บทที่8
ร่างบางยืนอยู่หน้าประตูจวนสกุลจื่อ
‘ข้ากลับมาแล้ว’ ริมฝีปากอิ่มไหวระริกยกยิ้มด้วยความยินดี ในที่สุดก็ได้กลับมา
“คุณหนู นายท่านรอที่เรือนรับรองแล้วเจ้าค่ะ”
แม่บ้านหม่า ออกมายืนรอต้อนรับคุณหนูใหญ่ตามคำสั่งของฮูหยิน ข่าวลือว่าจื่อฮูหยินรังเกียจคุณหนูใหญ่ที่เกิดจากฮูหยินรอง จนถึงขั้นส่งไปอยู่ต่างเมืองและไม่ยินยอมให้กลับมาอยู่อาศัยร่วมจวน กระทบภาพลักษณ์อ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยจารีตประเพณีของฮูหยินไม่น้อย แม้จะกลบข่าวลือด้วยการบอกใครๆว่าคุณหนูใหญ่นั้นร่างกายอ่อนแอ เลือกที่จะรักษาด้วยอยู่บ้านเกิดมารดา จนในที่สุดวันเวลาก็กลืนข่าวพวกนั้นจนหมดสิ้น แทบไม่เคยมีใครพูดหรือถามถึงคุณหนูจื่อรั่วอีกเลย การเดินทางกลับมาของคุณหนูในครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงของจื่อฮูหยินแปดเปื้อนอีกครั้งไม่ได้ จึงต้องออกมายืนต้อนรับขับสู้อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงให้ผู้คนภายในและภายนอกได้เห็นว่าตระกูลจื่อนั้นยินดีที่คุณหนูจื่อรั่วกลับมามากมายเพียงใด
จื่อรั่วลงรถม้ามาพร้อมแม่นมจาง เดินตามคนสนิทของฮูหยินเข้าจวนไป เมียงมองรอบๆตัวไปตลอดทาง จวนสกุลจื่อนั้นเปลี่ยนไปมากนั้น ใหญ่โตโออ่ากว่าตอนที่นางอยู่จนแทบจะไม่เหลือภาพเดิม มีสิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคงจะเป็นป้ายแซ่สกุลที่ประตูจวนละมั้ง
“คงจะต่างจากจวนที่อยู่บ้านนอกนั้น คุณหนูถึงได้มีท่าทีเยี่ยงนี้”
แม่บ้านหม่าอดที่จะบิดปากเอ่ยว่าจาออกมาไม่ได้ ท่าทางระริกระรี่มองซ้ายมองขวา คงจะไม่เคยเห็น ก็อย่างว่าล่ะ เบี้ยหวัดที่ฮูหยินส่งให้พอสำหรับซื้อข้าวหุงกรอกหม้อเท่านั้น
“จริงอย่างเจ้าว่า ข้าไม่เคยเห็น เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลแต่กลับอยู่ในจวนเล็กๆกับแม่นมสองคน ข้าวของเครื่องเรือนไม่เคยเปลี่ยนมาตลอดสิบกว่าปี ข้าว่าข้ากลับมาคราวนี้ แม่ใหญ่คงจะเตรียมเรือนที่เหมาะสมกับฐานะของข้าไม่ให้ใครมาดูหมิ่นได้ เพราะหากดูหมิ่นข้าก็เท่ากับตำหนิไปถึงแม่ใหญ่ด้วย ท่านว่าจริงหรือไม่”
จื่นรั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก้าวเข้าเรือนรับรองทิ้งแม่บ้านหม่าที่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
แม่บ้านหม่าถึงกับพูดไม่ออก ไม่เคยคาดคิดว่าจะถูกคุณหนูใหญ่โต้ตอบกลับแบบนี้ทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน
ทุกสายตามองไปยังร่างบางที่ก้าวเข้ามายังห้องรับรอง
“จื่อรั่วคารวะท่านพ่อ ท่านแม่ใหญ่” เสียงหวานหยอบกายลงอย่างนอบน้อม ส่งยิ้มละมุนให้แก่ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง เก้าอี้ประธานคือบิดาผู้ให้กำเนิด แก่ไปมากทีเดียว สตรีที่นั่งเคียงข้างจะเป็นใครไม่ได้ฮูหยินเอกผู้เคียงบ่าเคียงไหล่คู่บารมีบิดาจนมีได้ทุกวันนี้ ส่วนดรุณีที่นั่งถัดมาคงจะเป็นคุณหนูรอง แต่เหตุใดนางจึงเกล้าผมเช่นสตรีที่ออกเรือนแล้ว
“นั่งๆคนกันเองทั้งนั้น”
“เจ้าค่ะ”
“งานหมั้นหมายจะมีขึ้นในอีก 7 วัน ทางนู้นเตรียมการเรียบร้อยแล้ว”
ที่เรียกนางกลับมาก็ได้แจ้งชัดในจดหมายแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมากความ ในเมื่อมาถึงแล้วก็พูดให้จบชัดเจนไปในคร่าเดียว
“ท่านพ่อพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าต้องแต่งกับผู้ใด”
“คุณชายซานซีหาว บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้าย”
จื่อเหลียง มองบุตรสาวตั้งแต่หัวจรดปรายเท้า จื่อรั่วเหมือนมารดาของนางยิ่งหนัก กริยายามหยอบกายทำความเคารพ ไม่เสียแรงที่จ้างคนไปสอนสั่งอบรมกริยามารยาทถึงฝู่โจ ยอมขัดใจฮูหยินโดยอ้างว่าอย่างไรนางก็ต้องออกเรือน หากไม่รู้อะไรเลย คนจะว่ามาถึงฮูหยินได้ว่าไม่อบรบสั่งสอน เดิมที่จื่อเหลียงจะให้จื่อรั่วแต่งออกเรือนตั้งแต่อายุ 16 แต่ไม่ว่าเสนอตระกูลใดแก่ฮูหยิน นางก็ไม่ยินยอมให้จื่อรั่วออกเรือน จนกว่าบุตรสาวของนางจะได้แต่งกับตระกูลดีๆ ก็คือให้จื่อปิงเลือกก่อนนั้นเอง จื่อรั่วถึงจะมีสิทธิ์แต่งออกไป พอจื่อปิงอายุ 16 ก็แต่งกับบุตรชายคนเล็กของเจ้ากรมโยธา หลังจากจื่อปิงแต่งออกไปฮูหยินรักก็นำรายชื่อคุณชายมากมายมาให้เขาเลือก ทั้งที่แต่งฮูหยินแล้วและยังไม่แต่ง เขาใช้เวลาเลือกอยู่นานพอควร เพราะต้องเลือกคนที่จะมาเกื้อหนุนตระกูลของเขาได้ไม่ใช่มาเป็นภาระ แม้จะไม่ได้เลี้ยงจื่อรั่วมาเองกับมือ ไม่ได้ยินดียินร้ายกับการมีชีวิตของนาง แต่อย่างไรนางก็คือบุตรสาวที่เขาให้กำเนิด นางต้องเชิดชูตระกูลเขาให้สูงขึ้น จื่อเหลี่ยงยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ใครจะไปคาดคิดว่าตระกูลซานถึงกับส่งเทียบหมั้นมาเอง นี่ละเพราะบารมีของเขาทำให้มีขุนนางใหญ่อยากผูกสัมพันธ์ด้วย จื่อเหลียงอดไม่ได้ที่จะยกหางเข้าข้าวตนเอง
อีกคนยินดีแต่อีกคนกลับทุกข์ระทรม อกไหม้ใส้ขม ที่บุตรสาวของคนที่นางเกลียดจะได้ดีไปกว่าบุตรสาวของตนเอง จื่อฮูหยินกำหมัดแน่นภายใต้เสื้อคลุม ตั้งแต่เห็นใบหน้าของจื่อรั่วที่ก้าวเข้าเรือนรับรองมา ยิ่งแค้นใจ ใบหน้าไม่ผิดแปลกไปจากมารดาของนางเลยแม้แต่น้อย หวังจู๋เสี้ยนสวยฝุดฝาดราวกับเทพเซียน ไม่ใช่สินางคือมารจิ้งจอก ตอนที่มีชีวิตอยู่ก็แย่งความรักจากสามีไปจนหมด ใช้มารยาล่อหลอกให้จื่อเหลียงยอมแต่งนางเข้ามาเป็นฮูหยินรอง พอตายไปจื่อฮูหยินถึงได้พบกับความสุขเสียที แล้วทำไมยังส่งจื่อรั่วมาทำลายความสุขของนางอีก จื่อฮูหยินพยายามยื้อเวลาทุกครั้งที่สามีจะให้จื่อรั่วกลับมาแต่งงาน เลือกคุณชายตระกูลรอง คนที่ไม่มีอำนาจใหญ่โต หรือบางคนเป็นคุณชายตระกูลใหญ่แต่แต่งฮูหยินแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีเทียบของหมั้นมาจากตระกูลของเสนาบดีขอจื่อรั่วแต่งแบบนี้ ‘ข้าไม่มีวันให้นางมีความสุขกว่าจื่อปิง ไม่มีวัน’