บทที่2

1307 คำ
“คุณป่านเข้าไปดูกับไอ้วินสองคนเถอะค่ะ เดี๋ยวทรายหาอะไรทำแถวๆ นี้เอง” เอื้องทรายเอ่ยขึ้นเมื่ออีกสองคนตรงหน้าไม่มีใครพูดอะไรออกมา มันคงดีกว่าให้เธอเข้าไปเห็นภาพการแสดงความรักของพวกเขาสองคนที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ยอมรับอย่างไม่ละอายใจว่าไม่อยากเห็นภาพเหล่านั้น หากเลือกได้ขอไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขายังจะดีเสียกว่า “ได้ไง! มาด้วยกันก็ต้องเข้าไปดูด้วยกันสิ หนังตั้งสองชั่วโมงกว่าแกจะไปอยู่ที่ไหนระหว่างรอ” ธเนศไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แม้จะรักป่านฤทัยมากแค่ไหนแต่กับเอื้องทรายเองเขาก็รัก เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเนิ่นนาน ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางทิ้งเธอได้ลงอยู่ดี “เถอะน่า ฉันอยู่ได้สบายมาก! หนังจบแกค่อยโทรหาฉันก็แล้วกันนะ“ เอื้องทรายตัดปัญหาด้วยการพูดก่อนจะชิงเดินหนีออกมา แม้จะได้ยินเสียงร้องตะโกนเรียกของธเนศ แต่หญิงสาวก็ไม่คิดที่จะหันหลังกลับไปมอง แบบนี้ก็ดีแล้ว คนไม่สำคัญก็สมแล้วที่ต้องพาตัวเองเดินออกมา หญิงสาวเลือกที่ใช้ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ชั้นหนึ่งของห้างเป็นสถานที่รอ เธออยู่คนเดียว เฝ้ามองคู่รักคนอื่นๆ ที่แวะเวียนกันมานั่งพลอดรักอย่างไม่ขาดสายท่ามกลางความรู้สึกมากมาย ที่นับวันยิ่งกระหน่ำซัดเข้ามาใจ เธอไม่เคยมีคนรัก! แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาจะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาแต่ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยได้เท่ากับคนที่มองเธอเป็นแค่เพื่อนสนิทอย่างธเนศได้ มันคือความจริงที่ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะดีแสนดีแค่ไหนก็เปลี่ยนความรู้สึกนี้ของเธอไม่ได้อยู่ดี คนโง่ที่ปล่อยให้ตัวเองจมปรักอยู่กับรักข้างเดียวที่ไม่เคยคิดจะปริปากบอกให้อีกฝ่ายรู้ความในใจก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมานั่นคือความเจ็บปวดมันเจ็บแบบนี้ทุกครั้งที่ต้องทนมองเขามีความสุขอยู่กับคนที่เขารัก ผู้หญิงที่เป็นทุกๆ อย่างในชีวิตเขา ซึ่งคนๆ นั้นคงไม่มีวันเป็นเธอ “ความรักเป็นเรื่องที่ดีนะเจ้าทราย…ขอแค่ถ้าเรารู้จักรัก รักใครสักคนด้วยหัวใจ สักวันเราก็จะได้รับความรักที่ว่าตอบ เชื่อย่าสิ ย่าเรียนมา” คำพูดของย่ายังคงฝักลึกอยู่ภายในจิตใจ อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อธเนศมาโดยตลอดเพราะถึงแม้ว่าเธอโกหกทุกคนทั้งโลกได้ แต่กลับไม่สามารถโกหกผู้เป็นย่าที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กๆ เพราะเสียพ่อและแม่ไปด้วยอุบัติเหตุได้เลยสักครั้ง จนกระทั่งเมื่อท่านมาด่วนจากไปเพราะโรคร้ายที่มันไม่ได้เพียงพรากย่าของเธอไปเท่านั้น แต่มันได้พรากเอาความสุขทั้งชีวิตของเธอไปด้วย เพราะย่าคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ นับตั้งแต่นั้นกว่าจะกลับมายิ้มได้อีกครั้งก็ใช้เวลาเกือบปี มันยากที่จะทำใจยอมรับถึงการสูญเสียในครั้งนั้นเพราะทั้งชีวิตของเธอมีเพียงแค่ย่า ย่าเท่านั้นที่เข้าใจเธอมากกว่าใคร ย่าคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าภายใต้ความแสบซนของเธอ มีความเหงาซ่อนอยู่ความเหงาที่ไม่มีใครเคยเข้าใจ เธอเชื่อมั่นประโยคนี้มาโดยตลอด เฝ้ารอว่าสักวันความรักที่เฝ้ารอมานานจะเกิดผล สักวันธเนศจะมองเห็นรักที่เธอซุกซ่อนไว้ และไม่ว่าเขาจะคิดยังไงกับมัน หัวใจเธอมันก็ยังมั่นคงว่ารักแต่เขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง หญิงสาวใช้เวลาในร้านกาแฟเกือบชั่วโมงกว่าก่อนจะเปลี่ยนมาที่ร้านหนังสือประจำที่ชอบมาบ่อยๆ กระทั่งเมื่อถึงเวลาหนังเลิก อีกคนก็ยังไม่ยอมโทรหา เธอได้แต่รอจนกระทั่งถึงเวลาที่ห้างปิด แต่ธเนศก็ยังไม่ยอมโทรมานั่นเองความอดทนที่มีถึงได้หมด ตัดสินใจเป็นฝ่ายโทรหาเขาเสียเอง “เฮ้ย! ไอ้ทราย ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ฉันขอโทษ! ฉันลืมว่าแกรอ…” ทว่าคำพูดของอีกคนที่เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเขาปล่อยให้เธอรอเกือบสี่ชั่วโมงที่ดังขึ้น ความรู้สึกโกรธ น้อยใจอัดแน่นอยู่ภายในทันทีที่ได้รับรู้ว่าตัวเองถูกลืม ขณะที่อีกคนคงไปไหนสักแห่งกับคนรักของเขา ทิ้งเธอไว้ที่นี่ และนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกเลย…. ที่เขาทิ้งเธอเอาไว้แล้วไปกับคนอื่น! “ทราย! รอฉันก่อนเดี๋ยวฉันรีบไปรับ” หญิงสาวตัดสินใจตัดสายทิ้ง ไม่คิดรอเขาเพราะเธอรอเขามาตลอด รอว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรหา รอว่าเมื่อไหร่เขาจะมองเห็นค่า แต่เหมือนว่าในสายตาของเขาจะมีแค่อีกคน คนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่…ก็มีความหมายกับเขามากกว่าเธออยู่ดี ธเนศใช้เวลาตามหาหญิงสาวนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งคนที่บ้านโทรมาบอกว่าเอื้องทรายนั่งแท็กซี่กลับถึงบ้านแล้ว นั่นเองเขาถึงกลับขับรถกลับบ้านพร้อมความโกรธจนนึกอยากจะหาที่ระบายกับใครสักคน ใช่เขาผิดที่ลืมเธอเพราะมัวแต่มีความสุขอยู่กับแฟนสาวที่นานๆ ครั้งจะได้พบหน้า เพราะอีกฝ่ายถูกย้ายไปเป็นครูประจำที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียงมันทำให้เขากับเธอไม่ค่อยมีเวลาพบกันเหมือนที่ผ่านๆ มา ใช่ เขาผิดทั้งหมดเขายอมรับ แต่คนเราก็ใช่ว่าจะทำผิดกันไม่ได้นี่! ชายหนุ่มใช้เวลาไม่นานก็ถึงบ้านก่อนจะรีบสาวเท้าเข้ามาด้านใน มองหาแม่ตัวดีจนกระทั่งพบเอื้องทรายที่กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ในครัวโดยบังเอิญถึงได้รีบสาวเท้าเข้าไปหาจนกระทั่งอีกฝ่ายหันมาเผชิญหน้ากันสายตาของเธอบ่งบอกให้รู้ว่าแค่คำขอโทษคงใช้ไม่ได้ผลในเวลานี้ “ฉันบอกให้รอทำไมแกไม่รอ!” แต่กระนั้นความโกรธก็ยังคงอยู่ ตวาดถามพร้อมกำแขนอีกคนเอาไว้แน่น ทันทีที่เธอทำท่าจะเดินหนีกันไป เธอทำให้เขาต้องวิ่งตามหาให้วุ่นไปทั่วห้างแล้วจู่ๆ ก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านปล่อยให้เขาตามหาเป็นไอ้โง่ร่วมชั่วโมง แถมยังมีหน้ามายืนกินน้ำสบายใจเฉิบทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรทั้งนั้นทั้งๆที่เขาเป็นห่วงแทบบ้า “ทราย!” “ฉันไม่อยากพูดกับแก” เอื้องทรายตัดบทก่อนจะสะบัดตัวเองจนหลุด เธอมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง ไม่อยากได้ยินอะไรจากเขาทั้งนั้นตอนนี้ ซึ่งธเนศก็ไม่กล้าขัดใจเพราะรู้ดีว่าเวลาที่อีกคนโกรธน่ากลัวแค่ไหน เขาเลือกที่จะปล่อยเธอไป ก่อนที่จะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาภายในห้องรับแขกอย่างกลัดกลุ้ม แน่นอนเรื่องเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้มันก็คือเรื่องอีกคนที่ตอนนี้งอนขึ้นห้องไปแล้ว คิดไม่ตกว่าพรุ่งนี้จะง้อเธอด้วยวิธีไหน แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องง้อเพราะว่าเขาเป็นคนผิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม