เพราะใช้เวลาคิดว่าจะง้อคนแสนงอนยังไงมาทั้งคืนเลยทำให้เช้านี้ธเนศตื่นสายกว่าทุกวัน เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่พบแม่ตัวดีแล้ว จึงรีบอาบน้ำก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง หวังจะพบเธอนั่งทานข้าวกับมารดาแต่ก็ไม่พบ
“ทรายล่ะครับแม่ ไปไหน” สุดท้ายความหวังทั้งหมดก็ตกมาอยู่ที่มารดาที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆ ที่เขาคิดว่าท่านน่าจะรู้ว่ามันมี เพราะเขากับเอื้องทรายไม่เคยมีความลับกับท่าน
“หนูทรายไม่ได้บอกแกเหรอว่าจะกลับบ้านสวนสักสองสามวัน” คนฟังหน้าตึงราวกับถูกตบ
ไม่คิดว่าอีกคนบทจะงอนก็งอนจนหนีกลับบ้านสวนไปแบบนี้ ซ้ำยังไปโดยไม่บอกกล่าวปล่อยให้เขารู้จากปากคนอื่นอีก
“เปล่าครับ เขาไม่ได้บอก” เขาตอบเพียงสั้นๆ ก่อนทิ้งตัวนั่งลงอย่างหงุดหงิด ในใจนึกคาดโทษอีกคน เจอตัวเมื่อไหร่ได้มีเรื่องกันแน่นอน
“เห็นว่าที่บ้านสวนเกิดเรื่อง คนงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้าทำงานเกิดตกต้นมะม่วงขาหักเลยต้องกลับไปดูหน่อย ทะเลาะกันอีกแล้วล่ะสิ” ธเนศยอมรับกับมารดาออกไปตรงๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ท่านฟัง
เมื่อฟังอีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาหยิกเข้าที่ต้นแขนก่อนแสดงความคิดเห็นที่เอนเอียงเข้าข้างอีกคน
“สมควรแล้วที่หนูทรายเขาจะโกรธเอาอย่างนี้! คิดได้ยังไงถึงได้ทิ้งเมียตัวเองแล้วหายไปกับผู้หญิงคนอื่น นี่ถ้าเกิดหนูทรายเจอพวกไม่ดีลากไปข่มขืนขึ้นมาแกจะทำยังไง!” แม้จะรู้ว่าหนูป่านฤทัยคือคนรักของบุตรชาย แต่อย่างไรเสียตอนนี้คนที่ขึ้นชื่อว่าเมียของธเนศก็คือเอื้องทราย
นางไม่คิดกีดกันหากลูกจะมีความรัก กับใครก็รับได้ทั้งนั้น แต่เพราะเรื่องแต่งงานที่คุณย่าสั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย เลยทำให้ทุกอย่างสะดุด
“ป่านไม่ใช่คนอื่นสำหรับผมนะครับแม่ เราสองคนรักกันแม่ก็รู้!”
“ถ้าอย่างนั้นแกอยากจะทำอะไรต่อไปก็ทำเถอะ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” ธเนศทำไม่สนใจคำเตือนของมารดา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในวันหนึ่งข้างหน้า เขาจะต้องเสียใจกับบางสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างที่ท่านว่าจริงๆ
การหาตัวเอื้องทรายไม่ใช่เรื่องยากเพราะทันทีที่เท้าสัมผัสหญ้าบริเวณบ้านสวนของคุณย่าประไพ สถานที่ที่เขามีความทรงจำกับมันค่อนข้างมาก เหล่าคนงานน้อยใหญ่ต่างก็พากันชี้ทิศทางที่แม่ตัวดีอยู่ให้ได้รู้แทบจะทันที ทำให้ธเนศต้องรีบสาวเท้าเดินตามหาก่อนจะพบเพื่อนรักที่ตอนนี้กำลังสวมวิญญาณลิง ปีนต้นมะม่วงที่สูงเกือบสองเมตรเพียงลำพัง
“แกขึ้นไปทำบ้าอะไรบนนั้นไอ้ทราย! รีบลงมาเดี๋ยวนี้นะ!” เขาตวาดยามเมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นภรรยาที่หนีออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้ากำลังปีนต้นมะม่วงอย่างคล่องแคล่วเสียจนลิงเห็นต้องอาย แต่กระนั้นมันก็น่าหวาดเสียวเกินไป เพราะเธออาจพลาดท่าตกลงมาขาหักเมื่อไหร่ก็ได้
“ทรายฉันบอกให้ลงมา!”
“แกเป็นพ่อฉันรึไง! มาถึงก็เอาแต่สั่งๆ หุบปากแล้วกลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!” เอื้องทรายตวาดกลับเป็นครั้งแรก ไม่สนเสียงโวยวายของอีกคน เธอไม่อยากเจอเขา แม้แต่เสียงโวยวายก็ไม่อยากได้ยิน
ยอมรับว่าโกรธเขามาก ทำผิดกลับไม่ยอมขอโทษยังมาตวาดใส่ และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่เธอกับเขาทะเลาะกันข้ามวัน เลยยิ่งทำให้โกรธ
“โอเคฉันผิดเองทราย ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าแกโกรธ แต่ลงมาคุยกันดีๆ ได้ไหม นะทราย ทรายจ๋า คนดี ทูนหัว ผัวผิดไปแล้ว!” ธเนศเอ่ยขึ้นพร้อมตะโกนก้อง รู้ดีว่าวิธีไหนจะได้ผล อย่างน้อยๆ ก็ทำให้อีกคนยอมพูดด้วย
“ไอ้บ้าวิน! ใครเป็นผัวใครหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่เอาน่า คนแต่งงานกันก็ต้องเป็นผัวเมียกันสิ ลงมาเถอะครับเมียรัก ผัวผิดไปแล้ว อย่างอนผัวเลยนะ นะๆ” เพราะน้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่โวยวายไปทั่วบริเวณทำให้เอื้องทรายหมดปัญญาจะสั่งให้เขาหุบปาก จำต้องรีบปีนลงมาจากต้นมะม่วงก่อนยืนจ้องพ่อตัวดีอย่างเอาเรื่อง โทษฐานที่เขาทำให้เธอต้องถูกจ้องด้วยสายตาล้อเลียนจากคนอื่นๆ
“ฉันขอโทษ ดีกันนะ”
ธเนศได้ทีก็เอ่ยขึ้นพร้อมชูนิ้วก้อยให้อีกคน
“ฉันไม่ยกโทษให้!” เอื้องทรายตอบกลับแทบทันที เกลียดนักคนตบหัวแล้วมาลูบหลัง ถึงแม้ว่าวิธีเขาเขามันจะได้ผลตลอดมาก็ตามที แต่ครั้งนี้เขาทำเกินไปจริงๆ มีอย่างที่ไหนลืมเธอได้ลงคอ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวใจ
“ฉันต้องทำยังไงแกถึงจะหายโกรธ บอกฉันมาสิทราย ฉันทำให้แกได้ทุกอย่าง ขออย่างเดียวเราอย่าโกรธกันเลย นะครับ” ประโยคนี้เหมือนจะได้ผลเมื่ออีกคนหยุดเดิน ก่อนจะหันมาสบตากันก่อนจะย้อนถามกลับ
“ทุกอย่างจริงนะ”
“แกอยากให้ฉันทำอะไรว่ามาได้เลย” สิ้นคำตอบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็เผยขึ้น มันทำให้คนที่เผลอตบปากรับคำเริ่มเสียวสันหลังขึ้นมา ยังจดจำได้ดีทีเดียว ว่าครั้งล่าสุดที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้เขาถึงกับเกือบเอาชีวิตไม่รอด
ตลอดการเดินทางใบหน้าอ่อนหวานของเจ้าของบ้านสวนคนใหม่ที่ได้รับจากผู้เป็นย่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อกำลังจะได้เอาคืนอีกคนจนกระทั่งเมื่อมาถึงที่หมาย ถึงได้หยุดทำให้ธเนศต้องหยุดเดินตามไปด้วย
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไม” เอื้องทรายไม่ตอบแต่เลือกที่จะถอดนาฬิกาคู่ใจของตัวเองออก ก่อนเธอจะทำบางสิ่งที่ทำให้เขาตาค้างเมื่อเห็น
“อุ้ย! นาฬิกาฉันตกน้ำ ทำยังไงดีคะคุณสามีขา ลงไปงมให้หน่อยสิ” เธอกล่าวก่อนจะป้องปากหัวเราะชอบใจ อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกคนจะแน่แค่ไหน แค่นี้ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับที่เขาปล่อยให้เธอรอ
“จะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอไอ้ทราย!”
แม้จะรู้ว่าอีกคนกำลังแกล้งแต่คนมีความผิดติดตัวกลับไม่กล้าเสี่ยงหาเรื่อง ได้แต่ถามย้ำกลับไปเผื่อบางทีเธออาจเห็นใจแล้วทำโทษเขาด้วยวิธีอื่น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล
“ใช่! ฉันให้เวลาแกแค่สองชั่วโมง ถ้าหาไม่เจอก็เลิกคุย” ธเนศถอนหายใจออกมาเบาๆ แน่นอนว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องถอดทุกๆ อย่างออก เหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวจ๋อยไว้ติดกายก่อนจะกระโดดลงคลองงมหานาฬิกาของแม่ตัวดีตามคำสั่ง โดยมีแม่ตัวดียืนชี้นิ้วสั่งกันไม่หยุดปาก
“เร่งมือหน่อยสิ! ตั้งใจหน่อยสิคะคุณสามี นาฬิกาเรือนนั้นเรือนโปรดของฉันเชียวนะ คุณย่าซื้อให้ตอนวันเกิดซะด้วย” เอื้องทรายตะโกนสั่งพร้อมกลั้นขำเมื่อได้เห็นสภาพของอีกคนที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนสกปรกมอมแมม หากพกมือถือมาได้เธอคงไม่ลืมที่จะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ดูแน่นอน
“สนุกมากไหมแกล้งฉันได้!”
คนถูกถามไม่ตอบเลือกที่จะยักไหล่ไปให้ จะเรียกว่าสนุกคงไม่ถูกเท่าไหร่เธอรู้สึกสะใจมากกว่าที่ได้เอาคืนเขา อย่างน้อยก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
ยิ่งได้เห็นอีกคนมีความสุขธเนศก็ยิ่งรู้สึกหมั้นไส้จนพาลทำให้นึกอะไรดีๆ ออก คิดเช่นนั้นเขาจึงแสร้งตะเกียกตะกายไปมาอยู่ในน้ำ ตีบทแตกชนิดที่ว่าอีกคนคงไม่มีทางรู้ได้แน่ ซึ่งคนที่สอนเขาทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากคนที่กำลังเบิกตากว้างอย่างตกใจอยู่บนบก
“วิน! ฉันไม่เล่นแบบนี้นะ ไอ้วิน!!” เอื้องทรายตวาดลั่น ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆ ร่างของธเนศก็จมหายไปดื้อๆ เมื่อไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากความเงียบเอื้องทรายจึงตัดสินใจกระโดดลงน้ำอย่างร้อนใจ แต่แล้วเมื่อโผล่พรวดขึ้น ภาพแรกที่ได้เห็นมันกลับกลายเป็นใบหน้ากวนประสาทของคนที่แกล้งจมน้ำหลอกกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ห่างจากกันแค่เพียงไม่กี่คืบเท่านั้น
“อ้าวทราย! แกลงมาทำไม ร้อนเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างแยบยลก่อนจะลอบยิ้ม เมื่อได้เห็นสภาพของอีกคนที่ไม่ต่างอะไรกับเขาเลย
“แกตาย!!” เอื้องทรายตะโกนลั่นพร้อมว่ายน้ำตามอีกคนที่ว่ายหนี กะเอาให้ถึงตาย โทษฐานที่เขากล้าเอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่น
ซึ่งเธอไม่คิดสนุกด้วย
ไม่เลยสักนิด!