ป่านนี้พี่ชายของเธอคงได้ให้คนออกตามหากันไปทั่วแล้ว นวลหงแอบมองโลกในแง่ดี ว่าพอคนของเธอมาพบรถเข้าก็คงจะตามรอยเท้ามาได้ไม่ยาก แต่หญิงสาวก็คิดผิดถนัด แม้ว่าคนของอิงตะวันจะออกตามหาตัวเธอจริง แต่ก็ไม่มีใครกล้าข้ามเขตเข้ามาในดินแดนของม่านภูผาแน่ เพราะไม่มีใครคิดว่าน้องสาวของสุริยกาลจะหลงทางในบ้านเกิดของตัวเอง
"ไม่กลัวเลยเหรอ" คำถามจากเจ้าของริมฝีปากหนา ทำให้หญิงสาวเริ่มหวั่นไหวเล็กน้อยแต่ก็พยายามทำหน้าให้นิ่งไว้
"ไม่กลัวหรอกค่ะ ฉันมีปืน" คนพูดตบแปะที่กระเป๋าสะพายเบาๆ ไม่ได้อยากจะขู่เขาแต่แค่ระวังตัว
"ปืนมันช่วยได้เหรอ" ประโยคถัดมานวลหงเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล
"ช่วยได้สิคะ จะสัตว์หรือคน มันก็ไม่เคยไว้หน้าใคร"
คนได้ยินถึงกับแค่นขำแม่สาวตรงหน้า จะรู้ตัวบ้างไหมว่าปืนกระบอกนั้นกับเรี่ยวแรงผู้ชายหนึ่งคนนั้นมันเทียบความเร็วกันไม่ได้ เพราะว่ากว่าคุณเธอจะหยิบปืนออกจากกระเป๋าที่รูดซิปสนิทแน่น เขาก็กระโจนถึงตัวเรียบร้อยแล้ว
"ผมว่าเข้าไปในบ้านดีกว่า กลางคืนยุงป่าเยอะ"
เขาพูดไม่ผิดสักนิดเพราะว่าขาเรียวๆ ที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นมันเริ่มจะถูกเจ้ายุงป่ารุกราน นวลหงเดินตามหลังเขาเข้าไปภายในบ้าน หญิงสาวยืนตะลึงเล็กน้อยกับสภาพภายในกระท่อมไม้ มีประตูห้องที่คาดว่าจะเป็นห้องนอนอยู่ด้านขวา ด้านซ้ายที่มีห้องครัวกะทัดรัด ตรงกลางบ้านก็มีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจากไม้สักล้วนตั้งอยู่
"ชุดฉันเปียกค่ะ" เห็นสภาพเรียบร้อยของภายในบ้านแล้วนวลหงก็เกิดเกรงใจขึ้นมาไม่กล้าก้าวเดินเข้าไป
"ไม่เป็นไร คุณเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำก่อน เอาเสื้อผ้าผมไปเปลี่ยนก่อนก็ได้"
"คะ?" อีกคนเอียงหน้าถามตอนแรกเขาเหมือนจะไม่อยากให้เข้าบ้าน แต่ไฉนตอนนี้ถึงได้ยินยอมให้ใช้ห้องน้ำซ้ำยังให้ยืมเสื้อผ้าใส่อีก
"ผมบอกว่าให้คุณเข้าไปในห้องนอนของผม แล้วคุณจะใส่ชุดผมก่อนก็ได้ เลือกได้ตามสบาย" ศิงขรเห็นแม่นกน้อยตกน้ำตัวเปียกปอนแล้วก็เกิดสงสารขึ้นมา ยอมสละเสื้อผ้าให้ใส่แค่วันเดียวคงไม่เป็นไร
“เอ่อ...”
"ไปสิ ปิดประตูแน่นๆ ด้วยล่ะ ผมจะอยู่ข้างนอก" เขาบอกคนที่กุมกระเป๋าสะพายเอาไว้แน่น
‘สู่รู้’
นวลหงแอบต่อว่าเขาในใจ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำในบ้านของผู้ชายเป็นใครก็ต้องกลัว กระเป๋าที่ใส่ปืนจึงถูกนำเข้าไปในห้องน้ำด้วย หญิงสาวปิดล็อกประตูห้องตามคำแนะนำของเขา ป้องกันย่อมดีกว่าแก้ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างแน่นหนาพอที่เขาจะไม่สามารถเข้ามาได้ในตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอยู่ นวลหงจึงรีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเขาแล้วฉวยเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่งออกมา
"ไม่เอาสีขาว" ว่าแล้วก็จัดการเปลี่ยนเป็นเสื้อสีดำแทน ส่วนกางเกงนั้นก็คาดว่าจะเป็นบอกเซอร์ของเขาที่น่าจะใส่ได้ในตอนนี้
สภาพภายในห้องน้ำก็ช่างสลัว ตะเกียงที่เขาติดตั้งเอาไว้ก็แสงริบหรี่เหลือเกิน นวลหงรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เกินสิบนาที หญิงสาวก็ออกมาพร้อมกับแต่งตัวเรียบร้อย
ครั้นเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นเขานั่งนิ่งเป็นหุ่นปั้น เหมือนคนใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ เส้นผมหยักศกที่ถูกตัดแบบไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อยยาวถึงระดับต้นคอ จนต้องเอาหนังยางรัดรวบเอาไว้ ปลายจมูกโด่งนั่นทำให้เขาดูมีเสน่ห์เหลือเกิน คนมองเผลอไปจ้องริมฝีปากหนาได้รูปเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
"จะลวนลามผมทางสายตาหรือยังไง" คนถูกจ้องมองตวาดขึ้นให้อีกคนรู้ตัว
"ปะ...เปล่าสักหน่อย แค่อยากจะมาถามว่าตากเสื้อตรงไหน" นวลหงรีบยกชุดเสื้อลูกไม้แขนกุดกับกางเกงขาสั้นให้เขาดู
"หน้าบ้านมีราวตากผ้าอยู่"
เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินผ่านอีกคนเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำบ้าง นวลหงจึงรีบเปิดประตูออกไปด้านนอก แค่เพียงความมืดที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาก็ทำให้เธอแทบอยากจะปิดประตูหนี แต่ก็ฝืนสะบัดเสื้อผ้าของตัวเองแล้วรีบพาดตากให้เร็วที่สุด
สิบห้านาทีต่อมาศิงขรก็ออกมาในชุดที่ไม่ได้แตกต่างจากเดิม เขาไม่ใส่เสื้อมีเพียงกางเกงชาวเลหนึ่งตัวที่ชอบใส่นอน สิ่งที่แปลกไปก็คือผมเผ้าที่ถูกดึงหนังยางออกแล้วทำการหวีสางให้เรียบร้อย
"ผมว่าคุณคงหิว" เขามองประเมินแขกแปลกหน้า
"ค่ะ หิวจริงๆ" นวลหงก็ใช่ว่าจะปฏิเสธ
"ผมเองก็ยังไม่ได้กินมื้อค่ำ"
"ค่ะ"
"ข้าวหุงแล้วเหลือแต่กับ ครัวอยู่โน่น" เขาบุ้ยหน้าไปด้านซ้ายมือ เพียงแค่นี้อีกคนก็รู้แล้วว่าเธอจะต้องเป็นคนทำ นวลหงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างอิดออด
"ทำไมไม่ถอดชั้นในตากด้วย" คนถูกถามสะดุ้งเล็กๆ เขารู้ได้ยังไง พอก้มลงมองตัวเองก็พบว่าเสื้อชั้นในที่เปียกชื้น ทำให้เสื้อยืดตัวนอกเปียกตามไปด้วย เผยให้เห็นเป็นรอยวงกลมสองวงตรงกลางอก
"เรื่องของฉัน"
คนถูกมองแบบไม่วางตาสะบัดหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป สำรวจจนทั่วแล้วก็พบว่าครัวของเขามีแค่ไข่ไก่ที่พอจะนำมาทำอาหารได้
"ไข่เจียว"
คนเห็นทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ดีกว่าท้องร้องหิวโหยไปทั้งคืน มองไปเห็นหม้อหุงข้าวที่เขาหุงเสร็จแล้วเป็นแบบเตาถ่านก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนวลหงอยู่ในป่าในเขามาตั้งแต่เล็ก เรื่องทำกับข้าวแบบเตาถ่านเธอทำเป็นอยู่แล้ว
ไม่ช้า ข้าวสวยที่โปะหน้าด้วยไข่เจียวสองจานก็ถูกถือออกมาพร้อมๆ กัน คนทำยื่นอีกจานในมือให้เจ้าของบ้าน เขาไม่เอ่ยขอบคุณใดๆ ออกมา แต่ศิงขรกลับกินข้าวที่อยู่ในจานหมดภายในเวลาไม่ถึงห้านาที จากนั้นเขาก็เดินไปยกขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะไม้ขึ้นดื่มแล้วเดินเข้าห้องนอนไป นวลหงได้แต่อ้าปากมองตามด้วยความไม่เข้าใจ หญิงสาวรีบกินข้าวในจานของตัวเองบ้าง ก่อนจะนำไปล้างเก็บไว้ในห้องครัว
เขาปิดประตูเข้าห้องนอนเงียบเหลือตะเกียงเจ้าพายุเอาไว้ให้แค่ดวงเดียว นวลหงคิดว่าเขาน่าจะอยู่พูดคุยกับแขกก่อน แต่ที่ไหนได้ แขกแบบเธอกลับต้องมานั่งวิเวกวังเวงอยู่เพียงลำพัง สักพักใหญ่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดกว้างออก
“หมอนกับผ้าห่มของคุณ”
ตุบ!
ศิงขรโยนสิ่งที่อยู่ในมือลงบนพื้นห้อง นวลหงมองไปรอบๆ ตัวเองก็ไม่พบว่าบริเวณไหนที่ตัวเธอจะหลับนอนได้ในค่ำคืนนี้ พระเอกในละครที่ยอมสละห้องนอนให้นางเอกอย่างเธอคงไม่มีอยู่จริง
“คุณจะให้ฉันนอนตรงไหนคะ” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป
“ตามใจคุณสิ”
“แต่ว่ามันไม่มีที่ไหนที่จะนอนได้เลยนี่นา”
“หรือคุณคิดจะเข้ามานอนในห้องของผม” คำถามเชิงวัดใจของเขาทำให้นวลหงรีบย้อนกลับในทันที
“หรือไม่ก็คุณยอมสละห้องนอนให้ฉัน”
“ทำไมผมต้องทำเรื่องลำบากขนาดนั้นเพื่อใครที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยล่ะ”
‘โอ้แม่เจ้า เขาช่างสุภาพบุรุษมาก’
นวลหงถึงหน้าสลดในคำตอบของเขา มองดูความมีน้ำใจอันน้อยนิดของเขา แล้วก็จำใจต้องเดินเข้าไปหยิบหมอนกับผ้าห่มขึ้นจากพื้น จากนั้นก็เดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ตามเดิม
ปัง
เสียงปิดประตูเบาๆ ของเขาช่างสะท้านไปทั้งทรวง ตะเกียงเจ้าพายุดวงหนึ่งกับคนหลงทางกลางกระท่อมของชายแล้งน้ำใจ คิดแล้วก็นึกขำเล็กน้อยจะคาดหวังความเป็นสุภาพบุรุษจากเขา ซึ่งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ได้อย่างไรกัน เท้าทั้งสองข้างยกขึ้นเหยียบบนเก้าอี้ ผ้าห่มผืนเล็กถูกคลี่คลุมทั้งร่าง นวลหงนั่งกอดเข่าอยู่กับเงาของตัวเองเพียงลำพัง
ฝั่งเจ้าของร่างสูงยังคงยืนนิ่งอยู่ด้านหลังของประตูที่เพิ่งปิดลง
‘ช่างเถอะ’
คนรักสันโดษไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่นคิดแบบนี้ ก่อนจะก้าวขึ้นเตียงนอนแล้วดับตะเกียงลง
แสงตะเกียงในห้องของเขาดับมืดลงไปแล้ว หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ถึงกับเสียวสันหลังวาบ รีบไปยกตะเกียงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้องมาตั้งไว้ตรงโต๊ะด้านหน้าของตัวเองแทน คืนนี้นวลหงตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า เธอจะเล่นจ้องตากับตะเกียงเจ้าพายุนี่แหละจนถึงเช้า แต่พอเผลอไผลไปนิดเดียวคอก็ตก ไหล่ก็เอียง ตาก็เริ่มจะปรือปิดอยู่รอมร่อ
โครม!
เสียงดังเหมือนของหนักตกกระแทกพื้นด้านนอก ทำให้ศิงขรรีบลุกขึ้นแล้วจุดตะเกียงเจ้าพายุอย่างรวดเร็ว เขาหิ้วตะเกียงออกจากห้องนอน ก่อนจะเห็นว่าแขกของตัวเองกำลังยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้างกับตะเกียงที่ล้มลงไปบนพื้นบ้าน
"ทำอะไรของคุณ" เขารีบวางตะเกียงลงแล้วหยิบอันที่ตกพื้นขึ้นมา ด้วยกลัวว่าน้ำมันข้างในจะไหลออกมาเจอกับไฟแล้วเกิดไฟไหม้บ้าน
"ฉันคงละเมอไปปัดโดนมันเข้า" อีกคนก็ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
"เกิดไฟไหม้บ้านผมจะทำยังไง ซวยจริงๆ"
"อะไรกันฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
"ผมตั้งตะเกียงไว้ตรงโน้น แล้วทำไมมันถึงมาล้มอยู่ตรงนี้ได้" แววตาของคนดุจ้องหน้านวลหงแทบไม่กะพริบ ส่วนมือก็ชี้ไปยังโต๊ะอีกอันตรงมุมห้อง
"ก็มันมืด ฉันกลัว...ก็เลยเอาตะเกียงมาเป็นเพื่อน" นวลหงตอบเขาเสียงอ่อยๆ
"คุณนี่มันจริงๆ เลย" คนโกรธได้แต่ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า จ้องหน้าแขกด้วยความรู้สึกอยากจะตะเพิดให้ออกจากบ้านไปในตอนนี้เสียเลย แต่ก็ทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ท้ายที่สุดเขาก็เอ่ยออกมาว่า
"เข้าไปนอนในห้อง"
"หา!"
"ผมบอกว่าเข้าไปนอนในห้องโน่น" คราวนี้เสียงดังฟังชัด แต่นวลหงก็เกิดข้อกังขาต่อมาอีก
"แล้วคุณล่ะ"
"ห้องของผม ผมก็ต้องนอนที่นั่น ไปนอนมันด้วยกันนี่แหละ ไป!"
"ไม่ต้องตะโกนก็ได้ไปก็ไป"
เห็นอารมณ์ฉุนเฉียวของเขาแล้วหญิงสาวก็นึกกลัว รีบหอบหมอนผ้าห่มเดินเข้าห้องนอนของเขาไป ศิงขรได้แต่มองตามไปแบบไม่รู้คิดถูกหรือผิด เขาจัดการตรวจดูความเรียบร้อยแล้วเดินตามอีกคนเข้าไปภายในห้องนอน