ถ้านายยังเป็นอย่างนี้...ใครจะยกน้องสาวให้

1597 คำ
ตอนที่ 3 เสียงกรุ่งกริ่งของประตูหน้าร้านกาแฟดังขึ้น เพราะฝีมือของ พริมโรสเปิดเข้ามา ทําให้หญิงสาวในวัยเดียวกันที่ยืนอยู่หลัง เคาน์เตอร์แคชเชียร์มองผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ ก่อนจะรีบเดิน ออกมากอดอย่างดีอกดีใจ “พริม...มาได้ไง ทําไมไม่โทรมาบอกกันก่อนจะได้ไปรับ” “เดินมา...วันนี้ไปทัวร์กรุงเทพ เหนื่อยมาก” “ว่าอะไรนะ...ไปทัวร์กรุงเทพฯ เนี่ยนะ คิดได้ยังไง” “ก็คิดจะมาอยู่เมืองกรุงสักพัก หางานทําแถว ๆ นี้ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตชาวไร่ชาวสวน...แต่ตอนนี้พริมเหนื่อยมาก ขอนั่งก่อนนะ แล้วก็ขอเอสเปรสโซ่ด้วย ขอฟรีนะ...ไม่ได้ขอซื้อ” “โทษทีเพื่อน ชั้นลืม” พราวฟ้าพูดอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะลงมือทําให้เพื่อนเป็นพิเศษ หลังจากนั้นสองสาวก็คุยตามประสาเพื่อนเก่าที่นาน ๆ จะเจอกันสักที ถึงแม้ว่าจะติดต่อกันเป็นประจําแต่ด้วยหน้าที่การงานทําให้คนทั้งคู่ ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่ โดยเฉพาะในระยะหลังมานี้ที่งานของพริมโรสจะอยู่ต่างจังหวัดมากกว่าในเมือง “มาอยู่กับฉันก็ได้ บ้านยังว่างอีกตั้งหลายห้อง ว่าแต่...พริมเถอะ ทําไมเปลี่ยนใจล่ะไหนบอกว่าไม่ชอบชีวิตในเมือง หรือว่าแอบปิ๊งหนุ่มคนไหน บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้นะ” พราวฟ้าชวนเพื่อนให้มาพักด้วย พร้อมกับแซวเพื่อนอย่างอารมณ์ดี “บ้า...อย่างพริมเนี่ยนะ จะปิ๊งใคร” พูดแล้วหน้าของ เขมชาติก็แวบเข้ามา เขาไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่พริมโรสคาดคะเนเอาไว้แม้แต่น้อย เพราะข่าวต่าง ๆ ที่ได้รับมา เขาดูเป็นคนที่ค่อนข้างโหดเข้าถึงตัวได้ยากและดูไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะภาพลักษณ์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด รวมถึงรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าคนอื่น ใบหน้าที่หล่อคมเข้มออกจะเหี้ยมกว่าธรรมดาด้วยซํ้า ที่สําคัญตามรูปต่าง ๆ ที่ปรากฏตามสื่อ เขาจะมีแว่นกันแดดสีดําปกปิดดวงตาของเขาเสมอ ยิ่งเสริมให้เขมชาติดูเป็นเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลมากขึ้น แต่ผู้ชายที่พริมโรสเจอวันนี้ เขากลับมีอะไรมากกว่านั้น รอยยิ้มที่ปรากฏที่มุมปากไม่ใช่ยิ้มเยาะเหมือนอย่างที่เคยเห็น แต่เป็นยิ้มที่เหมือนชอบใจอะไรบางอย่าง...อะไรบางอย่างที่ทําให้คนที่ไม่เคยกลัวอะไรอย่างพริมโรสรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งสบตาคู่นั้น...คู่ที่ถูกซ่อนไว้หลังแว่นกันแดดเสมอ ทําเอาพริมโรส ถึงกับตะลึงก่อนจะตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะจับได้ “พริม...พริม” เสียงเรียกของพราวฟ้าปลุกให้พริมโรสตื่นจากภวังค์ “เป็นอะไรไปน่ะ ใจลอยไปถึงหนุ่มคนไหน ชั้นอยากรู้จริง ๆ ว่าใครเป็นผู้โชคร้าย...เอ้ย...โชคดีคนนั้น” “พริมไม่ได้คิดถึงผู้ชายสักหน่อย” หญิงสาวตอบเพื่อนก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยเรื่องอื่น “พริมคิดถึงยัยหนิงต่างหาก” “ยัยหนิงเป็นอะไร” คนฟังถามอย่างตกใจ เพราะทั้งสามค่อนข้าง สนิทกันพอสมควร “เปล่า...เพียงแต่คิดว่า ยัยหนิงโตหรือยัง โตพอที่จะดูแลตัวเองได้หรือยัง ก็เท่านั้น” “โธ่...นึกว่าเรื่องอะไร แกนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะยัยพริม” ส่ายหน้ามองเพื่อนอย่างเอือมระอาก่อนจะพูดต่อ “รักและเป็นห่วงคนอื่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่แกน่ะ...ถ้ารักตัวเองห่วงตัวเองมากกว่าคนอื่นจะดีกว่านี้...รู้ไหม ยัยหนิงน่ะโตแล้ว ใกล้จะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้ดูแลตัวเองบ้าง ตัดสินใจอะไรเองบ้าง เพราะแกไม่ได้อยู่กับน้องตลอดเวลานะ ถ้าแกไม่ปล่อยให้ทําอะไรด้วยตัวเองบ้าง เมื่อไหร่ยัยหนิงจะโตซะที” เพราะคําพูดของเพื่อนทําให้พริมโรสนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “นั่นสินะ ชั้นควรจะเคารพการตัดสินใจของน้อง และควรจะเชื่อใจในสิ่งที่เค้าเลือก...ใช่ไหมพราว” พราวฟ้ามองหน้าเพื่อนอย่างครุ่นคิด เพราะแต่ไหนแต่ไรมาพริมโรสไม่เคยมีแสดงอาการกลุ้มอกกลุ้มใจจนต้องปรึกษาเธอเลย พริมโรสคนที่หล่อนรู้จักมักคิดและตัดสินใจทําอะไรด้วยตัวเองเสมอโดย ที่ไม่เคยคิดจะปรึกษาใคร แต่นี่...กลับขอความเห็นจากหล่อน ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ แต่พราวฟ้ารู้ดีว่าถึงถามอะไรไปตอนนี้คงไม่ได้คําตอบอยู่ดี เพราะพริมโรสคงไม่ปริปากพูดอะไรออกมาแน่ “อืม...ว่าแต่แกจะมาอยู่กับชั้นไหม มีอะไรเราสองคนจะได้ช่วยกัน” พริมโรสมองหน้าเพื่อนอย่างขอบใจ “ไม่เป็นไรหรอกพริมอยู่นาน คงเป็นปีแหละ...พริมเกรงใจ” พราวฟ้าหว่านล้อมให้พริมโรสพักกับตัวเอง แต่พริมโรสก็ปฏิเสธ จนเธอบอกว่าจะเก็บค่าเช่าบ้านด้วยนั่นแหละที่เพื่อนหัวดื้อจึงยอมตกลงที่จะอยู่ด้วย “แล้วจะมาอยู่วันไหน ชั้นจะได้เตรียมห้องไว้ให้” “วันนี้...ชั้นมีกระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วยแล้ว เรื่องทําความสะอาดไม่ต้องห่วง เดี๋ยวชั้นจัดการเอง” “เขมปล่อยให้กลับไปแบบนี้ได้ไง ถ้าเกิดยัยวิเป็นอะไรขึ้นมาจะทํายังไง” คุณวิภาดาโวยวายขึ้นมาทันทีที่เห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องรับแขก “เจ้ากรอยู่ไหน” เขาถามเสียงห้วนโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร “คุณแม่เห็นหรือยังค่ะ ว่ามันร้ายเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง ดูสิพี่เขมไม่ห่วงวิเลย วิเกือบถูกฆ่าตาย” วิลาสินีได้ทีใส่ไฟเรื่องที่เกิด ขึ้นวันนี้ให้ผู้เป็นแม่ฟัง “นั่นน่ะสิเขม...เขมจะปล่อยเฉยอย่างนี้ไม่ได้นะ เขมหลงนังนั่นจนลืมไปแล้วเหรอว่า เขมสัญญากับคุณพ่อก่อนตายว่ายังไง” เพราะคําพูดที่ทวงสัญญานั่นแหละที่ทําให้ดวงตาคมกริบคู่นั้นเป็นประกายไฟขึ้นมา เป็นผลให้สองแม่ลูกถึงกับผงะด้วยความกลัวชายหนุ่มตรงหน้า “ผมจะให้คาร์ลอตจัดคนมาคุ้มครองให้...คงพอใจนะ แต่ตอนนี้ เจ้ากรมันอยู่ไหน” ถามเสียงดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจใคร “อยู่บนห้องค่ะ” วิลาสินีตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เมื่อเขมชาติเดินมาถึงหน้าห้องของน้องชายตัวเอง อารมณ์ที่โมโหจากการที่คุณวิภาดาทวงสัญญาเมื่อครู่ ดูจะระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง “ป้าหม้อม...ป้าหม้อม” เสียงตะโกนเรียกแม่บ้านดังลั่น “ขา ขา...มาแล้วค่ะ คุณผู้ชาย” แม่บ้านสูงวัยที่ทํางานที่นี่มาตั้งแต่ยังสาวรีบวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา “เอากุญแจมาเปิดห้องเดี๋ยวนี้ ใครเป็นคนสั่งให้ขังเจ้ากร” “คุณวิภาดาค่ะ แล้วตอนนี้กุญแจก็อยู่กับคุณดาค่ะ” เสียงแม่บ้านรีบตอบก่อนที่เขมชาติจะโกรธมากกว่านี้ คนที่นี่ไม่มีใครเรียกคุณวิภาดาว่าคุณผู้หญิงเพราะคุณผู้หญิงที่เสียไปสั่งไว้ให้เรียกว่าคุณดา และเหตุผลที่ให้เรียกอย่างนั้นเป็นเหตุผลที่ทําให้คุณวิภาดารู้สึกคับแค้นใจจนมาถึงทุกวันนี้ ‘คุณผู้หญิงของบ้าน คือ คนที่เป็นนายหญิงของบ้านนี้ และคนที่เป็น นายหญิงของบ้านนี้ก็คือ แม่ของนายเขม ถ้าจะมีนายหญิงคนใหม่ คน ๆ นั้นต้องเป็น ภรรยาของนายเขม ไม่ใช่ภรรยาของชั้น’ นั่นเป็นประกาศิตของเจ้าของบ้านคนก่อน ที่สั่งทุกคนเมื่อวันแรกที่พาคุณวิภาดาเข้าบ้านหลังนี้ “ไปเอากุญแจมาเดี๋ยวนี้” “เอ่อ...คือ...” “ไม่ต้อง ตากรเป็นลูกของอา อามีสิทธิ์จะทําอะไรก็ได้” เสียงคุณวิภาดาดังขึ้น “แต่บ้านนี้เป็นบ้านของผม” คําพูดเด็ดขาดของเขมชาติทําเอาคนฟังถึงกับหน้าเสีย ใช่...บ้านหลังนี้เป็นของเขมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างตกเป็นของเขมชาติแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคุณวิภาดาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมที่สามีผู้ล่วงลับยกทุกอย่างให้อยู่ในความดูแลของเขมชาติ โดยให้เขมชาติสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดี “เปิดประตูเดี๋ยวนี้” คุณวิภาดามองหน้าเขมชาติอย่างขัดใจก่อนจะยอมไขกุญแจห้องของลูกชาย เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก เขมชาติแทบจะตะลึงกับสภาพห้องที่เห็น ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ถูกปาเกลื่อนห้อง ที่ร้ายไปกว่านั้นน้องชายของเขานอนควํ่าหน้าอยู่บนพื้น ในสภาพที่ผมเผ้ายุ่งเหยิ่ง หนวดเครารกรุงรังเพราะไม่ได้ใส่ใจตัวเอง “กร...นายกร ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” เขมชาติเข้าไปกระชากร่างของน้องชายให้ลุกขึ้นมาทันที เขมกรที่ยังคงสะลึมสะลือไม่ได้สติ ปากก็พูดพรํ่าเพ้อไปเรื่อย “ปล่อย ผม...แม่ ปล่อยผม” “ตั้งสติหน่อยสิ ถ้านายยังเป็นอย่างนี้...ใครจะยกน้องสาวให้” เขมชาติตะคอกใส่น้องเพื่อเรียกสติน้องชายตัวเองกลับคืนมา และดูเหมือนคราวนี้จะได้ผล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม