บทที่10
หลังจากดื่มยาไปเพียงหนึ่งชุด จื่อรั่วก็หายจากอาการท้องร่วง ยกเว้นคนบนเรือนใหญ่ จนป่านนี้ก็ยังวิ่งเข้าสุขา เหตุที่จื่อรั่วและบ่าวไพร่ท้องเสียแค่ไม่กี่ชั่วยามเนื่องจากตัวนางมียาแก้ ส่วนบ่าวไพร่ในจวนล้วนทำงานหนักดื่มน้ำในบ่อที่มีส่วนผสมของยาระบายเพียงเล็กน้อยย่อมท้องเสียเพียงไม่นานก็สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ผิดกับคนบนเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยหยิบจับสิ่งใดย่อมมีธาตุไฟที่อ่อนกว่าจึงมีอาการยาวมาจนถึงช่วงบ่าย
แค่ท้องเสียยังน้อยไปท่านแม่ใหญ่
คุณหนูของนางยอมท้องเสียเหมือนคนอื่นๆในจวนเพื่อจะไม่ให้ผู้ใดสงสัย นางก็คิดอยู่แล้วว่าขาเดินกลับจากโรงครัวคุณหนูโยนห่อผ้าลงบ่อน้ำทำไม นี่แค่วันเดียวยังก่อเรื่องขนาดนี้ อยากให้รีบแต่งออกไปโดนเร็ววันกลัวคุณหนูจะปิดบังนิสัยอันแท้จริงไว้ไม่มิด แต่แม่นมทำเพียงส่ายหน้าเพราะตัวนางเองก็ผิดที่ตามใจ จึงทำได้เพียงสงบปากสงบคำ
หลังจากแก้แค้นให้โต๊ะเครื่องแป้งจนสาแก้ใจแล้ว เรื่องต่อไปคือว่าที่สามีในอนาคต ซานซีหาว บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้าย
“แม่นมท่านปิดห้องหับให้ดี ข้าจะออกไปหาข่าว”
จื่อรั่วใช้อาการท้องเสียเช่นเดียวกับทุกคนในจวนเป็นข้ออ้างในการปิดเรือนเงียบงดรับแขก และให้แม่นมคอยอยู่รักษาการดูต้นทางนั้นเอง นางไปไหนมาไหนคนเดียวเช่นนี้จนชินแล้ว เนื่องจากคล่องตัวแล้วยังต้องมีคนปิดบังว่านางไม่อยู่เรือนนอนด้วย
ร่างบางปล่อยผมสยายทิ้งศีรษะลงกับพื้นก่อนจะจับรวบผมทั้งหมดมัดไว้กลางศีรษะ หยิบชุดเก่าในหีบที่ยังไม่ได้ถูกเปิดออก แต่งกายเช่นเดียวกับสาวใช้แล้วเดินก้มหน้าออกทางประตูด้านจ้างของจวนสกุลจื่ออกไป ไร้คนจับตา ไร้คนสงสัยเนื่องจากประตูนี้ใช้สำหรับบ่าวไพร่เข้าออก คนที่เดินออกประตูย่อมต้องเป็นสาวใช้ภายในจวน ส่วนขากลับค่อยคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรยามหน้าประตูถึงจะยอมให้ผ่านกลับเข้ามา
จื่อรั่วมุ่งหน้าไปยังตลาดของเมื่องหลวง เพราะนางนั้นไม่รู้จักจวนของสกุลซาน จึงไปตั้งต้นจุดกระจายข่าวของเมืองหลวงดีที่สุด เลียบเคียงๆแม่ค้าอยู่หลายคน เดินตามการชี้บอกทางมาก็หลายลี้ ในที่สุดนางก็มาถึงจวนสกุลซาน
“พี่ชาย ท่านรู้จักคุณชายซานซีหาวหรือไม่”
เมื่อเดินเลียบเคียงด้านข้างกำแพงพบพ่อค้ากำลังเก็บแผงเตรียมกลับบ้านจึงรีบเดินไปเข้าไปสอบถาม
“รู้จักสิ ข้าอาศัยค้าขายอยู่ตรงนี้มาหลายปี ย่อมรู้จักคนในสกุลซานทุกคน” พ่อค้าคุยโอ่ว แม้ไม่ได้รู้จักสนิทสนิมแล้วอย่างไร แค่รู้ชื่อเสียงเรียงนามคนใหญ่คนโตคนเช่นเขาก็สามารถยืดอกภูมิใจได้
จื่อรั่วจึงหยิบอัดพวงสุดท้ายที่เหลือของเดือนนี้ของนางเพื่อเป็นสินน้ำใจยื่นให้ ก่อนจะถามสิ่งที่อยากรู้
‘คุณชายซานซีหาวบุตรชายคนเล็กรูปงามนักสาวๆในเมืองหลวงต่างหมายปอง’
‘ยังไม่แต่งฮูหยินเอก ฮูหยินรอง’
‘มีอนุแค่ 5 คนเท่านั้น’
จื่อรัวทบทวนเรื่องราวของว่าที่สามี ดวงจิตใจห่อเหี่ยวร่างบางเดินลากขากลับจวนสกุลจื่อ แม้จะไม่ได้รักชอบพอกัน อีกทั้งยังยกนางให้เป็นฮูหยินเอก แต่อนุ 5 คน ที่พ่อค้าใช้คำว่า ‘แค่ 5 คนเท่านั้น’ เพราะสำหรับตระกูลขุนนางใหญ่ บุรุษมีภรรยาและอนุมากนั้นเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เรื่องแปลก
“แม่นางท่านดูเหมือนคนหลงทาง”
เป็นหลิวเสวี่ยอวี้ที่อดทนไม่ไหวเมื่อเห็นนางหมดอาลัยเดินเหมือนเด็กน้อยพลัดหลงจากบิดามารดา เขาเดินทางมาถึงเมืองหลวงก็ต้องรีบมาทำภารกิจพิเศษให้สหายรัก ภารกิจที่ว่านั้นก็คือดูแลสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
“ขอบคุณชายที่เป็นห่วง ข้าไม่ได้หลงทางข้ากำลังจะกลับสกุลจื่อ”
จื่อรั่วหันไปตอบด้วยร้อยยิ้ม แม้จะไม่รู้บุรุษตรงหน้า แต่อีกฝ่ายมีน้ำใจเป็นห่วง นางจึงยอมโต้ตอบกลับ
“โอ้ว เช่นนั้นแม่นางก็คือคุณหนูใหญ่จื่อรั่ว”
ร่างบางถึงกับหัวคิ้วหมุน ชุดที่นางสวมอยู่ห่างไกลคำว่าคุณหนูอยู่มาก หากคิดว่านางเป็นสตรีชาวบ้านทั่วไปก็ไม่แปลก แต่นี้ถึงขึ้นเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของนางถูกน้อง จากรอยยิ้มค่อยๆหายไปจากดวงหน้า จื่อรั่วเชิดใบหน้ามองบุรุษตรงหน้าให้เต็มตาชัดๆ
“ท่านรู้จักข้าได้อย่างไร ท่านเป็นใคร”
“คุณหนูจื่อท่านใจๆเย็นๆ อุบ ฮ่ะ ฮ่ะ” กลั้นขำไม่ไหวกับทางทีราวกลับแมวน้อยกางเล็บ
“นี่ข้าถามว่าท่านอยู่ ไม่ใช่ให้มาขำข้า”
หลิวเสวี่ยอวี้สูบลมหายใจเข้าออกอยู่อีกหลายครั้งกว่าจะหยุดหัวเราะได้ ไม่คิดว่าการปรากฏตัวต่อหน้านางครั้งแรกจะลงเอ่ยแบบนี้
“ข้ามีนามว่าหลิวเสวี่ยอวี้เป็นพ่อค้าเร่นำสินค้าจากต่างเมืองเข้ามาขายในเมืองหลวง การรู้จักคุณหนูและคุณชายลูกหลานขุนนางเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของธุรกิจข้า ขนสินค้าแต่ล่ะครั้งหากรู้ความต้องการของผู้มีกำลังซื้อสินค้าราคาสูงๆ ย่อมได้กำไรงาม”
“แต่ข้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวงเมื่อวาน” จื่อรั่วยังไม่หายข้องใจ สอดส่องสายตาหาทางหนีที่ไล่ มองเห็นกลุ่มคนเดินไปมาหากท่าไม่ดีจะได้วิ่ง
“นอกจากเป็นพ่อค้าแล้ว ข้ายังเปิดสำนักส่งข่าว เรื่องที่คุณหนูต้องการทราบเกี่ยวกับคุณชายซาน ข้ามั่นใจว่าสำนักข้าให้ข้อมูลได้มากกว่าพ่อค้าขายปลาคนเมื่อกี้”