4
หงคืนไพร
หลังจากงานรับปริญญาโทเสร็จสิ้นลง หนึ่งสัปดาห์ต่อมา นวลหงก็เดินทางสู่ภูมิลำเนา เจ้าของดวงตาคู่สวยพ่วงแพขนตาหนางอนแบบไม่ต้องดัด กำลังกวาดสายตามองดูบริเวณรอบๆ ด้วยความมึนงงเล็กน้อย หญิงสาวมั่นใจว่าขับรถมาถูกทางแล้วอย่างแน่นอน แต่ทำไมกลับมองไม่เห็นทางแยกเข้าสู่อาณาเขตของอิงตะวันสักที พื้นถนนที่ยังเป็นหลุมเป็นบ่อโคลนจากฝนที่ตกหนักเมื่อตอนบ่าย ยิ่งทำให้คนขับต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เวลาใกล้จะพลบค่ำแล้ว ทำไมเธอถึงใช้เวลาในการเดินทางนานผิดปกติ
‘ให้คนของเราไปรับไหมหง’
'ไม่ค่ะพี่กาลหงจะขับรถไปเอง’
‘ก็ได้มาถึงแล้วโทร.บอกพี่ด้วยนะ’
‘ได้ค่ะ’
หญิงสาวคิดแล้วก็ได้แต่เสียใจไม่น่าปฏิเสธความหวังดีของพี่ชายเลย เพราะอยากจะสร้างความประหลาดใจให้แก่คนเป็นพี่ชาย นวลหงจึงไม่คิดโทรศัพท์หาสุริยกาลในตอนนี้ ตลอดหกปีที่ผ่านมาหญิงสาวกลับบ้านมาปีละครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีคนขับรถมารับมาส่งจึงไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง คราวนี้นวลหงต้องนำรถส่วนตัวของเธอกลับมาด้วย เนื่องจากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดเป็นการถาวร
“ทำไมยังไม่เห็นทางเข้า” สายตาสอดส่องหาป้ายอิงตะวันไปเรื่อยๆ มือก็ประคองพวงมาลัยมุ่งไปข้างหน้า
หากจะมองย้อนไปด้านหลังราวห้าร้อยเมตร ก็จะเห็นว่าป้ายทางเข้าอิงตะวันนั้นถูกพายุฝนเล่นงาน จนล้มระเนระนาดลงไปอยู่ด้านหลังของพุ่มไม้ นวลหงจึงมองไม่เห็นป้ายอันนั้นบวกกับสภาพป่าที่หนาตาขึ้นกว่าปกติ ทำให้หญิงสาวพลัดหลงเข้าไปในอาณาเขตของใครบางคนเข้าโดยไม่รู้ตัว
สภาพอากาศเริ่มครึ้มลงเนื่องจากมีเมฆมาบดบัง นวลหงเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วขึ้น กลัวว่าจะมืดค่ำเสียก่อนที่จะถึงที่หมาย แต่เพราะว่าความรีบร้อนส่งผลให้รถที่หญิงสาวขับพลัดตกลงไปในหลุมโคลนขนาดใหญ่
“อ้าว” นวลหงพยายามเร่งเครื่องอีกครั้ง แต่ว่าล้อทั้งสี่อันกลับหมุนอยู่กับที่ไม่ขยับไปด้านหน้าแต่อย่างใด
“ไม่นะ” เสียงสตาร์ตเครื่องยนต์ดังกระตุกสองสามรอบก่อนจะนิ่งสนิทในเวลาต่อมา หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อจะกดหมายเลขโทร.ออกหาพี่ชาย
"ไม่จริง" หน้าจอที่ดับสนิทกดปุ่มเปิดเครื่องก็ไม่ติด ทำให้หญิงสาวกระแทกฝ่ามือลงบนพวงมาลัยด้วยความเจ็บใจในความสะเพร่าของตัวเอง
"ทำไมไม่ชาร์จแบตฯ ก่อนออกจากกรุงเทพฯ นะ ยัยหง อะ...อ้าว"
ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูออกไปดูรถที่ติดหล่มอยู่ ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย นวลหงแทบอยากจะชักดิ้นชักงออยู่กับเบาะนั่ง หญิงสาวทำใจเย็นยอมรับชะตากรรมด้วยการนั่งนิ่งๆ รอให้ฝนหยุดตกก่อนค่อยคิดหาทางออก
แต่กว่าเม็ดฝนจะลดความแรงเหลือเป็นโปรยปรายบางเบาเวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง งานนี้หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีแน่แล้วเพราะว่าแสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แม้จะเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดแต่นวลหงย่อมรู้ดีว่าเวลากลางคืนนั้นที่นี่อันตรายแค่ไหน สายตาคู่สวยสอดส่องหาหนทางที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปรอบด้าน ประกายแววตาจ้าขึ้นเมื่อได้มองเห็นสิ่งที่เรียกว่าความหวังเข้า
แสงไฟริบหรี่อยู่ลึกเข้าไปในป่าด้านซ้ายมือ ที่คาดคะเนว่าน่าจะไกลเกือบห้าร้อยเมตรจากจุดที่รถจอดอยู่ นวลหงไม่รอช้ารีบเปิดประตูรถแล้วคว้ากระเป๋าสะพายยกขึ้นบังสายฝน หญิงสาวปิดประตูรถเรียบร้อยแล้วก็วิ่งไปยังทิศทางที่มาของแสงไฟนั่น
เส้นทางเล็กๆ ที่เลี้ยวลงจากถนนใหญ่กว้างพอที่รถคันหนึ่งจะวิ่งผ่านได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อมองเห็นรอยล้อของรถยนต์เป็นหลุมกว้างอยู่ตลอดทาง แม้จะแยกไม่ออกว่าเป็นรอยเก่าหรือใหม่ แต่อย่างน้อยนวลหงก็มั่นใจว่าชาวบ้านคนนี้คงพอช่วยเหลือตัวเองได้ เดินผ่านต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้พุ่มหนาตามาสักพักก็เจอกับเป้าหมาย
กระท่อมไม้สักหลังกะทัดรัดนั่นไม่น่าดึงดูดเท่าผู้ชายเปลือยกายท่อนบน ในมือมีขวานไม้ด้ามหนึ่งถืออยู่ จากนั้นเขาก็ยกขวานขึ้นสูง แล้วผ่าลงไปบนท่อนไม้ฟืนท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายอยู่
โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก!
แม้จะเคยพบเห็นบุรุษเพศมานับคนไม่ถ้วน แต่นวลหงกลับตะลึงงันอยู่กับภาพตรงหน้า ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อหน้าท้องยกตัวขึ้นระหว่างที่เขาฟาดแรงลงไปบนท่อนฟืน มันช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากเหลือเกินในปัจจุบัน ก็แน่ละ ยุคนี้ใครจะมายืนผ่าฟืนกลางฝนกัน ส่วนคนที่กำลังผ่าฟืนระบายความเครียดก็เหลือบหางตาไปเห็นหญิงสาวเข้า
"ใคร!"
เจ้าของแววตาดุดันเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่ยืนตัวเปียกฝนอยู่หน้าบ้าน ศิงขรนิ่วหน้าสูงเพราะว่าไม่เคยมีใครกล้าล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตแสนหวงของเขา
"คุณเป็นใคร เข้ามาที่นี่ทำไม!" เสียงตวาดดังลั่นจนคนได้ยินรีบกะพริบดวงตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติกลับคืนมา
"เอ่อ รถฉันเสียน่ะค่ะ เลยอยากจะมาขอความช่วยเหลือ" นวลหงเดินเข้าไปใกล้ๆ บริเวณที่เขาผ่าฟืน พร้อมกับบอกถึงเหตุความจำเป็นที่ตัวเองต้องมายืนอยู่ตรงนี้
"ผมไม่ใช่ช่าง"
เขาเหยียดสายตามองแบบไม่พอใจ คนได้ยินถึงกับหน้าเจื่อนลงอย่างทันตาเห็น นวลหงเหลียวมองดูรอบๆ บริเวณกระท่อมไม้ของเขากลับพบเพียงความผิดหวัง เธอคาดเอาไว้ว่าจะพบรถยนต์สักคัน แล้วจะได้ว่าจ้างให้เขาไปส่งที่บ้าน
"คุณมีรถไหมคะ" แม้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่ก็อยากจะถามให้รู้ความจริง
"มี แล้วจะทำไม"
"ถ้าอย่างนั้นก็ไปส่งฉันที่บ้านได้ใช่ไหมคะ" อาการดีใจจนออกนอกหน้าทำให้อีกคนต้องหรี่หางตามอง
"ไม่ได้" ศิงขรปฏิเสธชัดถ้อยชัดคำ
"อ้าว ทำไมล่ะ"
"รถไม่ได้อยู่ที่นี่ พรุ่งนี้เช้าถึงจะมีคนเอารถมาให้" เขาตอบเสียงราบเรียบ รถของเขาเพิ่งเอาไปเข้าอู่ในเมืองเมื่อสองวันก่อน ศิงขรจึงไม่มีรถขับออกไปไหนตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาจึงเลือกที่จะอยู่กระท่อมไม้แสนหวงอย่างเงียบๆ ปล่อยงานให้คนเป็นตาดูแลไปพลางๆ
"งั้นมีโทรศัพท์ไหมคะ"
"ไม่มี ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้" เขาตอบเหมือนไม่อยากจะต้อนรับแขกแปลกหน้า แต่คนที่เดินทางเหนื่อยมาแล้วทั้งวันกำลังตัวสั่นเพราะตากฝนมาตลอดทาง ครั้นจะให้กลับไปทางเดิมนวลหงก็คิดว่า ไม่ทำแน่
"งั้นฉันขอหลบฝนหน่อยนะ" เจ้าของบ้านยังไม่ได้เอ่ยปากอนุญาต นวลหงก็ตัดสินใจวิ่งตรงเข้าไปในบ้านของเขาหน้าตาเฉย ขืนรอให้เขาเชิญแบบความตั้งใจแรก มีหวังได้หนาวตายกันไปข้างหนึ่ง
"นี่คุณ!" ศิงขรรีบวางขวานในมือลงแล้ววิ่งตามหญิงสาวเข้าไปภายในกระท่อม
เมื่อได้เห็นใบหน้าของแขกผู้บุกรุกใกล้ๆ แบบชัดๆ โดยที่ไม่มีเม็ดฝนมาสาดบัง เจ้าของบ้านหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแน่ แต่ทำไมเขาถึงไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเอาเสียเลย
"ผมอนุญาตคุณแล้วเหรอ"
คำถามเหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยคำว่า ‘มารยาทน่ะมีไหม’ นวลหงรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนที่เปียกปอนเต็มหน้าออก แล้วใช้มือรวบเส้นผมที่เปียกชุ่มบิดน้ำให้ออกจากผมของตัวเองจนหมาด
"รถฉันเสียอยู่ตรงถนนใหญ่ แบตฯ มือถือก็หมด ขอหลบฝนหน่อยนะคะ" หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มให้เจ้าของบ้านหน้าดุ เขาเป็นใครกันเจ้าของถิ่นอย่างเธอทำไมไม่รู้จัก ผู้ชายที่หน้าตามีเอกลักษณ์ดุดันแถมหุ่นหนาบึกบึนเหมือนพระเอกฮอลลีวูดแบบนี้ เป็นใคร?
"ทำไมขับรถมาทางนี้ หรือว่าหลงทาง" ศิงขรนึกสงสัย ปกติไม่มีใครข้ามเข้ามาในเขตของเขาหากไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับอิงตะวันด้วยแล้วยิ่งแทบไม่มีเลย
"ความจริงก็ไม่ได้หลงหรอกนะคะ แต่ว่ามันขับไปไม่ถึงสักที"
"พูดอะไรของคุณ"
"เอาเป็นว่าขอหลบฝนอยู่ที่นี่จนถึงเช้าจะได้ไหม" เพราะคิดดีแล้วถึงได้กล้าเอ่ยคำนี้ออกมา อยู่กับคนหน้าตาดุอย่างเขายังดีกว่าตากฝนอยู่ข้างนอก แถมมืดๆ แบบนี้สัตว์ป่าก็ยังมีออกมาเพ่นพ่านอีก
"ไม่ได้"
"นะคะ คุณจะให้ฉันออกไปตากฝนล่อเหยื่อเสือป่าแถวนี้หรือยังไง"
"ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับบ้านของผม"
"ฉันไม่ใช่คนวุ่นวายนะคะ จะพยายามยามนิ่งๆ ไม่นอนด้วยค่ะคืนนี้" ‘ใครจะหลับลง’