บทที่ 7 ความลับของท่านหมอผู้เลื่องชื่อ 1

1577 คำ
“หนี่ว์เอ๋อร์ เรื่องนี้เจ้าจะบอกใครไม่ได้รู้หรือไม่” ฝู่เหมากำชับหลานสาว แน่นอนว่าเรื่องที่นางถือครองพลังปราณธาตุต้องห้ามนั้น หากมีผู้ใดล่วงรู้ไปมากกว่านี้ ย่อมนำอันตรายมาสู่ทุกคนในครอบครัวแน่ เพราะพลังเวท มีคุณสมบัติพิเศษกว่าพลังธาตุอื่นๆ นั่นคือไม่มีตัวตนที่ชัดแจ้ง ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นพลังปราณในรูปแบบใด ไม่เหมือนพลังปราณธาตุอื่นๆ อย่างเช่นพลังปราณธาตุน้ำ ที่สามารถควบคุมน้ำได้ พลังปราณธาตุโอสถที่โดดเด่นในเรื่องการแพทย์และสมุนไพร หรือแม้แต่พลังปราณธาตุที่แสนจะหายากอย่างพลังปราณธาตุอักขระ ที่จะเห็นถึงคุณสมบัติได้เมื่อผู้ใช้สลักอักขระลงบนวัตถุต่างๆ ซึ่งก็คล้ายกับการร่ายมนตร์คาถา แต่สิ่งที่ทำให้พลังธาตุอักขระต่างจากพลังธาตุเวทก็คือ พลังธาตุอักขระจะสามารถมองเห็นได้ หรือผู้ที่มีระดับพลังปราณสูงจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอักขระ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ใช้พลังธาตุอักขระก็ตาม ในทางกลับกัน พลังธาตุเวทนั้นนอกจากจะไร้ตัวตน สัมผัสไม่ได้แล้ว คาถาแต่ละบทยังดูลึกลับและมุ่งเน้นไปที่การควบคุมจิตใจมนุษย์ และสัตว์ รวมไปถึงสัตว์อสูรด้วย นั่งจึงทำให้พลังธาตุเวทกลายเป็นพลังธาตุต้องห้ามของทั่วทั้งแว่นแคว้นทั้งสี่ เพราะถือเป็นพลังธาตุที่ชั่วช้าต่ำทราม “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านตา” หลีเริ่นหรานรับคำหนักแน่น เรื่องที่นางมีพลังปราณธาตุต้องห้ามนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่นางตั้งใจไว้จะต้องจบลง อย่าหวังถึงเรื่องการแก้แค้นให้บิดามารดาและพี่ชายเลย หากว่ามีผู้อื่นล่วงรู้ นางเองก็คงจะรักษาชีวิตตนเองไว้ไม่ได้ สิ่งที่ทำให้มนุษย์เกิดความระแวง จนกลายเป็นความหวาดกลัวก็คือสิ่งที่มองไม่เห็น พลังปราณธาตุเวทนั้นจึงถูกเปรียบเสมือนผีร้ายที่ไร้ตัวตน แต่กลับสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ผู้คนเกรงขามได้ “ดีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็อย่าบอกให้ผู้ใดทราบ แม้แต่พี่ชายทั้งสองของเจ้า ความลับนี้จะต้องเป็นความลับไปตลอดกาล และเมื่อข้าตาย ความลับของเจ้าก็จะตายไปกับข้าด้วย” ฝู่เหมากล่าวหนักแน่น เขาไม่ยอมให้หลานสาวถูกส่งตัวไปให้ทางการแน่ ถือครองธาตุต้องห้ามแล้วอย่างไร? ในเมื่อนางยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยวัยสิบขวบคนหนึ่ง หลังจากนั้นสองตาหลานก็พากันปรึกษาว่าจะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงของนางไว้ ไม่อย่างนั้นอาจจะถูกผู้อื่นล่วงรู้ความลับนี้เอาได้ สองตาหลานจึงตกลงกันว่าจะเปิดโรงหมอขึ้น “โรงหมอหรือเจ้าคะท่านพ่อ?” ฝู่หลงฮวาเอ่ยถามบิดา ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น บิดาของนางไม่เคยมีความคิดจะเปิดโรงหมอเป็นของตนเองเลย ตอนที่นางยังเป็นฮูหยินตระกลูแม่ทัพ มีเงินทองให้ใช้สอยมากมายนางก็เคยถามบิดาเรื่องนี้ แต่บิดาก็ให้เหตุผลว่าคนเจ็บป่วยบางคนก็ไม่มีเงินมาหาหมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผู้เป็นบิดาเดินทางออกท่องยุทธภพ แต่ทำไมคราวนี้ถึงคิดอยากจะเปิดโรงหมอ? “เพราะหนี่ว์เองเจ้าค่ะท่านแม่” เด็กน้อยเอ่ยตอบแทนผู้เป็นตา “เพราะเจ้า?” “เจ้าค่ะท่านแม่ หนี่ว์อยากให้ท่านตาเปิดโรงหมอ พี่รองเองก็เก่งเรื่องโอสถและการแพทย์ ข้าจึงคิดว่าการที่เราเปิดโรงหมอจะทำให้เรามีเงินมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องอาศัยเงินจากการขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรมาขาย” “แต่เราก็ต้องมีเงินลงทุนนะหนี่ว์เอ๋อร์ โรงหมอเล็กๆ แห่งหนึ่งก็ต้องใช้เงินมากกว่าหนึ่งพันตำลึงเงินในการสร้าง แม้ตอนนี้พวกเราจะมีกินมีใช้โดยไม่ลำบาก แต่ถ้าคิดจะสร้างโรงหมอเราต้องมีเงินมากกว่านี้ จึงจะเปิดโรงหมอได้” ฝู่หลงฮวาอธิบายให้บุตรสาวเข้าใจ นางรู้ดีว่าบุตรสาวนางนั้นชอบที่จะมีเงิน และออกจะมีนิสัยขี้งกอยู่บ้าง ทางใดที่นางเห็นว่าจะนำมาซึ่งเงินทองที่มากกว่าเดิม นางก็คงคิดอยากทำ แต่เรื่องการค้านั้นใช่ว่าจะลงมือทำก็ทำได้ “เช่นนั้นรอตามีเงินเก็บอีกเล็กน้อย เราค่อยเปิดโรงหมอดีหรือไม่?” ฝู่เหมาเอ่ยอย่างต้องการเอาใจหลานสาว แต่หารู้ไม่ว่าหลานสาวตัวน้อยนั้นได้แต่รู้สึกคันยุบยิบในใจ เรื่องนั้นหาจะใช่ปัญหาที่แท้จริง ในเมื่อนางนั้นมีเงินมากมาย แต่ก็นั่นแหละ นางจะเอาออกมาใช้เลยโดยที่ไม่ถูกคนในบ้านสงสัยได้อย่างไร มีเงินแต่ใช้ไม่ได้นี่ช่างน่าอึดอัดใจเสียจริง! “ท่านหมอฝู่! ท่านหมอฝู่อยู่หรือไม่ขอรับ?” ขณะที่ทั้งห้าคนกำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ในเรือนหลัก ก็มีเสียงเรียกของชายผู้หนึ่งดังขึ้นที่หน้าเรือน “เดี๋ยวข้าออกไปดูเองขอรับ” หลีหยางเอ่ยก่อนจะเดินออกจากเรือนไป “หนุ่มน้อย มิทราบว่าท่านหมอฝู่อยู่หรือไม่?” ชายคนนั้นเอ่ยถาม “มิทราบว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือขอรับ เหตุใดท่านจึงดูร้อนใจเช่นนี้” “คือมารดาของข้าล้มป่วย จึงอยากจะเชิญท่านหมอฝู่ไปตรวจดูอาการให้มารดาของข้าเสียหน่อย” ชายผู้นั้นเอ่ยบอก “เช่นนั้นโปรดรอประเดี๋ยว ข้าจะไปตามท่านตามาให้” “มารดาเจ้าเป็นไข้ป่า ข้าได้จัดยาสมุนไพรไว้ให้แล้ว ต้มกินทุกวันเช้าเย็นหลังอาหาร อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่อย่าให้นางโดนฝนเชียว ไม่อย่างนั้นอาการจะไข้จะกำเริบเอาได้ และจะรักษายากกว่าเดิม” “ขอบคุณขอรับท่านหมอฝู่” ชายคนดังกล่าวเอ่ยขอบคุณ เมื่อมารดาได้รับการรักษาจากท่านหมอแล้ว “ท่านหมอ ไม่ทราบว่าหนุ่มน้อยคนนี้คือ” เขาหันหน้าไปที่หลีหยางด้วยสายตามีคำถาม เพราะตลอดการรักษาเขาสังเกตเห็นว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ดูท่าทางคล่องแคล่ว ทั้งยังจัดยาที่ท่านหมอสั่งได้รวดเร็ว “เขาเป็นหลานชายคนรองของข้าเอง” ฝู่เหมาเอ่ยบอก ก่อนจะส่งสายตาให้หลายชายแนะนำตัวเอง “ข้าน้อยซ่งหานหลิ่ง ขอรับ” “อ้อ...ถึงกับเป็นหลานชายของท่านหมอฝู่” ชายคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อย ด้วยความที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองเหลียงมานาน และท่านหมอฝู่เองก็ได้ชื่อว่าเป็นหมอที่มีน้ำใจประเสริฐ เขารักษาผู้ป่วยทุกคนด้วยความจริงใจ ไม่เลือกฐานะ ไม่คิดค่ายาค่าหมอแพงเหมือนกับหมอคนอื่น บางครั้งก็รักษาโดยไม่คิดเงิน จึงทำให้ท่านหมอฝู่เป็นที่รู้จักและเลื่อมใสของชาวเมืองในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่ท่านหมอผู้นี้มักจะเดินทางท่องไปทั่วยุทธภพ จึงทำให้ผู้คนลืมเลือนไปบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด ท่านหมอฝู่จึงได้ลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองเหลียงแห่งนี้มานานกว่าสี่ปีแล้ว เมืองเหลียงนั้นเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกของแคว้นหนานไห่ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหน้าด่าน แต่ก็ไม่ได้มีการค้าขายที่ครึกครื้นมากนัก ไม่เหมือนเมืองหน้าด่านเมืองอื่นๆ เพราะเมืองเหลียงนั้นตั้งอยู่ติดกับหุบเขา หากเดินทางออกจากเมืองไปทางทิศตะวันออก ก็จะเป็นเส้นทางที่สามารถเดินทางไปยังแคว้นตงฟู่ได้ ทว่าเส้นทางนั้นก็เต็มไปด้วยป่าเขาและสัตว์อันตราย อีกทั้งการค้ากับแคว้นตงฟู่ก็ไม่ได้รุ่งเรืองมากเท่ากับแคว้นอื่นๆ เมืองหน้าด่านนี้จึงไม่ต่างอะไรกับเมืองธรรมดาเมืองหนึ่ง “หลิ่งเอ๋อร์นั้นเป็นผู้ใช้พลังปราณธาตุโอสถ ข้าจึงให้เขาตามมาดูการรักษาด้วย เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์” ฝู่เหมาอธิบายเพิ่ม “เช่นนั้นเองหรือขอรับท่านหมอฝู่ แต่ดูท่าทางแล้วหลานชายก็คงจะเก่งกาจไม่ต่างจากท่าน” “กล่าวเกินไปแล้ว ข้านั้นมิอาจเทียบได้กับท่านตา” ฝู่เหมาหัวเราะ ก่อนทั้งสองจะลาชายผู้นั้นแล้วเดินออกจากเรือนหลังเล็กของอีกฝ่ายมา โดยไม่เก็บค่ารักษาแม้แต่อิแปะเดียว “คิดว่าตนเองมิอาจเก่งกาจเทียบข้าได้อย่างนั้นรึ?” ฝู่เหมาเอ่ยถามหลานชาย ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินทางกลับ “หลานมิกล้า ท่านตาเป็นหนึ่งเรื่องการรักษา” หลีหยางเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ซึ่งคนเป็นตาเห็นแล้วก็ให้เอือมระอานัก เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ใดๆ มากนัก เวลาอยู่ต่อหน้าผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว แต่ก็ต้องยกเว้นไว้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น ซึ่งก็คือหนี่ว์เอ๋อร์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม