ตอนที่ 2
เขมชาติเงยหน้าจากกองเอกสารเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ พริมโรสยิ้ม ให้กับเลขาของเขา ทําเอามือที่กําลังเซ็นงานอยู่ชะงัก ก่อนจะปิดแฟ้มตรงหน้าเอนหลังพิงพนักมองหน้าคนมาใหม่อย่างสนใจ แต่แววตาคนตรงหน้ากลับเหมือนนางเสือที่พร้อมจะขยํ้า เหยื่อได้ทุกเวลา
“เชิญนั่งสิ!”
เขาพูดขึ้นมาอย่างไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีแม้กระทั่งลุกขึ้นยืนแล้วเชิญให้นั่ง ตามมารยาทที่พึงจะมี เขมชาติก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่า ทําไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยและผ่อนคลายเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้
แต่เขากล้า สาบานได้ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอผู้หญิงคนนี้
“ขอบคุณค่ะ” ตอบสั้น ๆ พร้อมกับนั่งลงอย่างไม่ใส่ใจกับอาการที่ถูกผู้ชายตรงหน้ามองอย่างสํารวจ
“ดิฉันชื่อพริมโรส เป็นพี่สาวของพิชชภรณ์ ดิฉันมาที่นี่เพราะเรื่องของน้องสาวดิฉันกับนายเขมกรน้องของคุณ” ไม่มีการกล่าวยืดเยื้อเข้าเรื่องทันทีอย่างไม่ต้องรอให้ใครถาม
แทนที่จะเข้าเรื่องตามความต้องการของพริมโรส เขมชาติกลับถามในเรื่องที่เขาสงสัยมาตั้งแต่แรกและเป็นเรื่องที่ทําให้ทั้งให้เขางงเรื่องที่เธอบอกว่าทนายมาขอพบ
“ทําไมต้องบอกว่าเป็นทนายมาขอพบ”
“ทนายชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคนว่าความในคดีความต่าง ๆ หรือจะพูดให้ง่ายถ้าน้องชายคุณไม่รับผิดชอบก็เจอกันที่ศาล” หญิงสาวตรงหน้าสบตากับเขมชาติอย่างไม่สะทกสะท้านในขณะพูด
เป็นครั้งแรก...นี่เป็นครั้งแรก ที่มีคนกล้าสบตาของเขาอย่างนี้
พูดจบก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองคนตรงหน้าอย่างสบายใจ ด้วยกริยาไม่ต่างกัน...
‘อย่านึกว่าไอ้หน้าโหด ๆ ของนายจะข่มขวัญฉันได้ล่ะก็...คิดผิดไป แล้วพวก’ ......
‘ผู้หญิงคนนี้ร้ายไม่เบา...’ เขมชาติค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนขอบโต๊ะตรงหน้าของพริมโรส
“แล้วคุณจะให้ผมทำอย่างไร ในเมื่อผมไม่ได้เป็นคนทำให้น้องสาวคุณท้อง” ชายหนุ่มถามพร้อมทั้งก้มหน้ามองอย่างค้นหาคําตอบ
“คุณไม่ต้องทำอะไร แค่ให้น้องชายของคุณรีบโผล่หัวออกมา เพราะดิฉันจะไม่ยอมยกน้องสาวให้กับคนที่แม้แต่ชีวิตก็เลือกทางเดินให้กับตัวเองไม่ได้” น้ำเสียงที่เด็ดขาดและแววตาที่เหี้ยมขึ้นทําให้คนฟังต้องคิดและถามใหม่อีกครั้งอย่างลองเชิง
“มันไม่สายไม่หน่อยเหรอ! ในเมื่อน้องสาวคุณอุ้มท้องลูกของน้องชายผมอยู่”
“เพราะแบบนี้ไง..ฉันถึงต้องมาเตือนก่อน”
“คุณมาเตือนผิดคนแล้วล่ะ เพราะผมเขมชาติ...ไม่ใช่ เขมกร”
“ไม่ผิดหรอก...เพราะดิฉันไม่ได้ตั้งใจมาแค่นี้” เขมชาติลอบมองหน้าผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าอย่างสนใจ แววตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้กลับมีแววของรอยยิ้มปนอยู่
เขายิ้มอย่างถูกใจอะไรบางอย่าง ยิ้มอย่างคนที่มีแผนบางอย่างที่มากกว่านั้น ยิ้มแบบที่เขามักใช้เสมอเวลาที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาวางไว้อย่างจงใจ โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว
“ดิฉันแค่ต้องการจะทําให้ใครบางคนสะดุ้ง อยู่ไม่เป็นสุขบ้างก็เท่านั้นเอง...”
ก่อนที่พริมโรสจะพูดจบ หรือเขมชาติจะได้ถามต่อ ประตูห้องทํางานก็ถูกเปิดออกอย่างไม่มีการเคาะล่วงหน้า เป็นจังหวะเดียวกันกับพริมโรสที่รีบลุกจากเก้าอี้ไปกอดชายหนุ่มตรงหน้า หรือถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเรียกว่ากระโจนเข้าไปกอดเขมชาติที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ทําเอาทั้งคนที่ถูกกอดและคนที่เข้ามาใหม่ทุกคนชะงัก เพราะไม่มีใครล่วงรู้ความคิดของพริมโรสได้ว่าต้องการอะไรกันแน่ ต่างฝ่ายต่างนิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยที่เขมชาติเผลอโอบตัวพริมโรสไว้ตอนที่หญิงสาวกระโจนเข้าใส่ ส่วนพริมโรสนั้นไม่ต้องพูดถึง ก้มหน้าซบอกชายหนุ่มอย่างสบายอารมณ์
ถ้ามองจากสายตาของคนภายนอกแล้ว เหมือนกับว่ากําลังเข้ามาขัดจังหวะของหนุ่มสาวที่กําลังพลอดรักกันอยู่ เป็นผลให้หญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามาใหม่กํามือแน่นด้วยความโกรธ
‘กล้าดียังไงมาแย่ง พี่เขมของฉัน...’
ส่วนลูกน้องของเขมชาติต่างมองหน้าเจ้านายอย่างแปลกใจ ทั้งชงคม คาร์ลอต และพรรณาราย ต่างรู้จักเขมชาติดีอยู่แล้วว่า ชายหนุ่มไม่ชอบทําอะไรรุ่มร่ามในที่ทํางาน หรือที่สาธารณะเพราะไม่อยากตกเป็นข่าวเหมือนเพื่อนสนิทที่เป็นข่าวเรื่องผู้หญิงไม่เว้นแต่ละวัน ‘เจ้านายไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่..’ .
“พี่เขมทําอย่างนี้กับวิได้ไง” หญิงสาวที่มาใหม่โวยวายขึ้นทันทีที่ตั้งตัวได้
“แหม...เสียมารยาทจัง ไหนบอกว่าปลอดคนไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนเวลาของเราสองคนไงคะ...ที่รัก” ทั้งน้ำเสียงที่หวานกว่าเดิม ทั้งใบหน้าที่หวานละมุนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังไม่รวมถึงนัยน์ตาดุของเจ้าตัวที่เงยหน้าขึ้นมาสบกับชายหนุ่มส่องประกายวาววับดูหวานซึ้งรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัว ทําให้เขมชาติถึงกับอึ้งคิดอะไรต่อไม่ออก เป็นครั้งแรกที่เขมชาติยอมรับกับ ตัวเองว่า...อึ้ง
‘คุณทําให้ผมคิดอะไรไม่ออก...’
พริมโรสเงยหน้าถามเขมชาติก่อนจะหันมามองผู้บุกรุกด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะหันไปซบอกเขมชาติอีกครั้งเพื่ออวดผู้หญิงคนนั้น
“แก...แก นังพริม!!” วิลาสินีชี้หน้าร้องอย่างตกใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่อยู่ในอ้อมกอดของชายที่เธอหมายปอง
“ที่รักขา...เพราะคุณวิเป็นน้องสาวคุณใช่ไหมคะ คุณถึงตามใจเธอจนเหลิง ทําอะไรตามใจชอบอย่างนี้...ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวพริมจัดการให้คุณเองไม่ต้องห่วงค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้เขมชาติอีกรอบ
ปัง!!!!!
เสียงปืนในมือพริมโรสดังขึ้นทันทีที่เจ้าตัวพูดประโยคนั้นจบและหันมามองทางวิลาสินี วิถีกระสุนที่เฉียดหน้าไปอย่างหวุดหวิดนั้น ทําให้ทุกคนตะลึง ก่อนเขมชาติจะลุกขึ้นยืนอย่างตั้งตัวได้และรีบดึงปืนออกจากมือพริมโรสทันที
ชงคมและคาร์ลอตจะเข้ามา แต่ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อสบตากับเจ้านาย ที่บอกว่า...ห้ามยุ่ง
เขมชาติพิจารณาปืนที่ดึงมาจากมือของพริมโรสอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะพูดไม่ออกอีกครั้ง...ปืนของเขา เขมชาติใช้มืออีกข้างจับซองปืนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อสูทบริเวณหน้าอกด้านซ้าย...ว่างเปล่า มองสบตาผู้หญิงตรงหน้าที่นัยน์ตาตอนนี้มีแววเย้ยหยันอยู่ในที
‘ร้ายกาจ’
“ว้าย!...ชั้นไม่ยอม” เสียงกรี๊ดของวิลาสินีทันทีหายตกใจ พร้อมกับเดิน ตรงเข้ามาจะทําร้ายคนที่บังอาจเกือบฆ่าเธอ คนที่กล้าแย่งคนที่เธอหมายปอง ซึ่งขณะนี้ยืนหันหลังให้อยู่
แต่วิลาสินีก็ต้องเจ็บตัวอีกครั้ง เพราะพริมโรสที่หันขวับมาพอดี มือข้างหนึ่งยื่นมาบีบคอไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก พร้อมกับดึงเข้ามา ใกล้ ๆ และพูดเสียงเข้มข้าง ๆ หูว่า
“สําหรับฉันใครทำให้เจ็บ มันผู้นั้นต้องเจ็บกว่า” ก่อนจะ ผลักวิลาสินีออกไปกองตรงหน้ายักษ์สองตนที่ยืนปักหลักอยู่ข้างหลัง
แล้วหมุนตัวเดินมาหาเขมชาติอีกครั้ง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าหอมแก้มชายหนุ่มเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างท้าทาย
“รู้หรือยังว่าใครจะอยู่ไม่สุข” เธอกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงแค่สองคน และพูดต่อด้วยเสียงดังเพราะต้องการให้ทุกคนได้ยิน
“พริมกลับก่อนนะคะ...ที่รัก วันนี้เสียฤกษ์หมด” เธอพูดอย่างอ่อนหวาน แต่ก็ดังพอที่จะทําให้ทุกคนได้ยิน
เมื่อเดินผ่านหน้าวิลาสินีที่คาร์ลอตช่วยพยุงตัวลุกขึ้น ก็พูดเสียงแข็งว่า
“ถ้าไม่อยากโดนกระสุนเจาะกะโหลกเหมือนเมื่อกี้ อย่ายุ่งเรื่องของน้องชายให้มากนัก...เพราะฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป”
ก่อนจะหันมาคว้ากระเป๋ามาถือไว้ในมือแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คนที่เหลือยืนนิ่งด้วยความรู้สึกต่างกัน
เขมชาติเดินไปหยิบกรอบรูปที่ล้มอยู่ รูปครอบครัวที่ถ่ายพร้อมกันเมื่อสองปีก่อน กระเด็นไปข้างหลังชั้นวางที่ตั้งอยู่ตามแรงกระสุนที่โดนกรอบรูปนี้อย่างจัง
ชายหนุ่มก้มมองรูปที่อยู่ในมือ กระสุนลูกนั้นทะลุผ่านกลางศีรษะของหญิงสาวคนหนึ่งในรูปได้อย่างพอดี และตัวจริงของผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนเดียวกับที่วิถีกระสุนเฉียดไปเมื่อครู่
.
‘เธอจงใจ’
ชงคมสบตากับเขมชาติ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนเป็นใครกันแน่ คงไม่ใช่เป็นแค่พี่สาวที่มาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องสาวแน่ ๆ หล่อนต้องเป็นอะไร มากกว่านั้น
แม้บรรยากาศภายนอกจะร้อนอบอ้าว หรือผู้คนเดินผ่านไปมาจะพลุกพล่านขนาดไหนก็ไม่ทําให้หญิงสาวที่เดินนําหน้าอยู่เหนื่อยหรือหยุดพักแต่อย่างใด ทําให้คนที่ตามมาห่าง ๆ ต้องคอยตามอย่างอดทน แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงเดินไปพลางดูของที่วางขายข้างทางไปพลางอย่างสบายอารมณ์และไม่รู้ตัวว่ากําลังถูกตามอยู่ ‘จะไปไหนของเขา’
ชงคมคิดพลางขณะสะกดรอยตามพริมโรสมาตั้งแต่ออกจากบริษัท แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวคนนี้จะมีจุดหมายปลายทางที่แน่ชัด เพราะหลังจากขึ้นรถเมล์หน้าบริษัทก็ตรงมาที่ตลาดจัตุจักร ก่อนจะมาที่ตลาดไท และมีทีท่าว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้
ชงคมเองไม่มีทางรู้ว่า พริมโรสที่เดินอยู่นั้นเดินไปยิ้มไปอย่างมีความสุขกับเกมที่เธอเป็นคนเริ่มต้น และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่ม เป็นไปตามแผน ..
‘อย่าคิดว่าสะกดรอยตามแล้วฉันจะไม่รู้นะ’
หญิงสาวแกล้งทำตัวเป็นไกด์นําเที่ยวอย่างไม่เป็นทางการ พาชายหนุ่มที่ตามประกบเที่ยวรอบกรุงเทพอย่างไม่ใส่ใจว่าลูกทัวร์จะตามทันหรือไม่ จากสิบเอ็ดโมงเช้าจนกระทั่งถึงบ่ายสองการทัวร์ครั้งนี้จึงยุติลงโดยที่ลูกทัวร์อย่างชงคมถูกไกด์อย่างพริมโรสทิ้งให้หาทางกลับเองอย่างจงใจ ชงคมเริ่มรู้ตัวว่าถูกเธอแกล้งให้เดินตามไปทุกที่ แต่ก็ยินดีให้หลอก เพราะเขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอย่างไรต่อไป
‘เธอไม่ธรรมดาจริง ๆ’
พริมโรสต้องมีฝีมือ พอตัวทีเดียว แต่ถ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะยอมหยุดอยู่แค่นี้...คิดผิด ไปแล้ว
“นายครับ ได้เรื่องไหมครับ” คาร์ลอตถามเจ้านายอย่างอยากรู้ เขมชาติเงยหน้ามองลูกน้องชาวต่างชาติก่อนจะส่ายหน้า พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“กลับก่อนนายช่วยดูแลเรื่องที่เราคุยกันให้เรียบร้อย อํานวยความสะดวกให้เต็มที่ แต่อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด” สั่งลูกน้องเสร็จเจ้านายหนุ่มก็ถือกระเป๋าเอกสารเดินออกจากห้องไป