นายจ่าบ้าน พ่อของหล่อนยืนอยู่ไม่ห่าง มองหล่อนด้วยความรักใคร่และภาคภูมิใจ เพราะแค่บุตรีของเขาเปล่งเสียงในท่วงทำนองเพลง ผู้คนไม่ว่าทำอะไรอยู่ ใกล้หรือไกล ต่างชะงักนิ่งราวโดนสะกดด้วยมนตร์เสียงนาง
แม้กระทั่งเจ้าหนุ่มที่ชื่ออิ๋น และสาวคนรัก ยังพากันออกมาจากเงามืด เพื่อตั้งใจฟังเสียงการเวกสาวประจำหมู่บ้าน
คนตีผึ้งชื่อส่วย หยุดรำป้อเกี้ยวพาราสีสตรีที่มิใช่ภริยา ลงนั่งยองๆ อ้าปากเห็นเหงือกดำ ฟังด้วยความเคลิบเคลิ้ม
จอมคิดว่าตัวเขาเองก็ไม่ต่างจากคนเหล่านั้น และเขาก็รู้สึกว่าคืนนี้ เสียงร้องเพลงของน้ำผึ้ง บาดลึกลงในจิตใจเขากว่าทุกครั้ง พร้อมกันนั้นก็สร้างกระแสดึงดูดเขาให้อยากลงไปหา
จอมก้าวไปข้างหน้าจนร่างพ้นพลาญหินที่ยื่นออกมากลางอากาศ
พลังจิตของเขาทำให้เขาไม่ร่วงหล่นลงไปแรงเร็วจากแรงโน้มถ่วงที่กำระทำต่อวัตถุที่มีน้ำหนัก ทว่าเขาค่อยๆ ลอยลงไปราวใบไม้ที่ปลิดปลิวถูกกระแสลมเบื้อล่างต้านทานเอาไว้
ขณะร่างเขาค่อยๆ ลอยลงต่ำสู่ทิศทางที่ร่างอ้อนแอ้นอรชรนั่งอยู่กลางหมู่คน สายตาก็จับอยู่ที่ใบหน้าอ่อนใส ออกรูปหัวใจกรายๆ ผิวปรางเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว
ก่อนฝ่าเท้าแตะผืนพสุธา ร่างมนุษย์ของเขาก็แปรเปลี่ยน กลายเป็นเสือดำตัวขนาดหมาป่าตัวโตๆ
สิ่งที่คงเหลือ ไม่เปลี่ยนแปลงแม้อยู่ในร่างเสือดำ ก็คือสีนัยน์ตาของเขา
จอมในร่างเสือดำเยื้องย่างเข้าไปใกล้กลุ่มชาวบ้านที่มารวมตัวร้องรำทำเพลงในค่ำคืน
ยังไม่มีใครสังเกตถึงสิ่งแปลกปลอม หลายเสียงยังตะโกนขอให้หญิงสาวลูกสาวจ่าบ้านร้องเพลงอีกหลายๆ เพลง
“ร้องอีกเพลงซิ น้ำผึ้ง”
“น่า ร้องอีกเพลงเถอะ”
“อีกหลายๆ เพลงเลยน้ำผึ้ง ร้องจนแจ้งคาตาเลยนะ”
“จะมากไปแล้วตาเส่ย ขืนน้ำผึ้งร้องยันแจ้งก็คงไม่เหลือเสียงแม้แต่จะพูดคุยกันละ”
นายเมย จ่าบ้านหันไปเอ็ดอึงชายอาวุโสคนหนึ่ง แต่สีหน้ายิ้มแย้ม
“น่า...ไม่ร้องจนแจ้งก็ร้องอีกซักเพลงเถอะ ข้าจะได้หลับฝันดี”
“นั่นสิ น้ำผึ้ง ร้องอีกเพลงนะ นะ”
หลายเสียงสนับสนุน
ริมฝีปากบางอ่อนช้อยราวใบอ่อนแรกผลิ รับจมูกโด่งปลายเชิดน้อยๆ แย้มออกจากกัน เห็นฟันขาวราวไข่มุกซี่กลมเล็กเรียงตัวเป็นระเบียบในลักษณาการที่เรียกว่ายิ้ม เมื่อผู้คนรอบๆ ร้องขอให้หล่อนร้องเพลงอีก
น้ำผึ้งชอบร้องเพลง พอๆ กับชอบดีดพิณพิณพื้นเมือง ที่หล่อนฝึกฝนมาแต่เด็ก
น้ำผึ้งคิดว่า ชีวิตหล่อนคงยิ่งกว่าเหี่ยวเฉา ถ้าไม่ได้ร้องเพลง หรือเล่นดนตรีที่ชอบ
ในโลกมืด มีเพียงเสียงเพลง และเสียงพิณเท่านั้นช่วยให้แต่ละวันในชีวิตหล่อนสว่างไสวขึ้นมาได้บ้าง
“ร้อง...ร้องเลย น้ำผึ้ง อีกเพลงเดียวก็ได้”
น้ำผึ้งกวาดตาสีน้ำตาลใสอมสีทองลึกๆ ในหน่วยตากว้างและยาวเรียว มีขนตางอนราวพัดเล่มจิ๋วสีน้ำตาลไม้สักทอง เช่นเดียวกับสีผม ล้อมกรอบ ไปรอบๆ แต่หล่อนก็มองไม่เห็น ได้แต่สำเหนียกถึงความอยากฟังเพลงจากหล่อน ของชาวบ้านที่มาชุมนุมกันกลางลานกว้างของหมู่บ้าน หล่อนจึงประสานมือเข้ากับอก แล้วเริ่มร้องอีกเพลง
เพลงนี้พูดถึงความรักที่มารดามีต่อบุตร
เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ เพราะคนเป็นแม่ยอมสละได้แม้แต่เลือดเนื้อและลมหายใจของตน เพื่อให้ลูกได้มีชีวิตอยู่
ผู้คนพากันเงียบเสียง แม้แต่หนุ่มๆ ที่ล้อมวงกินเหล้า ก็เลิกตะโกนเอะอะ มีแต่เสียงการเวกสาวประจำหมู่บ้านเท่านั้นที่กังวานผสานกับเสียงกระซิบของลมราตรีปนเสียงไม้ฟืนที่กำลังลุกไฟแตกเผียะผะ
จบเพลงสื่อถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่ หล่อนก็ร้องเพลงใหม่เป็นลำเนาของความรักที่สูญเสียไปแล้วได้กลับคืนมา หล่อนใส่ความรู้สึกลงไปจนผู้หญิงหลายคนน้ำตาไหลพราก ผู้ชายอีกหลายคนก็น้ำตาคลอหน่วย
จบเสียงเพลงก็มีแต่ความเงียบ แล้วน้ำผึ้งก็ได้ยินเสียงอุทานด้วยความตกใจของคนหลายคน ก่อนเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นเสียงดังคล้ายเกิดความตื่นตระหนกในวิบตา
น้ำผึ้งรับรู้ถึงกระแสคลื่นแห่งความกลัว ซึ่งแทรกผ่านมวลชน ได้ยินเสียงก้าวเท้ากุบกับถอยห่างจากหล่อน
“อยู่เฉยๆ ลูก” พ่อของหล่อนพูดอยู่ไม่ไกล
น้ำผึ้งอยู่ในโอวาทของพ่อ รู้ว่าพ่อคือปราการป้องกันโพยภัยที่จะเข้าถึงตัวหล่อน พ่อสั่งมาอย่างไรหล่อนจะทำตาม
แต่แล้วก็เหมือนมีลำแสงสีขาวจ้าฝ่าเข้ามาในความมืด น้ำผึ้งรู้สึกว่ามีอะไรอย่างหนึ่งเข้ามาอยู่ใกล้ๆ
“อย่าขยับนะลูก” เสียงพ่อเตือนมาอีก “อยู่นิ่งๆ”
หูรับฟังเสียงสั่งเตือนสั่นๆ ของพ่อ ขณะกายสัมผัสอะไรอย่างหนึ่งเบียดเข้ามาชิดขา ความนุ่มและเรียบลื่นของเส้นขนสั้นๆ ไล้ผ่านมือของหล่อน
“ตัวอะไรจ๊ะ พ่อ?” หล่อนถามเป็นกระซิบ
“เสือดำภูเขา ท่าทางไม่กลัวคนเสียด้วย”
คำตอบที่ได้รับจากบิดา ควรทำให้หล่อนกลัว เพราะรู้ว่าเสือดำนั้นดุร้าย เป็นสัตว์ล่าเนื้อ แต่แปลกว่าหล่อนไม่นึกกลัว แม้จะรับรู้ได้ว่าเสือดำยังคนเดินวนอยู่รอบตัว ก่อนจะหยุดลงข้างๆ ตัวหล่อน เบียดร่างเข้ามาชิดจนขนนุ่มเรียบลื่นตามลำตัวบริเวณสีข้างของมันเบียดเสียดต้นขาหล่อน
ชั่วอึดใจที่ร่างเสือดำเบียดเข้ามาชิดแขน น้ำผึ้งคิดว่าหล่อนได้ยินเหมือนเสียงกระซิบจากอากาศ คล้ายลมพัดหวีดหวิวผ่านช่องเขา
ผิวของหล่อนตื่นตัวเหมือนต้องแดดอุ่นของอรุณรุ่งในหน้าหนาว
ไม่ทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อความหม่นมืดมลายจากดวงตาของหล่อน
น้ำผึ้งตกใจจนพูดไม่ออก มองนิ่งอยู่ที่เสือดำกำลังถูไถหัวกับมือของหล่อน คล้ายว่าอยากให้หล่อนแตะต้องสัมผัสลูบคลำมันบ้าง