“เอาสิ! นึกว่าฉันอยากแต่งงานกับแกนักรึไง แค่คิดก็ขนลุกจะแย่!” กว่าจะควานหาคำตอบเจอเอื้องทรายก็ทิ้งเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนาน เธอเห็นด้วยในความคิดของเขา เพราะรู้ดีว่างานแต่งงานที่เกิดขึ้นในคืนนี้มันไม่ได้เกิดจากความรัก ทุกสิ่งเป็นแค่การทดแทนบุญคุณของคุณย่าทั้งสองเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เธอกับธเนศก็ทำมันสำเร็จตามความต้องการของท่านแล้ว
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราสองคนจะอยู่กันแบบเพื่อน ทุกอย่างระหว่างเราจะเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน ตกลงไหม” หญิงสาวยอมตกลง รู้ดีว่าสุดท้าย แล้วชีวิตคู่ระหว่างเธอกับเขาคงไม่มีทางเป็นอะไรที่มากกว่านี้ไปได้
“ป่านโทรมา แกไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวฉันออกไปคุยกับป่านเขาสักหน่อย”ธเนศเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ที่ดังขึ้น เขาพูดก่อนจะเดินออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวที่ระเบียงห้องพร้อมรอยยิ้มที่แทบไม่มีให้ได้เห็นในงานแต่งแต่ตอนนี้กลับเผยออกมาอย่างง่ายดายเพียงแค่ได้ยินเสียงคนรัก หญิงสาวที่ทำให้เขามีความสุขคนที่เขารักยิ่งกว่าอะไร
ภาพนั้นทำให้คนในห้องจ้องมองด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นพาตัวเองเดินหนีหายเข้าไปในห้องน้ำ หวังว่าสายน้ำเย็นๆ จะช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างน้อยก็ช่วยทำให้สามารถยิ้มให้เขาได้อีกครั้ง
ยิ้มในฐานะเพื่อนเหมือนอย่างที่เคยเป็น และจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
“คุณป่านว่าไงมั้ง” เอื้องทรายถามเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วพบธเนศนอนเล่นอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่ากำลังมีความสุขแค่ไหน มันมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ชายหนุ่มได้พูดคุยกับใครอีกคนคนที่เธอแทบไม่มีอะไรไปสู้ได้เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกว่าเข้าใจดี นี่ยังฝากขอบคุณแกด้วย” ธเนศตอบก่อนจะส่งยิ้มให้เพื่อนรักกลับไป รู้สึกดีที่เขามีคนรักที่เข้าใจอะไรง่ายๆ มันทำให้เขาไม่ต้องคอยกังวลว่าเธอจะรู้สึกแย่ที่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แม้คนอื่นที่ว่าจะเป็นเพื่อนรัก แต่เอื้องทรายก็เป็นผู้หญิง
“ขอบคุณฉัน ขอบคุณเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่แกตกลงจะหย่าให้ฉันไง ฉันว่าจะขอป่านเขาแต่งงานหลังจากเราหย่ากัน แกคิดว่าดีไหม” ชายหนุ่มบอกถึงความต้องการของตัวเอง เอื้องทรายเป็นคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังเพราะถึงต่อให้พยายามปิดบังแค่ไหน ยังไงก็ปิดแม่ตัวดีตรงหน้าไม่มิดอยู่ดี
เธอรู้ใจเขาที่สุด เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจมากกว่าใครคนไหน
ส่วนป่านฤทัยคือคนที่เขารักและอยากใช้ชีวิตคู่ด้วย เธอยอมให้เขาแต่งงานกับเพื่อนตามคำสั่งเสียของคุณย่า เขายอมรับว่าทึ่งในความใจกว้างของเธออยู่ไม่น้อย ฉะนั้นถึงคิดได้ว่าเขาควรตอบแทนความรักที่แสนดีด้วยการทำบางสิ่งซึ่งนั่นก็คือการขอเธอแต่งงานทันทีที่หย่ากับเอื้องทราย
“ก็แล้วแต่แกสิ! ชีวิตแกนี่” เอื้องทรายตอบกลับไปเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินอ้อมมาอีกฟากของเตียง เธอทิ้งตัวลงนอนปล่อยให้อีกคนเดินผิวปากหายเข้าห้องน้ำแล้วไปถึงได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมความรู้สึกบางอย่าง ที่ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ตอนไหนก็ไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้ลงสักที
เธอรักเขา…
นั่นคือความจริงที่ปวดร้าวที่สุด! มันคือรักที่ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่เป็นรักที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีให้ผู้ชายอีกคน รัก…คนที่ไม่มีวันจะมารักกับเธอได้ เพราะหัวใจของเขา มีแค่ผู้หญิงชื่อป่านฤดีอยู่ในนั้นเพียงคนเดียวมาตลอด
คุณย่าคะ… ต้องทำยังไงหนูถึงจะเลิกรักผู้ชายบ้าๆ คนนี้ได้สักที!
ชีวิตคู่ระหว่างธเนศกับเอื้องทรายยังคงดำเนินต่อไป ต่อหน้าคนอื่นๆ ทั้งคู่จะแสดงอาการรักใคร่กันให้เห็นด้วยไม่อยากให้ใครจับผิดในความสัมพันธ์เอาได้ แต่พอลับหลังทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เหมือนที่มันเคยเป็นมาตลอดเกือบครึ่งชีวิต ที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันมา
“ไปดูหนังกัน”
คนที่กำลังนั่งคิดอะไรอยู่เงียบๆ ที่ศาลาท่าน้ำอยู่หน้าบ้านสะดุ้งสุดตัว เมื่อจู่ๆ พ่อสามีตัวดีก็โผกระโดดเข้ามากอดคอกันโดยไม่สุ่มไม่ให้เสียง
“ป่วยรึไง จู่ๆ มาชวนฉันไปดูหนังแบบนี้ ตัวก็ไม่เห็นร้อนนี่!” ธเนศไม่ได้ถือสาวาจากวนประสาทของอีกคนสักนิด เลือกเฉลยถึงสิ่งที่ต้องการ
“ป่านเขาอยากดูหนัง แต่ถ้าฉันกับป่านไปกันแค่สองคนคนอื่นเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี ฉันไม่อยากให้ป่านถูกคนอื่นมองในแง่ร้าย แต่ถ้าแกไปด้วยมันก็สิ้นเรื่อง นะทราย ไปกับฉันหน่อยนะ แกอยากได้อะไรบอกมาได้เลยฉันให้แกได้ทุกอย่าง” เอื้องทรายเพียงแต่ยิ้มรับ รู้ดีทีเดียวว่าเขาคงไม่มีวันให้สิ่งที่เธอต้องการได้แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมตกลงไปตามที่อีกคนต้องการ
“ขอบคุณแกมากนะทราย! แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยรู้ไหม ฉันรักแกจัง” คนที่จู่ๆ ก็ถูกรั้งเข้าไปกอดยิ้มเศร้า หากเขารักเธอมากกว่าเพื่อนคงดีไม่น้อย หากเขารู้สักนิดถึงความรู้สึกที่เธอมี ทุกอย่างคงดีกว่านี้
แต่คนอย่างหมอนี่จะไปรู้อะไร เขามันโง่ โง่ที่ไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าเธอรักเขามากแค่ไหน เธอเองก็ใจเสาะที่ไม่กล้าพอจะเปิดเผยความในใจ
มันเพราะคำว่า ‘เพื่อน’ นั่นแท้ๆ ที่บังตาเขาจนหมด
สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องนั่งรถเข้าเมืองมายังห้างดังซึ่งเป็นที่นัดหมายของสามีและป่านฤทัยจนได้ ตลอดการเดินทางธเนศดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอพยายามมองหาว่าผู้หญิงที่กำลังยืนโบกไม้โบกมือให้กันอยู่ไกลๆ คนนั้นมีอะไรที่เธอไม่มีบ้าง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าทุกอย่าง! เป็นเธอเสียมากกว่าที่ไม่มีอะไรไปสู้เธอคนนั้นได้เลย
ป่านฤทัยเป็นอดีตนางแบบนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งดาวมหาลัยสมทบ แม้จะเรียนคนละคณะแต่ความน่ารักน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ก็กระแทกใจเพื่อนรักของเธอเข้าเต็มเปาตั้งแต่วันแรกที่สบตา
วันนั้นเองที่หลายๆ สิ่งถึงจุดเปลี่ยน โดยเฉพาะความรู้สึกของเธอเองที่กว่าจะรู้ใจตัวเองว่ารักเขาก็ตอนที่เขาไปสารภาพรักกับคนอื่นโดยมีเธอยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ แล้ว ภาพในวันนั้นสร้างความเจ็บปวดมาจนถึงวันนี้ ทุกๆ ครั้งที่หลับก็มักจะมองเห็นมันอยู่ซ้ำๆไม่อาจลบไปจากใจได้เลย
สามปีเห็นจะได้ที่ต้องเก็บงำความรักเอาไว้กับตัวเอง ไม่กล้าเปิดเผยให้เขาหรือใครๆ ได้รับรู้ มันคือสามปีที่เธอเพิ่งจะรู้หัวใจตัวเองว่ารักที่มีให้เขาเป็นรักแบบไหน สามปีที่ต้องทนมองคนที่ตัวเองแอบรักไปรักคนอื่น ส่วนตัวเองก็ได้แต่ยืนอยู่เคียงข้าง คอยยิ้มให้ในวันที่เขาสุข คอยให้กำลังใจในวันที่เขาเศร้าใจ เสแสร้งทำทุกอย่างเหมือนเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง
ทั้งๆ ที่ความจริงเธอไม่ได้มองเขาเป็นเพื่อนมานานมากแล้ว ไม่เลย
“รอนานไหมครับป่าน” ธเนศเอ่ยทักทายคนรักสาวพร้อมรอยยิ้มทันทีที่เดินมาถึงตัวเธอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้ารับก่อนจะเอ่ยบอกถึงบางสิ่ง
“ป่านก็เพิ่งมาถึงเหมือนกันค่ะ นี่กำลังจะจองตั๋ว แต่ว่า…บัตรเหลือแค่สองใบเอง รอบต่อไปรออีกหลายชั่วโมงเลย” ป่านฤทัยบอกไปตามความจริง เธอรับรู้ถึงเหตุผลว่าทำไมคนรักของเธอต้องแต่งงานกับเพื่อนสนิทของเขา ซึ่งเธอก็เข้าใจและไม่ได้คิดมากอะไรเพราะเอื้องทรายไม่ใช่ผู้หญิงอื่น แต่เป็นเพื่อน เพื่อนที่แฟนหนุ่มของเธอรักและสนิทมาตั้งแต่เด็กๆ