ตอนที่ 4
“พี่เขม...พี่ ช่วยผมด้วย พาผมออกไปที ผมไม่อยู่แล้วบ้านนี้ ผมไม่อยู่แล้ว”
“ถ้าจะให้พี่ช่วย นายต้องทําตัวเองให้ดูดีกว่านี้ก่อน จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วไปพบพี่ที่ห้องทํางาน” เขมชาติสั่งน้องชายก่อนที่หันมาสั่งคุณวิภาดา
“ผมเชิญคุณอาไปพบที่ห้องทํางานด้วย” เขมชาติยืนมองออกไปนอกหน้าต่างภายในห้องทํางานเดิมของผู้เป็นบิดาที่ล่วงลับไปแล้วเกือบสองปี ภายใต้สีหน้าที่เฉยชานั้น คงมีแต่แววตาเท่านั้นที่มีแววของความกลัดกลุ้มอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะปรับให้เป็นปกติเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง
"ผมจะออกไปอยู่ข้างนอกกับหนิง...และผมก็จะแต่งงานกับหนิงใครก็ขวางผมไม่ได้” เขมกรพูดทันทีที่เข้ามาถึงในห้อง
“ไม่ได้...แกต้องแต่งกับหนูอรปรีดาคนเดียวเท่านั้น แม่ไม่ยอมเด็ดขาด” เสียงคุณวิภาดาค้านขึ้นมาทันควัน
“เงียบ” คําสั่งสั้น ๆ ห้วน ๆ ของเขมชาติทําให้สองแม่ลูกชะงัก
“ผมไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้หรอก แต่บ้านนี้เป็นบ้านของผม ผมไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในบ้านของผมอีก”
“แต่เขม...”
“ไม่มีแต่” ขัดเสียงห้วนก่อนที่คุณวิภาดาจะพูดจบ
“ส่วนกร...ถ้านายแน่ใจว่านายต้องการอย่างนั้น พี่จะตัดเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงของนายให้หมด”
“พี่เขม” เขมกรพูดอย่างแผ่วเบา ในขณะที่คุณวิภาดายิ้มย่องอย่างดีใจ ‘ตากรเอ๋ย แกทําอะไรไม่ได้หรอก’ ...วิภาดาพลางนึก
“ขอบคุณครับพี่” เขมกรขอบคุณพี่ชายตัวเองอย่างซ่อนอาการดีใจไม่อยู่
“รีบไปซะ...แล้วก็จําเอาไว้ ถ้านายคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีใครยอมรับและยอมยกผู้หญิงให้นายหรอก...จําไว้”
ไม่ต้องบอกซํ้าสอง เขมกรมองหน้าพี่ชายอย่างสํานึกในบุญคุณก่อน
จะรีบออกจากห้องนั้นไป วิภาดาจึงหันมาขอบคุณเขมชาติบ้าง
“น้าขอบใจเขมมากที่ทําอย่างนี้...แค่นี้ตากรก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว” คุณวิภาดาพูดอย่างได้ใจ
“เหรอครับ” เขมชาติพูดอย่างไม่ใส่ใจ
คนอื่นอาจมองว่านี่เป็นวิธีที่เขมชาติใช้กีดกันไม่ให้เขมกรยุ่งเกี่ยวกับคนรัก แต่สําหรับเลือดมงคลวิบูลย์ของแท้กลับมองว่านี่เป็นการให้โอกาส โอกาสที่จะใช้ชีวิตได้อย่างใจตัวเองปรารถนา
โอกาสที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่อาศัยคนอื่น พวกมงคลวิบูลย์ หยิ่งและทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเองเสมอ
“พี่เขม...พี่เขมต้องเลิกยุ่งกับนังพริมนั่นนะคะ” เสียงวิลาสินีดังขึ้น ขณะที่เดินเข้ามาในห้อง หลังจากที่น้องชายตัวเองออกจากห้องไปแล้ว
“ใช่เขมต้องเลิกยุ่งกับมัน ผู้หญิงคนนี้ร้ายมาก มันไม่ต้องการให้เราสองคนแม่ลูกอยู่เป็นสุข มันต้องการแก้แค้นให้น้องสาวมัน และต้องการจะใช้เขมเป็นเครื่องมือ” คุณวิภาดาเสริมขึ้นมา
เขมชาติมองสองแม่ลูกตรงหน้า ก่อนจะยิ้มอย่างใจเย็น โดยที่คนทั้งคู่ไม่สามารถเดาได้เลยว่าตอนนี้ ชาย หนุ่มคนนี้กําลังคิดอะไรอยู่
“พี่เขมต้องเชื่อวิกับคุณแม่นะคะ...” วิลาสินีที่เห็นเขมชาติยังคงนิ่งเฉยจึงรีบพูดขึ้น
“นังพริมมันร้ายมาก มันโทรมาบอกวิเองว่า แค่วันเดียว ชั้นก็ทําให้พี่เขมติดใจมันได้ ไม่เชื่อให้มาดูเองที่บริษัท แล้ววิก็เห็นมา กับตาว่าพี่เขมหลงมันจริง ๆ อย่างที่มันบอก พี่เขมอย่ายอมเป็น เครื่องมือของมันนะคะ”
“แค่นี้ใช่ไหม ออกไปได้แล้ว ผมต้องการพักผ่อน” เขมชาติพูดพร้อม กับหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง
“พี่เขม...”
“ยัยวิ ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนเถอะ วันนี้เขมเจอแต่เรื่องปวดหัวมาทั้งวันแล้ว” คุณวิภาดาพูดพร้อมกับลากลูกสาวตัวเองออกมาจากห้องทํางานของลูกเลี้ยง
“แม่ ห้ามวิทําไม” วิลาสินีโวยวายทันทีที่ออกมาจาห้องทำงานของเขมชาติ
“แกนี่...ไม่ได้ดั่งใจเลย ยิ่งแกรุกมากเท่าไหร่ ตาเขมก็ไม่มีทางเชื่อแกหรอก ปล่อยให้คิดเอง...ตาเขมไม่ใช่คนโง่ คงไม่ปล่อยให้นังจิ้งจอกนั่นหลอกได้ ง่าย ๆ หรอก”
แต่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าตอนนี้เขมชาติยิ้มกับตัวเองอย่างชอบใจ ‘ทำให้เขาติดใจภายในวันเดียวงั้นเหรอ ใช่..ทำได้ดีมาก ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ร้ายอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสนุกตื่นเต้น ท้าทายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างนี้ชีวิตค่อยมีสีสันหน่อย ในที่สุดก็มีคนกล้ามาชนกับเขา
เขาจะทําให้หล่อนรู้ว่าถ้าเขาติดใจอะไรแล้ว เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ พริมโรส...แล้วเจอกัน’
บ้านชั้นเดียวสีขาวที่ตั้งอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรย่านชานเมืองที่เขมกรพาพิชชภรณ์มาอยู่ด้วยคือ บ้านที่บิดาของเขามอบให้เป็นของขวัญวันเกิด ตอนอายุครบยี่สิบปี
‘แกโตแล้ว..พ่อจะมอบบ้านหลังนี้ให้ .เอาไปเผื่อถึงเวลาที่แกต้องยืนด้วยตัวเอง แกจะได้มีหลังคา คุ้มหัว’ เขมกรไม่เคยคิดมาก่อนว่า ของขวัญชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์แก่เขาในเวลานี้ รวมถึงคําพูดของบิดาที่พูดเหมือนว่า วันหนึ่งเขาต้องออกมาอยู่ข้างนอกจริง ๆ แล้ว เขมกรไม่ได้กลัวที่จะออกมาเผชิญชะตากรรมนอกบ้าน เพราะตอนนี้เขาก็มีงานเป็นหลักเป็นฐานที่มั่นคงแล้ว คือการเป็นสถาปนิกของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งพอที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ แต่เป็นเพราะแม่และพี่สาวต่างบิดาที่ทําให้เขาไม่มีอิสระในการตัดสินใจ
โชคดีที่วันนี้พี่ชายต่างมารดาของเขากลับบ้าน ไม่เช่นนั้นเขาคงยังถูกแม่ขังไว้ในห้องอีกเป็นแน่ เมื่อเขมชาติให้โอกาสเขาเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเองแล้ว เขาจึงออกจากบ้านหลังนั้นมาอย่างไม่ลังเล เขาต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่า เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เขมกรต้องพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าเขาก็เลือดมงคลวิบูลย์คนหนึ่ง ไม่ยอมแพ้อุปสรรคอะไร ง่าย ๆ และที่สําคัญเขาต้องพิสูจน์ให้คนที่เขารักรู้ว่า...เลือกคนไม่ผิด
“พี่กร...คิดอะไรอยู่เหรอคะ ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่า” พิชชภรณ์ถามสามีด้วยความห่วงใย เขมกรก้มมองหญิงสาวในอ้อม ขณะพาเดินชมบ้านด้วยความอ่อนโยน และห่วงใยเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา พิชชภรณ์เป็นคนที่ทําให้เขารู้สึกถึงความเป็นผู้นํา เป็นคนที่มีความสามารถพอที่จะปกป้องดูแลคนอื่นได้ ไม่ใช่ลูกเศรษฐีที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“บ้านของเรา หนิงชอบไหมจ๊ะ”
“ชอบค่ะ...เล็ก ๆ น่ารัก ดูอบอุ่นดีค่ะ”
“พี่ดีใจที่หนิงชอบ ต่อไปนี้เราจะอยู่ด้วยกัน เราจะสร้างครอบครัวของเราที่นี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดพี่อยากให้หนิงรู้ไว้ว่า...พี่รัก หนิงเสมอ รักหนิงคนเดียว และจะรักตลอดไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” พิชชภรณ์พยักหน้ายิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะซบหน้ากับอกกว้างอย่างเชื่อใจ
“ค่ะ..หนิงก็รักพี่กร และจะรักพี่กรตลอดไป”
“หนิงไม่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ...แค่พี่กรอยู่กับหนิง หนิงก็มีความสุขแล้วค่ะ”
วันถัดมาพราวฟ้าที่กําลังนวดแป้งทําขนมอยู่เงยหน้าขึ้นมาจากงานที่กําลังทําด้วยความแปลกใจ เพราะเสียงวางโทรศัพท์ที่ไม่เบานักของเพื่อน แม้พริมโรสจะมีนิสัยไม่ค่อยเป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย เรื่องที่จะทําอะไรโครมครามให้คนอื่นได้ยินนั้นเป็นเรื่องที่แปลกอย่างยิ่ง
“เป็นอะไรไป ยัยพริม”
“เปล่า” แม้ปากจะปฏิเสธแต่แววตากลับมีแววครุ่นคิดเหมือนมีบางเรื่องกวนใจ
“จริงเหรอ หน้าตาพริมดูเครียด ๆ นะ”
“เปลี่ยนที่นอนใหม่ ก็เลยนอนไม่หลับ เฉย ๆ”
“อืม!.. ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็บอกพราวได้เสมอนะพริม”
“ขอบใจจร้าเพื่อน ว่าแต่...เดี๋ยวชั้นออกไปข้างนอกก่อนนะ ไม่รู้จะกลับกี่โมงอาจอยู่ถึงเย็น” พูดจบก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่รอฟังคําตอบจากเพื่อน
“เฮ่อ!...จะรีบไปไหนของเขากันนะ” พราวฟ้าถอนหายใจแล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเอง