นายพิทยานั่งจ้องหน้าลูกสาวคนเล็กที่มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้างกายเขม็ง รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจกับความเอาแต่ใจของเพียงเพ็ญเหลือเกิน
“พ่อไม่ให้ไปหรอก มันอันตราย”
“คุณพ่อเป็นห่วงเพียงเหรอคะ ไม่จำเป็นหรอกค่ะเก็บมันไว้ให้กับพี่เพลงเถอะ เพราะรายนั้นคงจะต้องการความห่วงใยเยอะทีเดียว สำหรับเพียงไม่ต้องเพราะเพียงจะไปหาคุณอัล” วาจาแสนอวดดีของบุตรสาวทำให้นายพิทยาถึงกับต้องถอนใจออกมา
“เขาอาจจะทำร้ายลูกก็ได้นะ และอีกอย่างบราซิลไม่ใช่ที่ที่คนแปลกถิ่นอย่างเราจะไปอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย เชื่อพ่อเถอะเพียง”
“เพียงดูแลตัวเองได้ค่ะ และพอเพียงถึงบราซิลเมื่อไหร่เพียงก็จะโทรหาคุณอัลให้เขาส่งคนมารับ แค่นี้หนทางทุกอย่างของเพียงก็โรยด้วยกลีบกุหลาบแล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวลุกยืน คว้ากระเป๋าเดินทางถือไว้ในมือ
“แต่เขาแค้นพวกเราลูกก็รู้นี่”
“แค่พี่เพลงคนเดียวค่ะ ส่วนเพียงคือว่าที่เจ้าสาวคนต่อไปของคุณอัล”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมุ่งมาดจนผู้เป็นบิดาต้องส่ายหน้าไปมา เพียงเพ็ญพึงพอใจอัลแบร์โต้มานานแล้วเขาพอจะมองออก แต่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเอามากขนาดนี้ มากขนาดจะบินตามไปหาอีกฝ่ายถึงบราซิล
“เมียเขาพึ่งตายไปเขาไม่มีทางสนใจลูกหรอก เลิกคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ได้แล้วเพียงเพ็ญ” คำเตือนของบิดาไม่ได้มีผลให้ความตั้งใจของเพียงเพ็ญลดลงเลย หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างอวดดี
“เป็นไปได้สิคะ เพียงทำได้แน่” หล่อนพูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ
“แล้วหากเขาไม่ได้อยู่บราซิลล่ะ ลูกจะเจอเขาได้ยังไง” คราวนี้หญิงสาวผู้ซ่อนความเลวร้ายเอาไว้ภายใต้ใบหน้าสวยสดหันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่จริงหรอกค่ะ วันที่คุณอัลเดินทางกลับไปบราซิลเพียงยังไปส่งอยู่เลย ไม่เอาละ เพียงไปดีกว่า ขืนพูดกับพ่อต่อไปมีหวังตกเครื่องบินแน่”
พูดจบร่างอรชรของเพียงเพ็ญก็เดินหายออกไปจากห้องรับรองแขก ปล่อยให้ผู้เป็นบิดามองตามไปด้วยความกังวลใจแสนสาหัส เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าผู้ชายอย่างอัลแบร์โต้จะมาชายตาแลเพียงเพ็ญลูกสาวเอาแต่ใจของตนเอง ผู้ชายเหี้ยมโหดคนนั้นน่าจะมีแผนการร้ายอยู่ในใจมากกว่า
ขณะที่นายพิทยากำลังกระวนกระวายใจกับการกระทำของบุตรสาวคนเล็กอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์พื้นฐานที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ ก็ดังขึ้น มือใหญ่เอื้อมไปยกขึ้นมาแนบหู
“พิทยาพูดครับ” เขากรอกเสียงตามสายไปด้วยความไม่สบายใจ
“อะไรนะครับ ได้ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ครับๆ ขอบคุณมากครับ”
พิทยารีบวางสายอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านไปแต่งตัวเพื่อออกไปพบกับตำรวจเจ้าของคดีที่ดูแลคดีของเพลงพิณอยู่ รอยยิ้มแห่งความหวังที่ห่างหายไปนานตั้งแต่เกิดเรื่องค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าอมทุกข์ของพิทยาทีละน้อย เมื่อตำรวจบอกว่าพบหลักฐานสำคัญที่จะช่วยล้างผิดให้กับลูกสาวของตนเองได้
เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระยะปลุกให้ร่างบอบช้ำของเพลงพิณรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ร่างบอบบางเมื่อยขบ อ่อนล้าและเจ็บร้าวไปทั่วทั้งเรือนกาย เหตุการณ์โหดร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้น้ำตาไหลทะลักออกมาอีก หมดสิ้นกันแล้วกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต อัลแบร์โต้ทำลายมันเสียจนย่อยยับ เขาทำตัวไม่ต่างจากสัตว์ป่ายามเสพสมกับร่างกายของหล่อน
“พ่อจ๋า... เพลงเจ็บเหลือเกิน”
เพลงพิณค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสในที่เร้นลับ มันยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าตัวเองถูกทำลายอย่างป่าเถื่อนแค่ไหน
รอยแดง รอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในทุกตารางนิ้วบนร่างกายไม่ต่างจากเข็มแหลมคมที่ทิ่มแทงหัวใจ สาวน้อยเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นแห่งความชอกช้ำเอาไว้ มือบางปาดน้ำตาที่มันทะลักทลายออกมาทิ้งด้วยความเจ็บปวด
“ตื่นแล้วก็รีบลุกขึ้นมาสิ”
เสียงกระด้างที่คำรามใส่หน้าทันทีเมื่อประตูถูกเปิดออกโดยไม่มีเสียงเตือนล่วงหน้า มือบางรีบกระชับปมผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างกายของตนเองอยู่ไว้แน่น มองคนตัวโตที่หล่อเหลาอยู่ในชุดลำลองสีขาวสะอาดตาด้วยความหวาดกลัว
“อย่าทำอะไรเพลงอีกเลย เพลงกลัวแล้ว”
อัลแบร์โต้แสยะยิ้ม พยายามบังคับตัวเองไม่ให้เลื่อนสายตาต่ำลงไปตามร่างกายที่ถึงแม้จะมีผ้าห่มอยู่แต่เขาก็สามารถจินตนาการความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในได้เป็นอย่างดี
ทรวงอกอวบใหญ่ล้นมือที่ปลายยอดประดับด้วยทับทิมสีชมพูเม็ดเล็ก เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกลมกลึง และเนินสาวที่อวบอูมมีไรขนอ่อนนุ่มขึ้นอยู่ประปราย คิดแค่นี้เลือดหนุ่มในกายของเขาก็ร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง มันรุ่มร้อนเดือดพล่าน อยากจะจับเรียวขานวลนั้นแยกออกจากกันและโถมร่างเข้าใส่ให้หายคลั่ง
ให้ตายเถอะ นี่เขาต้องกำลังเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ อย่าลืมสิว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง ทั้งเมียของเขา ลูกของเขา หล่อนควรจะชดใช้ด้วยความตายด้วยซ้ำ
“อย่ามาทำเป็นดัดจริต เธอชอบมันจะตาย ลุกขึ้น แล้วรีบไปทำความสะอาดบ้านให้ทั่ว”
“เมื่อวานเพลงพึ่งทำไปเองนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียงน่าสงสาร เพราะสภาพของหล่อนตอนนี้ให้ลุกขึ้นธรรมดาๆ ก็ยังยากลำบากแล้วจะมีแรงที่ไหนไปทำตามคำสั่งแสนอำมหิตของผู้ชายหัวใจทมิฬอย่างอัลแบร์โต้ได้
“งั้นเลือกเอาก็แล้วกัน ว่าจะทำงานบ้านหรือว่าจะทำงานบนเตียง” ใบหน้าสวยตื่นตระหนก ส่ายหน้าไปมาอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างสะใจเมื่อเห็นสาวน้อยลนลานด้วยความกลัว
“แต่รับรองเลยว่าถ้าเธอเลือกทำงานบนเตียงละก็ เธอรับศึกหนักแน่”
“เพลง... เพลงจะทำงานบ้านค่ะ เพลง...”
“ดีมาก ฉันให้เวลาสิบนาทีก็แล้วกัน สำหรับการล้างคราบความใคร่ที่ฉันใส่เข้าไปข้างในตัวของเธอ”
จบคำพูดโหดร้ายร่างสูงใหญ่ของอัลแบร์โต้ก็ก้าวยาวๆ ออกไป เพลงพิณปล่อยสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บช้ำ หมดปัญญาจะต่อกรกับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เห็นหล่อนเป็นแค่เชลยแค้น