกับน้องน้ำพุ” “พ่อเขายกให้รุ้งก็แสดงว่าเขามั่นใจว่าลูกสาวของแม่จะจัดการทุกอย่างได้อย่างยุติธรรม แบบนี้แม่จะไปโกรธรุ้งทำไมล่ะลูก” “แม่ฝนดีกับพ่อมาก น้องน้ำพุก็น่ารัก รุ้งไม่อยากทำให้พวกเขาต้องลำบากค่ะ” แม้จะเจ็บที่บิดาปันใจไปจากมารดา แต่ว่ารุ้งพรายก็หนีความจริงเรื่องนี้ไม่พ้น และเมื่อนานวันเข้าหญิงสาวก็ทำใจกับเรื่องนี้ได้ “อืมแม่รู้” “แต่แม่ก็คือแม่ของรุ้ง คือคนที่รุ้งรักมากที่สุดในชีวิตนะคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปสวมกอดมารดา และรู้ดีว่าทำไมท่านถึงได้ส่งเธอไปอยู่กับบิดา เพราะเพียงแค่อาชีพแม่ค้าขายขนมไทยคงไม่สามารถส่งเสียให้เธอได้เรียนในมหาวิทยาลัยจนจบได้ ลำพังแค่ค่าน้ำค่าไฟก็แทบจะเดือนชนเดือนด้วยซ้ำไป ‘พ่อบอกว่าจะไม่ส่งเสียรุ้งหากรุ้งไม่ไปอยู่กับพ่อ พ่อบอกว่าแม่เอาเปรียบพ่อที่เอารุ้งมาเลี้ยงคนเดียว’                       อดีตนั้นรุ้งพรายไม่รู้สึกยินดีในเงื่อนไขของบิดา แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป การไปอยู่กับบิดาจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอต้องการ            “รุ้งจะกลับมาอยู่กับแม่แบบถาวรเลยนะ บ้านโน้นยกให้แม่ฝนไปแล้วแต่เงินเก็บส่วนหนึ่งของพ่อก็อยู่ที่รุ้ง”            “แม่ดีใจนะที่รุ้งเลือกมาอยู่กับแม่ แต่ว่ารุ้งเคยอยู่ไร่อยู่สวนจะมาทำงานอะไรที่นี่ล่ะลูก” ความดีใจมาพร้อมกับข้อกังขา            “ไม่รู้เหมือนกันแม่ ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เงินรุ้งก็พอมีบ้างยิ่งมีของพ่อด้วยอยู่ไปสบาย ๆ เลยล่ะแม่”            “ไม่เป็นไรอยากพักก็เอาให้เต็มที่แม่ก็ยังขายขนมอยู่เหมือนเดิม ช่วงนี้มีคนมาสั่งให้ส่งตามร้าน แม่ก็เลยไม่ค่อยได้ไปตั้งแผงขายสักเท่าไหร่ เอางี้ไหมรุ้งมาช่วยแม่ทำขนมระหว่างพักดีไหมลูกจะได้ไม่เบื่อนี่แม่ปฏิเสธลูกค้าไปหลายรายแล้วทำไม่ทัน ส่วนใหญ่เขาจะเอาขนมตอนเช้าแม่ตื่นมาทำให้ไม่ทัน แต่ถ้ามีรุ้งมาช่วยแม่ว่าน่าจะทันอยู่นะ” นางอำไพมองเห็นรายได้เพิ่มของตัวเอง โดยมีลูกสาวคอยช่วยเหลือ            “แบบนั้นก็ได้ค่ะแม่ จะได้ไม่เบื่ออย่างที่แม่ว่าด้วย” คนเคยทำงานมาตลอดเห็นด้วยกับผู้เป็นแม่            “มาช่วยแม่ขายขนมนี่แหละ ถ้ามีกำลังเพียงพอแม่จะเปิดร้านเลยรุ้งว่าดีไหม”            “หืม จริงเหรอคะ ก็น่าลองเหมือนกันนะแม่ ลูกค้าของแม่ก็เยอะอยู่ถ้าเปิดร้านมีลูกน้องช่วยดีไม่ดีรวยไม่รู้ตัวเลยนะแม่”            “นั่นสินะ”            สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข ที่ได้วางแผนอนาคตด้วยกัน แม้ไม่ได้มีบ้านหลังใหญ่โตหรือลูกสาวได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคงในอาชีพ นางอำไพก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด                    “เก็บเสื้อผ้าใส่ตู้ไปก่อนนะรุ้ง เดี๋ยวแม่จะลงไปทำกับข้าวมื้อเย็นให้กินอ้อ ถ้าเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วรุ้งก็อาบน้ำนอนพักไปเลยนะ เอาไว้ได้เวลากินข้าวแล้วแม่จะมาตามเอง”            “ค่ะแม่” รุ้งพรายมองตามหลังมารดาที่เปิดประตูออกจากห้องนอนไป รอยยิ้มผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าอย่างสุขใจ แม้งานศพของบิดาท่านไม่ได้ไปร่วมงาน แต่รุ้งพรายก็รู้ดีว่ามารดาของเธอได้อโหสิกรรมให้บิดาเรียบร้อยแล้ว คนเราเมื่อหมดรักกันแล้วก็คงต้องต่างคนต่างไป ความรักไม่อาจบังคับจิตใจกันได้ คิดมาถึงจุดนี้ก็ให้รู้สึกละอายใจนัก หลายปีก่อนเธอยังเด็กและเอาแต่ใจ ทำอะไรหลาย ๆ อย่างลงไปโดยไม่คิด ไม่คำนึงว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกอย่างไร หากย้อนกลับไปได้เธอจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด            ‘ทำอะไรน่ะรุ้ง !’          ‘พี่คริษฐ์ไม่สบายรุ้งเลยจะขึ้นมาดูแลค่ะ’          ‘นี่ห้องนอนพี่นะ’          ‘คุณป้าพิมพ์อนุญาตแล้ว’          ‘แล้วนั่นใส่ชุดอะไร เด็กบ้าเอ๊ย !’          ‘เอ่อ’          ‘ใครสอนให้มาอ่อยผู้ชายถึงบนห้องแบบนี้ ลงไปเลยกลับไปบ้านตัวเองเลยไป๊ !’          อะไรเข้าสิงเธอก็ไม่รู้กล้าโนบราไปหาผู้ชายถึงบนห้อง นางพิมพ์พรไม่รู้เพราะเธอสวมเสื้อคลุมไว้ข้างนอกพอเข้าไปในห้องนอนของคริษฐ์ถึงถอดเสื้อคลุมออก เหลือเพียงชุดนอนตัวบาง ๆ ที่สามารถมองเห็นไปถึงไหนต่อไหน            ‘ยัยรุ้งตอนนั้นเอาสมองส่วนไหนคิด ทำตัวน่ารังเกียจขนาดนั้นได้’          ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความคิดอ่อยผู้ชายมาจากไหน สมควรแล้วที่คริษฐ์ด่าเธอสาดเสียเทเสียขนาดนั้น จากนั้นก็จับเธอโยนออกจากห้องพร้อมเสื้อคลุม ‘อย่ามาแก่แดดแก่ลมแถวนี้ พี่เกลียดเด็กใจแตกแบบเธอที่สุดรุ้ง !’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม