บ้านพักหรูที่พึ่งซื้อได้ไม่นานของพ่อเขาพึ่งเคยมาครั้งแรกนี่แหละแต่ถึงอย่างนั้นลูกน้องคนรับใช้ก็ยังเป็นคนเดิมๆ เขาแค่ก้าวขาเข้ามาทุกคนที่ต่างหันมามองยิ้มให้ก่อนจะหุบยิ้มแล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อไป นี่คิดว่าเป็นไอ้สิงห์เหรอ? เขากับพี่ชายนิสัยไม่คล้ายสักกันนิดเดียวแต่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก
“พ่อฉันล่ะ?”
“คุณท่านอยู่ห้องทำงานค่ะคุณเสือ”
“อืม ไอ้น้อยไปจัดการเรื่องจีนให้เรียบร้อยพรุ่งนี้ต้องรู้เรื่องทุกอย่างไม่ว่าที่โรงพยาบาลนั้นมีใครอยู่ กำลังคบกับใคร ได้งานรึยัง ทุกอย่างพรุ่งนี้ต้องได้เรื่องไม่งั้นได้เลือดแทน” เขาบอกไม่ดังมากแต่รู้ว่ามันต้องไปทำตามแน่นอนแล้วถึงขึ้นไปหาพ่อที่ห้องทำงานโดยที่เกรทยังคงติดตามมาอยู่
“กว่าจะมาหาพ่อได้นะ” ชัชชาติมองลูกชายคนเล็กที่นานๆทีจะแวะะมาหากัน
“แล้วแม่ล่ะ?” มีพ่ออยู่แล้วแม่ไปไหนอีก
“แม่แกไปหาเพื่อนเดี๋ยวคงกลับ นี่แกจะไม่ถามไถ่ถึงหนูเบลหน่อยเหรอ?” เบลนั้นเป็นแค่ตัวล่อเท่านั้นเพราะว่าเขาอยากให้ลูกชายคนเล็กซึ่งอายุปาเข้าไป 33 ปีแล้วยังไร้วี่แววคนรักหรือแม้แต่จะลงเอยกับใครได้เลย
เขาส่งลูกชายคนโตไปช่วยให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้นเพราะเจ้าสิงห์กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้ากับลูกสาวเพื่อนอีกคนซึ่งมารู้ทีหลังว่าคบกันมาสักพักแต่ปิดเป็นความลับ มีความลับกับพ่อทั้งพี่ทั้งน้องตลอด! แต่ว่าเจ้าเสือเนี่ยมันยากกว่าหน่อยเพราะไม่มีใครเลยจากที่สงสัยว่าจะเป็นหนูจีนทุกอย่างก็ยังคงเงียบจนสายรายงานมาว่าหนูจีนยื่นใบลาออก
คิดว่าน่าจะทนเจ้าเสือไม่ไหวแล้ว
“เลิกจับคู่ผมเหมือนไอ้สิงห์ได้แล้ว รำคาญว่ะพ่อ” พ่อคงจะเหมือนเดิมที่อยากให้เขาเป็นฝั่งเป็นฝาแต่ลืมถามความคิดเห็นเขา ผู้หญิงทุกคนที่พ่อพยายามจะยัดเยียดให้เขาไม่ต้องการเลยสักนิดเดียวนะแต่คนที่เขาต้องการจริงๆตอนนี้ก็ไม่ต้องการเขาเหมือนกัน!
“เจ้าเสือแกอายุ 33 ปีส่วนพ่อใกล้เลขเจ็ดขึ้นทุกวัน”
“แล้วไง?”
“เจ้าสิงห์กำลังจะแต่งงานแล้ว”
“ห๊ะ!! ไอ้สิงห์เนี่ยนะ!?” ช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าประหลาดใจไปหมดเลยแต่ก็ไม่แปลกมากในเมื่อบังคับเขาไม่ได้ก็หันไปทางพี่ชายเขาแทน
อะไรจะอยากอุ้มหลานขนาดนั้น!
“แต่มันต้องทำให้แกมีคนรักก่อนพ่อถึงจะยอม”
“งั้นบอกมันรอเลยสักสิบปีนะพ่อ” ถึงความจริงอาจจะไม่นานขนาดนั้นเพราะเขาได้เมียแล้วเพียงแต่ยังคุยกันไม่เข้าใจแค่นั้นเอง
“คุยเรื่องนี้แล้วเครียด นี่แกแวะไปหาหนูจีนมาบ้างรึยัง?” ก็หนูจีนลาออกไปแล้วแต่คิดว่าคงจะเกลี่ยกล่อมให้กลับไปทำงานด้วยกันอีกครั้งเพราะไม่ไหวจะเคลียร์กับปัญหาที่ลูกชายชอบสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน
ช่วงก่อนหน้าสี่ปีมานี้เขาเสียเงินไปเยอะพอสมควรในการปิดปากคนแล้วเพื่อช่วยลูกชายเพราะหาเรื่องเก่งมากเหลือเกิน บางวันไปท้าทายพวกมาเฟียบ้างขาโหดบ้างแหละ บางครั้งหมั่นไส้คนอื่นจนไปหาเรื่องเขาเองบ้างก็มี แล้วยังหลายครั้งที่ใจร้อนไม่ค่อยเชื่อฟังใครพร้อมจะใช้กำลังมากกว่าสมองทั้งที่เป็นคนฉลาดแต่ดันขาดสติบ่อยมาก
หลังจากส่งหนูจีนไปทำงานด้วยเพราะเห็นบ่นว่าไม่มีคนช่วยทั้งที่มีลูกน้องคนสนิทถึงสามคนนะแต่ทุกอย่างก็ดีขึ้นมาก จากที่เสียเงินปีหนึ่งหลายล้านก็แทบจะไม่เสียอะไรแล้ว ตอนนี้หนูจีนลาออกเขาก็กลัวว่าลูกชายคนเล็กจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
คนเป็นพ่อใครมันจะอยากเห็นลูกตัวเจ็บ
“จีนลาออกไปแล้วผมจะไปหาทำไม?” ถ้าบอกว่าพึ่งไปหาจะเชื่อไหม? ถ้าเขาบอกความลับให้พ่อรู้จะตกใจไหมแล้วจะเป็นยังไงต่อ เขาเลือกที่จะเก็บเงียบรวมถึงปรายตามองลูกน้องให้มันนิ่งมากที่สุดด้วย
“ไปกินข้าวเถอะแม่แกน่าจะมาแล้ว”
เสือนั่งทานอาหารกลับครอบครัวแต่ในหัวมันคิดถึงแต่เมียไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เขาอยากจะยื้อเวลาให้มากกว่านี้แต่ก็ต้องอยู่กับครอบครัวด้วยเพราะนานแล้วที่ไม่ได้มาเยี่ยมพ่อแม่แบบนี้ แล้วก็นานมากที่ไม่เคยกินข้าวรวมโต๊ะกับครบทุกคน ครั้งนี้ขาดแค่ไอ้สิงห์คนเดียวเพราะมันบอกว่าจะดูแลงานทุกอย่างให้เองแล้วให้เขามาที่นี่ยาวเลย
เขามาแค่เดือนเดียวแต่ก่อนจะกลับเขาต้องหาทางเอาจีนกลับไปด้วยให้ได้แน่นอน เขาจะไม่ชอบให้เมียอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วคงต้องใช้ความเจ้าเล่ห์ด้วยไม่อย่างนั้นคงยากมากแน่
“เสือเป็นไงบ้างลูกมานิวยอร์กมัวแต่ไปติดสาวไหนถึงพึ่งมาหาแม่?” โซเฟียถามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มาได้ตั้งหนึ่งอาทิตย์แต่พึ่งจะมาหากัน
“ใครจะมาเอาผมล่ะแม่?” ขนาดจีนยังไม่เอาเลย...พูดแล้วอยากจะกลับไปกอดว่ะ
“อย่ามาหลอกแม่นะตาเสือ!”
“ผมพูดจริงๆผู้หญิงแม่งไม่ชอบผมหรอก”
“พูดแบบนี้แสดงว่าลูกแอบชอบใครอยู่?”
“…” เขาไม่ตอบอะไรหันมาสนใจกินอาหารเย็นต่อเพราะถ้าบอกไปก็เท่านั้นเรื่องนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้หรอกนอกจากตัวเขาเอง
“แม่ไปเจอหนูจีนที่โรงพยาบาลด้วยนะ”
“แล้วเขาเป็นอะไร?”
“เป็นห่วงเหรอลูก?”
“เปล่า ผมจะไปห่วงเขาทำไมล่ะแม่ ผมแค่อยากรู้เฉยๆอย่างน้อยนั่นก็ลูกน้องผม” เขาเป็นคนไปส่งเธอเองแต่ยังใจแข็งไม่เดินไปด้วย
“เห็นหนูจีนบอกว่าแม่เขาไม่สบายเลยมาเฝ้า หนูจีนผอมลงมากเลยนะลูกแล้วยังโทรมเหมือนคนอดหลับอดนอนอีกน่าเป็นห่วง” โซเฟียเล่าต่อเพราะเอ็นดูเด็กคนนี้เหมือนกัน
“ก็ไม่แปลก” น่าเป็นห่วงมากด้วยเพราะถึงขนาดเป็นลมไปเลย เขาพึ่งจะรู้ว่าแม่เธอไม่สบายไม่อย่างนั้นคงจะไปเยี่ยมในฐานะลูกเขยแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมแล้วค่อยไปเที่ยวกับพ่อแม่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์จะได้ไม่น้อยใจลูกชาย
จบอาหารเย็นเขานั่งคุยกับพ่อแม่สักพักกว่าจะเข้านอนเวลาก็ผ่านไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาโทรหาจีนแต่ลืมไปว่าเธอเปลี่ยนเบอร์ไปแล้วเลยต้องส่งข้อความไลน์ไปแทนเพราะเธอยังไม่เปลี่ยนรวมถึงข้อความเก่าๆของเขาเธอก็ยังไม่อ่านด้วย
บอสเสือ : ได้ข่าวว่าแม่คุณไม่สบายเหรอ
บอสเสือ : พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมนะ
บอสเสือ : คุณเป็นไงบ้าง
บอสเสือ : อย่าลืมกินยาตามที่หมอสั่งล่ะ
บอสเสือ : ผมเป็นห่วงคุณนะ
บอสเสือ : คุณลาอยู่กับแม่จนกว่าจะพอใจ
บอสเสือ : ผมไม่อนุญาตให้คุณลาออก
บอสเสือ : ดูแลตัวเองด้วยนะ
ส่งข้อความไม่เป็นชุดจีนยังไม่อ่านเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเดินวนไปมากเหมือนตัวอะไรสักอย่าง มันเป็นห่วงเธอแต่จะบังคับเลยก็ไม่กล้าอีกแหละ
จีนคือข้อยกเว้นทั้งหมดของเขา
วันนี้คุยกับพ่อแม่มีหลายครั้งที่พูดถึงเรื่องแต่งงานมีลูกมีหลานได้แล้วเพราะเพื่อนรุ่นเดียวกันนั้นแต่งงานไปเกือบหมด บางคนแต่งได้หลายรอบในขณะที่เขายังไม่มีใครเลย
บางทีคนที่ใช่สำหรับเรามันก็ไม่ใช่ว่าจะใช่สำหรับเขาซะหน่อย จีนเป็นคนสอนให้เขารู้แต่ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง
บางทีเขาต้องตัดใจจากเธอนะแล้วหันมาเป็นเจ้านายที่ดีของลูกน้องเหมือนเดิม...เขาทำได้แน่
ติ่ง!
จีน : ฝันดีค่ะบอส
“ในที่สุดเมียก็บอกฝันดีแล้ว คิดถึงจังวะ"
วันต่อมาชายหนุ่มขับรถมาที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมตามที่บอกไว้เมื่อคืน จีนลงมาหาเขาแต่ดูสีหน้ายังคงความเหนื่อยล้าจนน่าเป็นห่วงมาก
“เป็นไงบ้างดีขึ้นรึยัง?”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะบอส แล้วเรื่อง…”
“อย่าพูดว่าคุณจะไปจากผมอีก แค่ที่ผ่านมันก็เกินพอแล้ว” เธอเงียบไปเลยแล้วก้มหน้าเดินนำเขาไปแทน
ทุกอย่างเงียบเหมือนเป็นการกดดันเขาแต่ใครจะไปยอมล่ะในเมื่อได้ตัวมาแล้วอีกไม่นานก็คงได้หัวใจแน่นอน เขากุมมือเธอไว้แล้วขึ้นลิฟท์ คนมีเยอะทำให้เราต้องชิดกันมากขึ้นจนมาถึงเขายังคงไม่ปล่อยมือเธอเลย
“ปล่อยค่ะบอสเดี๋ยวแม่เห็น” เธอแกะมือเขาออก
“แต่ผมเป็นสามีคุณแล้วนะ” บางทีเธอคงลืมไปว่าเขาเป็นใคร แล้วเราเป็นอะไรกันแล้วในตอนนี้
“ไม่ใช่ค่ะ บอสเสือคือเจ้านายฉัน” เธอยืนยันสถานะตัวเองอีกครั้งพร้อมแกะมือเขาออก
“คุณมันดื้อ!” ดื้อมากเหลือเกินเขานี่ก็ประสาทที่ไม่กล้าดุเธออีกแล้ว
“บอสก็ดื้อเหมือนกัน สรุปจะไปเยี่ยมแม่ฉันไหมคะ?”
“เดี๋ยวนี้คุณกล้าว่าผมเหรอ?”
“บอสคะ” เธอมองค้อนเขาเบาๆ
“ก็ได้ ผมจะทำตัวดีๆแล้วกัน” เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยมองไปที่เตียงเห็นแม่เธอนอนอยู่น่าจะหลับไปแล้วแต่ว่าผอมมากแล้วยังมีสายอะไรสารพัดเต็มไปหมดเลย
“คุณโอเครึเปล่า?” เขาอยากจะดึงเธอมากอดปลอบใจแต่ก็ทำได้แค่ถามไปเท่านี้
“ฉันโอเค” เธอตอบเขาไปเสียงสั่น
“ไม่ต้องฝืนเข้มแข็งหรอกผมรู้ว่าคุณไม่ไหว ผมอยู่ข้างคุณเสมอนะ” เขามองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าแม่ของเธออาการหนักมากแล้วถึงจะไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรก็ตาม จีนหันมามองเขาเลยดึงเธอเข้ามากอดลูบหัวปลอบใจเท่านั่นแหละคนแกล้งเข้มแข็งร้องไห้ออกมาทันทีแล้วยังหนักมากด้วย
“ฉันกำลังจะไม่เหลือใครแล้ว” เธอรีบดันตัวเองออกมากำลังเช็ดน้ำตาแต่มีมือใหญ่มาเช็ดออกให้
“คุณยังมีผมนะจีน” เขาบอกแล้วไงว่าไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น เธอมีเขาเสมอนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลังจากเยี่ยมแม่ของจีนซึ่งเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับแม่เธอเลยเพราะหลับยังไม่ตื่นเลยคงจะพึ่งหลับ
เขามาเที่ยวทะเลกับครอบครัวทั้งที่เป็นห่วงจีนมากแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย ถ้าเขาไม่มาแม่คงน้อยใจหนักกว่านี้แน่เพราะหลายปีแล้วมั้งที่เขาไม่มาหา
“น้อยเรื่องที่สั่งล่ะ?” ตอนนี้ค่ำแล้วเขาอยู่รีสอร์ทหรูในห้องส่วนตัวถึงได้เรียกมาถามอีกอย่างน้อยคือคนที่รู้เรื่องเขากับจีนบ้างถึงจะไม่มากก็ตามเถอะ
“บอสครับแม่น้องจีนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายคาดว่าน่าจะอยู่ต่อได้ไม่ถึงเดือนแล้วครับ เพราะอาการทรุดหนัก น้องจีนตัวคนเดียวญาติพี่น้องไม่มีเลยครับ” พูดไปแล้วก็น่าสงสารน้องจีนที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียวไม่มีใครแบบนี้
“ฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของจีนเองแต่จัดการอย่าให้จีนรู้เด็ดขาด อ่อ แล้วรายงานมาทุกวันด้วยนะ” เป็นห่วงมากถึงได้สั่งคนติดตามขนาดนี้แล้วที่ให้รายงานทุกวันเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับไปหาทันที
“บอสทะเลาะอะไรกับน้องจีนเหรอครับ พวกผมช่วยพอจะอะไรได้ไหม?” นาทีนี้อยากช่วยบอสใจแทบขาดเพราะแอบเห็นอยู่ว่าบอสซึมลงไปมากเวลาอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าจะท่าเยอะเก๊กทำเป็นเก่งต่อหน้าทุกคนก็ตาม
บอสเขาขี้เก๊กเศร้าให้ตายก็ยังเก๊ก!
“ไม่มีใครช่วยอะไรฉันได้หรอก แกจับตาดูจีนดีๆแล้วกัน”
“ครับบอส” น้อยตอบก่อนจะเดินออกจากห้องพักบอสไปงานนี้ต้องมีการประชุมบอดี้การ์ดหน่อยแล้ว