บทที่ 6 เจ้าเป็นน้องชายข้าแล้ว

1394 คำ
            พลันมือใหญ่นั้นคว้าข้อมือน้อยเอาไว้ “เจ้าจะทิ้งข้าไปแบบนี้เลยหรือ?       จอมยุทธ์หงกว่าข้าจะได้ออกจากเรือนอันยุ่งเหยิงมาหาที่เมาแสนสงบได้ช่างยากเย็น ซ้ำยังคุยกับผู้รู้ใจ ช่างหากได้ยากยิ่งนัก”             หงซือซือทำหน้าเลิ่กลั่ก นางกลายเป็นผู้รู้ใจเจ้ามังกรขาวตัวนี้ไปเมื่อใดกัน มีแต่เขาที่พูดๆ ส่วนนางทำเพียงรินสุราให้และนั่งจิบเป็นเพื่อน “เอ่อ...แต่ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว ท่านดูสิพี่สามข้างนอกน้ำค้างแรงนัก”             “เอ้า! เช่นนั้นข้าจะตามไปดื่มกับเจ้าที่ห้องก็แล้วกัน” เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้ปฏิเสธหันไปสั่งให้เสี่ยวเอ้อยกกาสุราขึ้นไปส่งที่ห้องนอนของนาง ส่วนตนเองกอดคอจอมยุทธ์หนุ่มน้อยบังคับให้พาไปยังห้องนอนโดยไว “เจ้าอย่าปฏิเสธข้าเลยน่า ข้าหามานานแล้วเพื่อนดื่มที่คอแข็งเช่นเจ้านี่ หากเจ้าเก้าไม่ทิ้งข้าไปดูแลเมียเสียก่อนก็ยังจะพอมีน้องชายคอยดื่มเป็นเพื่อน เจ้าคิดดูสิว่าเป็นข้า น่าสงสารแค่ไหน ทั้งใต้หล้านี่จะขอดื่มสุรากับผู้ใดล้วนยากเย็น”             จอมยุทธ์หงไม่อาจบอกปัดเขาได้ ร่างใหญ่ที่กอดคอนางอยู่คล้ายก้าวเท้านำนางเสียด้วยซ้ำ ‘ดีที่ไม่รู้ว่าข้าเป็นสตรี นี่หากลวนลามข้าเช่นนี้พี่อี้เทียนเห็นเข้า เจ้าคงได้เป็นศพเฝ้ากาสุราแน่พี่สาม’             “ห้องข้าอยู่ทางโน้น ข้างในสุดโน่น”             ชายหนุ่มพานางไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องได้ก็ไปเปิดหน้าต่างออกกว้าง “คืนนี้แสงจันทร์สวยงาม เรามาดื่มสุราชมจันทร์และทะเลสามงามๆ กันดีกว่า”             เมื่อเสี่ยวเอ้อนำสุรามาส่งอีกสองกา เขากลับบอกให้เสี่ยวเอ้อไปนำเหล้าที่แพงที่สุดมาอีกหนึ่งไห “เจ้าไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบ เอาเหล้าแพงที่สุดมาให้ข้าอีกหนึ่งไห ประเดี๋ยวข้าจะได้เงินข้าออกแรงเดินเจ้าสักหนึ่งตำลึงดีหรือไม่?”             “ดีขอรับ!” เสี่ยวเอ้อยิ้มกว้าง รายได้ที่นี่แพงกว่าที่อื่นอยู่แล้ว อีกทั้งเงินพิเศษที่บรรดาแขกให้เพิ่มก็ล้วนจ่ายกันหนักทั้งสิ้น             “พี่สาม ข้าว่าแค่นี้ก็พอแล้วกระมัง ข้าเกรงว่าพรุ่งนี้ท่านจะลุกไม่ไหวเอาน่ะสิ”             “เจ้าอย่าขัดคอข้าเลย ข้าตั้งใจหนีมาพักผ่อนโดยเฉพาะ ไปที่ใดก็ไม่เหมือนที่นี่” เขาพูดพลางรินสุราให้นางและตนเองอีกคนละหนึ่งจอก “ดื่มฉลองมิตรภาพของเราน้องหง ข้าพี่สามยินดีจะช่วยเหลือเจ้าทุกเมื่อหากเจ้ามีภัย” เมื่อเริ่มเมาจากเคยเรียกจอมยุทธ์หงก็เริ่มเปลี่ยนไป             หงซือซือที่เมาเช่นกันได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยเย้า “พี่สาม ยามข้าต้องการความช่วยเหลือจะให้ข้าไปเรียกหาท่านที่ใดกันเล่า? ในเมื่อท่านบอกเองว่าที่บ้านท่านคนมากมายยุ่งเหยิงยิ่งนัก”             หมิงเฟยหลงตบโต๊ะดังปัง! ลุกขึ้นยืนก่อนจะล้วงเอาหยกที่พกไว้ออกมา “นี่คือหยกประจำตัวของข้า หากเจ้าเดือดร้อนถือมันไปพร้อมจดหมายบอกข้าว่าเจ้าต้องการสิ่งใด บ้านเลขที่ 88 ตรอกข้างบ่อนร่ำรวยจะมีคนของข้าเฝ้าอยู่”             เมื่อเขายื่นมาต่อหน้าหงซือซือก็รับเอาไว้ “ดีๆ ข้าจะจำคำพูดท่านไว้ หากข้าไปขอความช่วยเหลือแล้วท่านไม่ออกมา ข้าจะถือว่าท่านเป็นลูกเต่าหลังไม่มีลวดลาย”             คุณชายสามนั่งลงอีกครั้ง ยกสุราขึ้นกระดกอีกจอก “ทำไมต้องเป็นลูกเต่าหลังไม่มีลวดลายเล่า?”             นางเอานิ้วมือชี้จนแทบจะทิ่มหน้าเขาเพราะเริ่มทรงกายไม่อยู่ “ก็เพราะทั้งหัวหดและลื่นไหล ไม่มีความกล้าหาญที่จะเป็นตนเองน่ะสิ ลวดลายของเต่าน่ะมันไม่เหมือนกันหรอกนะรู้ไหม? นั่นคือเอกลักษณ์ของตัวมันเอง”             “อ้อ!” เขาเอานิ้วชี้มาจิ้มกับนิ้วชี้ของนางที่ค้างอยู่กลางอากาศ “แล้วเจ้าเล่าน้องหง? หากข้าต้องการความช่วยเหลือจะไปตามหาเจ้าได้ที่ใด?”             หงซือซือได้ยินเช่นนั้นก็ตบโต๊ะดังปัง! เช่นกัน แต่นางไม่สามารถยืนขึ้นได้ไหว นางล้วงเอาป้ายไม้สีดำอันเล็กขนาดยามสามชุ่นออกมา “หากท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้าก็จงไปที่สำนักคุ้มภัยหงส์ไฟ เอาจดหมายและป้ายประจำตัวข้าไปแจ้งไว้ได้” “ดีๆ หากเจ้าไม่ออกมาช่วยข้า ข้าจะถือว่าเจ้าเป็น...เป็น...เป็นอะไรดี?” จอมยุทธ์หนุ่มน้อยแหงนหน้าขึ้นหัวเราะร่วน “ฮ่าๆ ข้ายินดีเป็นหมูโง่ให้ท่าน  ด่าทอ ดีหรือไม่?”                              “ได้! เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นหมูโง่ หากเจ้าผิดสัญญา”             เมื่อฤทธิ์สุรามากพอที่จะทำให้คนทั้งคู่หลงลืมตน ฮ่องเต้หมิงก็เริ่มรำพึงรำพันความทุกข์ใจในเรือนหลังใหญ่ของตนให้น้องหงได้ฟัง นางได้แต่ตบบ่าปลอบใจเมื่อได้รับรู้ว่าเขารู้สึกอ้างว้างเดียวดายเพียงใด “ข้าไม่อยากเป็นเช่นนี้ แต่เพราะโชคชะตาผลักดันทำให้ต้องรักษาชีวิต หากไม่ยอมทำ ข้าก็ต้องให้ผู้อื่นเอาชีวิตข้าไปเสีย เจ้ารู้หรือไม่? ยิ่งอยู่สูงยิ่งต้องโดดเดี่ยว หากไม่มีน้องห้าข้าก็คงไม่อาจดำรงสติต่อไปได้”             หงซือซือคาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้มีความปวดร้าวใจในอีกมุมหนึ่ง “ข้าต้องทุ่มเทบริหารบ้านเมือง ยามดึกดื่นหลายคราที่นอนไม่หลับเพราะกลุ้มกังวล ข้าไม่อาจจะทำอย่างที่ใจคิดได้ทุกสิ่งเพราะหลายอย่างต้องฟังขุนนางน้อยใหญ่ หากพวกเขามากกว่าก็ยับยั้งเรื่องที่ข้าต้องการจะทำได้เช่นกัน แม้แต่เรื่องเหล่าภรรยา ข้ายังไม่อาจจะเลือกได้อย่างที่ตนเองต้องการ สตรีทั้งหลายในวังหลังพวกนั้นล้วนแต่กระหายอำนาจและเงินตรา พวกนางส่วนหนึ่งมาเพื่อความสบาย หลายคนบอกว่ารักข้า แต่ข้ากลับมิได้คิดเช่นนั้นเพราะเมื่อลองทดสอบคราใดก็ล้วนต้องผิดหวังที่พวกนางเลือกสิ่งอื่นแทนข้าทุกคราไป”             ยิ่งเมามากขึ้นความในใจจากเขาแม้จะมาพร้อมน้ำเสียงอ้อแอ้ แต่ความจริงกลับกระจ่างใจนางมากขึ้นทุกที “พี่สาม ไม่มีสตรีนางใดอยู่ในใจท่านเลยหรือ?”             เขาได้ยินคำถามนั้น ใบหน้าที่คว่ำค้างอยู่ก็เงยขึ้นมองน้องชายจอมยุทธ์ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำของเขาทอประกายดุร้าย “ฮ่าๆ ข้าหรือ? จะมีได้อย่างไรกัน? แค่ทดสอบเบื้องต้นพวกนางแล้วข้าก็ผิดหวังจะกล้าเอาสตรีใดมาวางไว้ในใจได้ เจ้าไม่รู้อะไร แม้แต่สตรีที่มีลูกกับข้าก็ยังคิดจะฆ่าข้า ทุกวันนี้ขอแค่เพียงพวกนางหลังร่วมเตียงแล้วไม่คิดจะดื่มเลือดข้าก็นับว่าดีถมเถแล้ว”             หงซือซือที่นั่งเอียงศีรษะไปข้างหนึ่งใช้ข้อศอกดันโต๊ะไว้ไม่ให้ร่างเอนล้มได้ยินเช่นนั้นก็เอียงตัวมาทางเขา "ข้าเข้าใจแล้ว ที่แท้ที่ท่านรู้สึกโดดเดี่ยวเพราะไม่มีคนรัก     ที่แท้จริงนี่เอง”             เขายกมือขึ้นตบบ่านาง แม้เขาคิดว่าเบาแล้วแต่น้ำหนักมือบุรุษที่เมามายย่อมกะไม่ถูก ทำเอานางแทบทรุด “ข้าจึงหวังว่าน้องหง เจ้าจะเป็นสหายที่ข้าไว้ใจได้ นอกเหนือจากน้องชายของข้า”             “ข้าสัญญา” นางยื่นนิ้วก้อยออกไป หมิงเฟยหลงหัวเราะชอบใจ ยื่นนิ้วก้อยออกมาเกี่ยวนิ้วของนาง แล้วออกแรงดึงจนร่างนางเซถลาเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแกร่ง ฮ่องเต้โอบกอดนางไว้ด้วยความสนิทใจ             “ไม่มีใครมาเกี่ยวก้อยสัญญากับข้าเกือบสามสิบปีแล้ว น้องหงต่อไปนี้เจ้าจะถือเป็นน้องชายของข้าอีกคน”    ************** ไรท์แนะนำ...อีบุ๊กนิยายทุกเล่มมีจำหน่ายที่ mebmarket.com นะคะ    
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม