“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ได้เจ็บอะไร ขอบคุณค่ะ” ก้มศีรษะลงก่อนรับเอาหนังสือเก่าหลายเล่มจากมือหนุ่มแปลกหน้าคนเดิมกับที่เคยเจอครั้งก่อน เฟื่องลดาแอบชำเรืองสายตามองนาฬิกา
“ผมเดินชนคุณตั้งสองครั้ง ไหล่คุณคงช้ำแล้วช้ำอีก ให้ผมรับผิดชอบด้วยการถือหนังสือเข้าไปส่งคุณถึงโต๊ะทำงานนะครับ ผมชื่อฐานัส เป็นหุ้นส่วนรายเล็กๆ เล็กมาก แล้วก็วิศวกรในบริษัท”
“เฟื่องลดาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ แต่หนังสือแค่สองสามเล่มดิฉันถือเองได้สบายมากค่ะ”
“แต่ถึงยังไงผมก็อยากแสดงความรับผิดชอบอะไรบ้าง ไม่ใช่ปล่อยผ่านเหมือนคราวก่อน” ว่าจบหนุ่มคนนั้นก็ล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ค้นหานามบัตรมาส่งให้
“ถ้าไม่รังเกียจ รับนามบัตรผมไว้นะครับ”
“ดิฉันไม่รู้จะรับมาทำไม คุณฐานัสเก็บไว้ให้คนอื่นเถอะนะคะ”
“แต่ผมอยากให้คุณเก็บไว้นี่ครับ เผื่อจะมีเรื่องอะไรที่ผมสามารถช่วยได้” ชายหนุ่มยังคงตื้อจะให้รับนามบัตรให้ได้ เฟื่องลดาไม่สบายใจเพราะใกล้จะหมดเวลาพักเที่ยงแล้วแต่ตนเองยังไม่ได้กินข้าว กว่าจะเบียดลงลิฟต์มาถึงข้างล่างเพื่อรับของจากไลน์แมนได้ก็หลายนาที ทั้งหมดเป็นหนังสือเตรียมสอบสั่งจากในอินเทอร์เน็ต เฟื่องลดาเลือกซื้อมือสองเช่นเคยปกถึงเก่ามาก
สายตาเขาอ้อนมาก ยังยื่นนามบัตรมาให้ แวบเดียวที่ละสายตามองไปทางอื่นก็บังเอิญเห็นรณภพกำลังเดินเข้ามา เวรกรรม ดูสายตาเขาที่มองจ้องหล่อนในวินาทีนี้สิราวกับกำลังจะประณามว่าแรดร่านอ่อยผู้ชายไม่เลือก
“ขอบคุณที่หยิบยื่นน้ำใจมาให้นะคะ จะบ่ายโมงแล้วดิฉันจำเป็นต้องขอตัว”
“คุณ! เดี๋ยวก่อนสิคุณ”
ฐานัสเสียหน้ากำลังจะเดินตามสาวคนนั้นเข้าไปในบริษัท เกิดมาจนอายุขนาดนี้ยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนไม่หลงเสน่ห์หรือปฏิเสธการจีบจากเขามาก่อนแล้วเจ้าหล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ก็แค่เมียเก็บของไอ้ภพหรือเปล่า แล้วจะเล่นตัวหาสวรรค์วิมานอะไร
“สาบานมาสิ ว่าที่ตามตื้อผู้หญิงคนนั้นเพราะไม่รู้ว่าหล่อนเป็นแม่ของลูกฉัน”
ฐานัสหันกลับมามองข้างหลังถึงรู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงรีบเดินหนี ที่แท้ก็กลัวถูกไอ้ภพด่านี่เอง
“เอากับผู้หญิงคนเดียวกันมาตั้งเยอะ แล้วจะขัดหูขัดคออะไรมากมายถ้าฉันจะสนใจผู้หญิงคนนั้น ได้ข่าวว่าไม่สนใจหล่อนนี่นา หรือแค่แกล้งไม่สนใจแต่เอาเข้าจริงตอนกลางคืนก็ทะลวงกันไปถึงไหนต่อไหน”
“อย่าอยากเสือกเรื่องคนอื่นเลย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนได้ข่าวว่าตำรวจเข้ามาบริหารงานแทนไปหลายที่แล้วนี่ น่าจะไปดูแลความเรียบร้อยแถบชายแดนได้แล้วนะไม่ใช่มาลอยหน้าลอยตาอยู่ที่นี่”
“ไอ้ภพ! มึงชักจะสู่รู้เรื่องของกูมากไปแล้วนะ เสือกมากๆ ระวังตัวให้ดีเถอะมึง!”
รณภพยิ้มมุมปาก “ขอบคุณที่เป็นห่วง ไว้จะระวังตัวตามคำแนะนำ”
“คุณฐานัสครับ ขออนุญาตครับ…”
เลขาหนุ่มชะงักงันเมื่อเห็นเจ้านายอยู่กับคู่อริก่อนจะรีบเข้ามากระซิบข้างหูแจ้งข่าวสำคัญ ฐานัสพยักหน้ารับเร็วๆ ก่อนจะชี้หน้ารณภพจากนั้นก็รีบเดินตามเลขาไปขึ้นรถ ขณะนั้นรสรินเพิ่งจะหาที่จอดรถได้และเดินกลับมาสมทบเจ้านายบังเอิญเห็นเหตุการณ์คร่าวๆ ก็พอจะคาดเดาได้
“คุณฐานัสไม่เอาการไม่เอางานใช้ไม่ได้เลยนะคะ คงจะเข้ามาป่วนบริษัทเหมือนเดิม อ้าว…”
นินทายังไม่ทันถึงไหนเลยเจ้านายเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ รสรินปวดหัวมากรีบจ้ำเท้าตามเจ้านายเข้าไปข้างใน เกือบตามไม่ทันดีนะที่เจ้านายเมตตากดลิฟต์ค้างไว้รอ
เลขาสาวเดินบนส้นสูงนานเห็นเส้นเลือดขอดเป็นเส้นๆ หอบแฮ่กๆ หายใจถี่กระชั้น รีบกางสมุดนัดหมายรายเดือนออกมารายงานว่าหลังจากประชุมเจ้านายมีนัดต่อที่ไหน
“ยกเลิกให้หมด แล้วรีบไปตามตัวเฟื่องลดามาพบผมตอนนี้ พูดแค่นี้คงเข้าใจนะ”
“ยะ… ยกเลิกให้หมด ยกเลิก เอ่อ… ค่ะ เข้าใจก็ได้ค่ะ” รสรินยังงงๆ รีบกดลิฟต์ชั้นแผนกการตลาดทันก่อนที่มันจะขึ้นสูงไปยังชั้นผู้บริหาร วิ่งสิบคูณร้อยเมตรเข้าไปควานหาตัวเฟื่องลดาขึ้นไปข้างบนพร้อมกันเพราะมีเวลาอีกแค่ไม่ถึงสิบเจ็ดนาทีรณภพก็จะต้องเข้าประชุมแล้ว ทำงานกับรณภพได้เงินเดือนสูงมากกว่าบริษัทอื่นก็จริงแต่งานหนักมาก ไหนจะต้องรองรับอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเจ้านาย
“น้องเฟื่องคะ อีกสิบนาทีคุณภพมีประชุมโครงการ พี่ฝากช่วยดูเวลาหน่อยนะคะ”
รสรินยิ้มประจบวิ่งเหยาะๆ บนรองเท้าส้นสูงตามมาบรีฟ เฟื่องลดาเป็นคนน่ารักไม่ค่อยเถียงหรือมีปากเสียงอะไรอยู่แล้วก็ยอมตอบรับก่อนจะผลักประตูเข้าไปรับลูกระเบิด จากยิ้มแย้มใบหน้าของรสรินก็กลับมาเคร่งเครียดตามเดิม
“โอ๊ย ระเบิดอะไรก็แล้วแต่เชิญไปลงที่คุณน้องเฟื่องให้หมด อย่าเหลือมาส่งที่รสเลยนะเจ้าพระคุณ เพี้ยงงง”
ขอบนบาลศาลกล่าวสิ่งศักดิ์หน้าบริษัทหนึ่งวัน ถ้าได้ผลจะเอาไข้ต้มไปถวายสามฟองถ้วน!
เฟื่องลดาผลักประตูเข้ามาเดินต่ออีกเล็กน้อยก็พบโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ รวมไปถึงเจ้าของห้องที่กำลังนั่งหน้าตาเหมือนคนท้องผูกไม่ได้ขับถ่ายมาสามวัน ตาเขาดุและขวางโลกมาก ปากก็เชิดมุมขึ้นได้องศาพร้อมตวาดด่ากราดตลอดเวลา
“กว่าจะมาได้นะ นึกว่าต้องให้คนเอาพรมแดงไปปูรอต้อนรับถึงหน้าลิฟต์!”
ผิดจากที่คิดไว้เสียที่ไหน ยังไม่ทันพูดอะไรเขาก็ด่าซะแล้ว
“คุณรสลงไปตามบอกว่าคุณภพมีเรื่องอยากคุยกับเฟื่อง”
“ก็ใช่ไง ถ้าไม่มีเรื่องคุยคิดเหรอว่าฉันจะสนใจเรียกเธอขึ้นมาถึงห้องนี้!” รองประธานหนุ่มแสยะยิ้มบิดมุมปากขึ้นสูงจนน่าเกลียด ปรายสายตามองเมียคืนเดียวหัวจรดเท้าอย่างไม่สบอารมณ์
“หน้าตาบ้านๆ แต่งตัวก็เชยเป็นคุณป้า จะบอกให้เอาบุญว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่ได้มีอะไรดีดึงดูดฐานัสได้หรอก แต่เพราะเธอมีความสัมพันธ์เป็นเมียฉันไง มันถึงเข้าหาเธอเพื่อต้องการจะเอาชนะฉัน รู้อย่างนี้แล้วก็เลิกลำพองใจคิดว่ามีผู้ชายหน้าโง่มาหลงชอบได้แล้ว!”
“ถ้าคุณภพจะเรียกมาตำหนิเรื่องนี้ เฟื่องว่าเฟื่องขอตัวกลับไปทำงานต่อจะมีประโยชน์มากกว่านะคะ …ไร้สาระ”