เสียงสะล้อ ซอ ซึง และกรับไม้จากชาวบ้านกลางหุบผาเบื้องล่าง แว่วมากับกระแสลม
เขาไม่ต้องเงี่ยหู ก็ได้ยินชัด พอๆ กับสามารถมองเห็นภาพผู้คนเบื้องล่าง ที่กำลังสนุกกับการดื่ม เต้นรำ และประกอบกิจกรรมรอบกองไฟ เพื่อบูชาเจ้าป่าเจ้าเขาและทวยเทพที่พิทักษ์รักษาป่า หลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ได้ผลดี
คนธรรมดาอย่าว่าแต่จะมองเห็นภาพทั้งหลายนี้ แม้เสียงร้องรำก็คงมิได้ยลยิน แต่เขา จอมเวทแห่งปราสาทหินแลง เพียงขึ้นมายืนบนพลาญหินกว้างบนยอดเขาสูง เขาก็สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของคนข้างล่างได้ชัดเจนทั้งหญิงและชาย เด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา
ได้ยินเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะสนุกสนาน เห็นคนตีผึ้งชื่อส่วย กำลังรำเฉิบๆ ป้อหญิง เห็นเจ้าหนุ่มที่ชื่ออิ๋น ดึงเด็กสาวชื่อลำเจียก ลูกสาวหมอตำแยประจำหมู่บ้าน หลบเข้ามุมมืด เพื่อพลอดรัก มุมหนึ่งตาเฒ่าบุญคำกำลังเล่าเรื่องสัปดนให้หนุ่มๆ กลุ่มหนึ่งฟัง ห่างจากกองไฟไม่มาก ยายแก่คำก่องกำลังสวมบทแม่หมอ ทำนายทายทักโชคชะตาสาววัยละอ่อนสองพี่น้องที่พากันหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจกับทำนายที่ถูกอกถูกใจเสียเหลือแล้ว
ทั้งหมดนี้ จอมมองผาดๆ
ความสนใจ ใส่ใจของเขา อยู่ที่หญิงสาวร่างโปร่งบางอรชรอ้อนแอ้น ลูกสาวจ่าบ้าน
หล่อนชื่อน้ำผึ้ง และเขาก็คิดว่าหล่อนคงจะมีเนื้อกายที่หวานหอมดุจน้ำผึ้งสมชื่อ
หล่อนเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย เสียงของหล่อนไพเราะดุจเสียงการเวก และฝีมือดีดพิณพื้นเมืองของหล่อนก็เสนาะจับใจ
จอมคิดว่าพวกชาวบ้านนี้บางทีก็ทำอะไรไร้สาระ และออกจะโง่เง่า
อย่างมาร้องรำทำเพลงบูชาเทพเจ้าเพื่อขอบคุณที่ดลบันดาลให้เก็บเกี่ยวพืชผลได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนี้ก็เหมือนกัน
ดูเหมือนคนเหล่านี้จะไม่รับรู้ว่า ความอุดมสมบูรณ์อยู่ที่ผืนดินที่ใช้เพาะปลูก รวมไปถึงฝนฟ้าที่ตกต้องตามฤดูกาล ถ้าดินดี ไม่แห้งแล้ง ไม่มีมดแมลงมากัดกินเมล็ดพันธุ์และต้นอ่อนที่หว่านไถ พืชผลก็จะงอกงาม ได้ผลผลิตดี
แม้กระทั่งคู่แต่งงานที่อยากมีลูก แต่ไม่มี ก็พากันมากราบไหว้ต้นไม้ ไปถึงจอมปลวก ขอให้มีลูก และถ้าบังเอิญว่าเกิดสมหวังขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับต้นไม้และจอมปลวก ก็จะมาร่ายรำแก้บน เขาอยากจะบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับจังหวะ และธรรมชาติ การบนบานไม่ได้ทำให้ผู้หญิงมีลูกอย่างที่หวังกันได้ แต่พูดไปก็เท่านั้น และเขาก็ไม่อยากทำลายความหวัง ความฝันของพวกชาวบ้านถึงว่าจะโง่ง่าวกันอย่างไรก็เถอะ
หลายครั้ง ในแต่ละช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อพืชยืนต้นแห้งตาย และเมฆไม่ส่งฝนลงมาชโลมดิน พวกชาวบ้านจะรวบรวมความกล้าหาญ พากันปีนขึ้นมาตามทางแคบบนภูเขาจนถึงประตูปราสาทของเขา
ทุกคนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ไม่กล้าสบตาเขา แต่จะขอร้องให้เขาช่วยเหลือ โดยจะมีบรรณาการมาให้ ทั้งข้าวโพดสาลี เม็ดสีขาวขุ่น ลูกเดือยคัดสรรมาแต่เม็ดโตๆ เหล้าที่หมักจากน้ำผึ้ง ภูมิปัญญาของชาวบ้านป่า บางทีก็มีลูกวัวมาให้ทั้งตัว อุตส่าห์คัดมาให้จากของที่มีอยู่น้อยในหมู่บ้าน
คนเหล่านี้ มาขอความเมตตาและอนุเคราะห์จากเขา ถ้าเขาอารมณ์ดีเขาก็จะรับบรรณาการและให้พรตามที่ขอกันมา ได้พรแล้วก็รีบลากลับ หน้าก้มต่ำ ไม่กล้าสบตา แต่แอบใช้มือทำสัญญาณต่อต้านปีศาจร้ายโดยหวังว่า เขาจะไม่เห็น
จอมเคยนึกขันที่พวกชาวบ้านกลัวเขา โดยไม่รู้ถ่องแท้ว่า ถึงเขาจะมีอำนาจมาก ทำอะไรได้หลายอย่างก็จริง และถึงว่าเขาจะใช้อำนาจนั้นได้อย่างกว้างขวาง เขาก็ยังทำได้ไม่ถึงกับที่พวกชาวบ้านนึกกลัวกัน
เสียงซึง ประสานเสียงซอลอยมากับลม แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแม่การเวกสาวประจำหมู่บ้านแทรกขึ้นมาเบาหวิวราวเสียงน้ำค้างกระทบยอดหญ้าในยามเงียบสงัด
ความใสแห่งกังวานเสียงหวานแว่วพอๆ กับแม่คะนิ้งเมื่อต้องแสงอรุโณทัยเมื่อราตรีกรายผ่านหลบทางให้ทิวาวัน
เสียงไพเราะเสนาะหู ลอยผ่านความมืดและเย็นเยียบเข้ามาโอบล้อมดวงจิตวิญญาณของเขา ประหนึ่งเส้นไหมอ่อนนุ่มค่อยๆ ล้อมรัดพยัคฆา
เสียงของลูกสาวจ่าบ้าน...
เสียงกังวานไพเราะจับใจ เรียกเขาให้ก้าวขยับมายืนชิดขอบพลาญหินที่ชะโงกเงื้อมออกมาจากยอดเขา ต่ำใต้ลงไปไม่สิ่งใดรองรับนอกจากหุบเหวละลิ่ว
ณ. ที่หนึ่ง เหนือสายรุ้งสูงขึ้นไปเบื้องบน
มีดินแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งฉันเคยได้ยินมา...
ในครั้งหนึ่งจากบทเพลงขับกล่อม
ที่แห่งหนึ่งเหนือสายรุ้ง, ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงิน
และความฝันทั้งหลายที่คุณกล้าที่จะฝัน
ก็กลายเป็นจริงอย่างแท้จริง
สักวันฉันจะขอตั้งหวังไว้กับดวงดาวแล้วตื่นขึ้น...
ในที่ซึ่งหมู่เมฆอยู่เบื้องหลังตัวฉัน
ในที่ซึ่งความทุกข์ถูกหลอมละลายไป
เหมือนหยดน้ำมะนาว
ณ. เหนือบนยอดสุดของปล่องควัน...
นั่นคือที่ ที่คุณจะหาฉันได้พบ
ณ. ที่หนึ่งเหนือสายรุ้ง, นกบลูเบิร์ดโบยบิน
หมู่นกบินอยู่เหนือสายรุ้ง
แล้วทำไม, โอว์ ทำไมฉันถึงไม่สามารถทำได้....
เสียงหวานค่อยๆ แผ่วหายไปในเวิ้งนภากาศ เสียดแทงลึกลงไปถึงขุมวิญญาณของเขาเหมือนทุกครั้งที่ได้ยินเสียงนี้
เขามองเห็นหล่อนชัด
ร่างบางอรชรน่ารักน่าถนอมสุดใจ นั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กๆ ห่างออกมาจากกองไฟที่กำลังคุโพลงพอประมาณ